บทที่1.นี่เหรอผู้ชายที่มีอายุ50 2/2
“เจ้านายเก่าพ่อเอ็งสิ...แม่ไปล่ะ หุงข้าวดีๆ ล่ะ อย่าให้แฉะจนขายขี้หน้าแขกของพ่อเอ็ง” ปรางกำชับบุตรสาว คว้ามอเตอร์ไซค์ของทับทิมมาสตาร์ทเครื่องมุ่งหน้าไปตลาด หวังได้อะไรติดมือมาบ้าง ไม่อย่างนั้นคงได้ขายขี้หน้าคนมาเยือน
ทับทิมพยายามนึก เจ้านายเก่าของบิดาคือผู้ชายรูปร่างภูมิฐานที่เธอเคยพบครั้งนึง สมัยที่เป็นเด็ก ปรางเคยพาไปเยี่ยมบิดาที่ไซน์งาน เธอมองเห็นเขาไกลๆ รู้แค่ว่าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับบิดา
หญิงสาวลืมคนแปลกหน้าที่เคยทำให้หงุดหงิดไปเสียชิบ
ชายผู้นั้นไม่อยู่ในโผของคนที่เคยเป็นเจ้านายของทัพนั่นเอง เขาดูอ่อนเยาว์กว่าบิดาตนเองหลายปี...
ทับทิมเอาหนังสือเข้าไปเก็บไว้ในห้อง เพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็น หรือหากเผลอเปิดอ่านเข้าล่ะก็คงเป็นงานใหญ่ในการต้องสรรหาคำอธิบาย เนื้อหาโจ่งครึ่ม เรื่องราวไม่มีอะไรเลยนอกจากบทบรรยายเรื่องเซ็กส์ เธอเดินเลยเข้าไปในครัวจัดการหุงข้าวเหมือนที่มารดากำชับไว้ หลังชั่งใจอยู่นานกับปริมาณน้ำ ทับทิมตัดใจกดสวิตซ์ในที่สุด ไม่เป็นไรหรอกน่า เธอมั่นใจว่าตนเองหุงข้าวได้ดีในระดับหนึ่ง
มารดาของเธอกลับมาหลังหายไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ตระกร้าว่างเปล่าอัดแน่นไปด้วยของสด ตอนที่ปรางเดินขึ้นบ้าน ทับทิมได้ยินเสียงบ่นเบาๆ
“อีพวกนี่ โขกราคาเสียแทบไม่อยากซื้อคราวหน้า”
หญิงสาวโผล่หน้าออกมาจากห้อง “ให้ทิมช่วยไหมแม่?”
ปรางส่ายหน้า “ไปตามไอ้จ้อยให้แม่แทนเถอะ ให้มันไปดูลอบที่พ่อเอ็งวางไว้น่ะ มีปลาติดลอบบ้างหรือเปล่า แม่จะเอามาย่าง”
จ้อยคือเด็กกำพร้าที่มารดาขอหลวงตาที่วัดมาเลี้ยงดู เด็กชายผู้นั้นฉลาดและทำงานเก่ง เสียอย่างเดียว จ้อยชอบไปขลุกอยู่ที่วัด...คงเพราะชินกับการอาศัยวัดอยู่มาตั้งแต่เด็ก และยังไม่ชินกับการมีผู้ปกครอง ทัพไม่ได้บ่น เพราะดีกว่าการไปขลุกอยู่ที่ร้านเกม ปรางเองก็เห็นดีด้วย เขาสองคนให้เวลาจ้อยปรับตัว...คงอีกไม่นานหรอก เพราะจ้อยเองก็เพิ่งมาอยู่ที่บ้านเธอ ได้ไม่เต็มสองปีดี ทับทิมสอบติดมหาวิทยาลัยในเมืองบิดาคงเหงาเลยไปขอจ้อยจากหลวงตามาเลี้ยง
ทับทิมเดินลงจากบ้าน เธอมองมอเตอร์ไซน์สลับกับจักรยานมารดา วัดกับบ้านไม่ไกลกันเท่าไหร่ เธอควรออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานแทนการผลาญน้ำมันด้วยการขับมอเตอร์ไซค์
หญิงสาวเดินไปฉวยจักรยานของมารดา ปั่นออกไปหาเด็กชายผู้นั้น เธอชมบรรยากาศพื้นบ้าน กับความเป็นธรรมชาติที่ที่ยังไม่หายไปเพราะความเจริญ
ท้องนาที่เคยมีแต่สีเขียวขจีของต้นข้าว เปลี่ยนเป็นนาว่างๆ ที่มีแต่ซังข้าวหลังฤดูเก็บเกี่ยว อีกไม่นานก็คงมีการเริ่มทำนาในรอบใหม่ นาเหล่านี้จะถูกพลิกฟื้น และเปลี่ยนให้เหมาะสำหรับปลูกข้าวอีกครั้งหนึ่ง
ทับทิมถอนใจ สมัยที่เธอเป็นเด็กๆ ขั้นตอนการทำนายุ่งยาก แต่สนุกที่สุดสำหรับเด็ก หลังเก็บเกี่ยว ต้นข้าวสีทองอร่ามจะถูกเกี่ยวและทยอยนำไปตั้งตามลานว่าง ตากแดดให้แห้งและลงมือนวดด้วยควายหรือรถไถนา แต่นั่นมันนานมากแล้วกับวิธีโบราณ สมัยนี้ขั้นตอนลดลงมาเยอะ เธอไม่เห็นการใช้แรงงานคนสำหรับเกี่ยวข้าวอีกเลย มีรถอเนกประสงค์ที่เกี่ยวข้าวพร้อมกับแปรรูปออกมาเป็นเมล็ดข้าวเปลือกได้เลย จากที่เคยเห็นกองฟอน ตอนนี้เหลือแค่กระสอบป่านที่บรรจุข้าวเปลือกตั้งไว้ริมคันนาแทน
บรรยากาศแสนสนุกหมดลง
พร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้นของเธอ
แม้แต่การกำจัดซังข้าวในนายังเปลี่ยนเลย หากเป็นสมัยก่อน น้ำจะถูกสูบเข้าไปขังไว้ในนาและรอเวลาให้ตอซังข้าวเปื่อยยุ่ยเป็นปุ๋ยให้นาเหล่านั้น
สมัยนี้มีแค่ควันกับตอดำๆ ของตอข้าวที่ถูกเผาด้วยกองเพลิง ถึงแม้จะรู้ดีว่านั่นคือการทำลายหน้าดิน แต่เท่าที่เห็น ชาวนาส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีนี้ เมื่อมันประหยัดเวลา จากที่เคยขังน้ำไว้เป็นเดือนๆ ก่อนจะไถกลบ เปลี่ยนเป็นแค่เสียเวลาแค่วันเดียว หนึ่งเดือนหลังพักนา คือเวลาว่างของพวกเขา