บทที่1.เปิดม่านราตรี...2/2
“เห้ย!! แล้วมึงไม่กลัวเหรอไง?”
“กูไม่กลัว...เพราะกูไม่มีเงินกูก็ตาย ไม่ต่างอะไรกับผีหรอก เร็วๆ อย่าช้า” มันกวาดตามองหาทางขึ้นเรือนไทย เมื่อมองเห็นบันไดทางขึ้นจึงไม่รอช้าที่จะมุ่งตรงไปทางทิศนั้น...
แคว๊กๆ... เสียงพญานกยามราตรีส่งเสียงร้องเตือน!! มันเหมือนเงามัจจุราชคืบคลาน...เข้ามาใกล้ๆ สายลมที่โชยอ่อนๆ ทวีความแรงขึ้น จนใบไม้ไหวโยก ลำต้นสั่นกราว อากาศที่เย็นอยู่แล้วลดองศาลงอีก เย็นจนจับขั้วหัวใจแต่คนสองคนกลับเหงื่อตก ดานไม้ถูกยกออกและมันปลดสลักเข้าไปด้านในได้สำเร็จ เพียงเท้าในรองเท้าแตะ เหยียบลงบนพื้นกระดาน...
กรี๊ดๆ... เสียงกรีดร้องดังแหวกความมืดมิด แม้จะเป็นเสียงแผ่วๆ เหมือนเสียงเสียดสีของผิวไผ่ แต่มันก็ทำให้ไอ้วายร้ายสองคนสะดุ้งโหยง!!
มันสองคนหันมองกันเลิกลัก...แต่ความโลภมีมากกว่าเมื่อแสงจากไฟฉายกระบอกโตกราดไปเจอตู้ใส่เครื่องเบญจรงค์ และมันผ่านสายตาของขโมยขโจรมาได้อย่างไร? มันแปลกไหม? แต่ไอ้สองตัวกลับตาโต มันไม่กลัวอะไรแล้ว!! เมื่อของแต่ละชิ้นนั้นสามารถทำให้มันสบายไปอีกนาน
ตึงๆ...มันวิ่งตัวปลิวจนเศษฝุ่นเศษขี้ผงหล่นกราว และข้าวของบนเรือนกระทบกันกุกกัก...จันมองหาสิ่งที่ทำให้มันเปิดตู้ได้ เมื่อมองเห็นแม่กุญแจคล้องอยู่อย่างแน่นหนา...มันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง ล้วงอุปกรณ์สะเดาะกลอน...ที่พกติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อโชคดีปะเหมาะก็จะได้ล้วงออกมาใช้ทันท้วงที
“สมมึงถือไฟฉายให้กูที กูจะไขกุญแจ...” จันสั่งเพื่อน มันส่งกระบอกไฟฉายให้เพื่อน และทรุดตัวลงนั่งลงมือปลดล็อกแม่กุญแจด้วยความชำนาญ
สมสะดุ้งเฮือก เขาแน่ใจว่าแสงไฟที่กระทบกับกระจกใส สะท้อนภาพผู้หญิงคนหนึ่ง เธอนุ่งโจงกะเบนและผ้าแถบคาดอก ผมยาวสลวยสยายเต็มแผ่นหลัง แต่เมื่อกระพริบตาถี่ ๆภาพที่เห็นกลับไม่มีเสียแล้ว มันเริ่มวิตกและเหงื่อแตกซิกๆ แม้อากาศรอบตัวจะหนาวจนเกือบสั่น
“สะ เสร็จยังว่ะ กู...กู” มันสะกิดเพื่อน เหลียวซ้ายแลขวา ดวงตาเหลือกลาน
“เห้ย!! ส่องดีๆ สิว่ะ ส่ายไปส่ายมากูจะมองเห็นได้ยังไง” จันตวาดเสียงขุ่น มันถลึงตาใส่เพื่อนร่วมงานและตะคอกเสียงห้าว “มึงทำแบบนี้ก็ยิ่งนานขึ้น กูก็ไม่ได้อยากอยู่บนเรือนนี่นานนักหรอก...ยืนนิ่งๆ อีกนิดเดียวเอง ไอ้ห่า!! มาถึงขั้นนี้แล้ว...”
สมกลั้นใจ มันหันมาสนใจเพื่อน และเพ่งสมาธิไปที่แม่กุญแจ ที่จันกำลังขะมักเขม้นไขอย่างเอาเป็นเอาตาย...
“กริ้ก!!” แม่กุญแจสามารถปลดออกได้ในที่สุด พร้อมกับเสียงพ่นลมหายใจแรงๆ มันกระชาก...บานประตูตู้เปิดออก และรีบฉวยหยิบถ้วยเบญจรงค์ออกมา
“เอาอะไรมาใส่หรือเปล่าว่ะ...เยอะไม่ใช่เล่น...”
“กูไม่นึกว่าจะมีของเลยไม่ได้เตรียมมา...พรุ่งนี้ค่อยมาเอาใหม่ก็แล้วกัน วันนี้เอาไปเท่าที่เอาไปไหว” เมื่อความโลภบังตา ความกลัวที่เคยมีก็ไม่หลงเหลือ...
แต่ที่มันไม่รู้คือ วันนี้มันโชคดีแต่วันหน้าล่ะ?...มันจะยังมีลมหายใจอีกหรือเปล่า เมื่อมันย้อนกลับมาที่เรือนไทยแห่งนี้อีกครั้ง...
สองขี้ยารีบเผ่นลงจากเรือนไทย มันเดินเร็วๆ ลงบันไดบ้านและความรีบร้อนบวกกับความมืดทำให้มันพลาด!! ปลายเท้าเหยียบผิดทาง วางบนขั้นบันไดไม้ไม่เต็มที่ ร่างผ่ายผอมจึงถลาล้ม กลิ้งๆ คลุกๆ ลงมาที่พื้น
“โอ้ย!! เจ็บฉิบ...” มันยันมือกับพื้นดิน พยายามทรงตรงลุกขึ้นยืน แต่...อาการเจ็บทำให้ยืนได้ไม่เต็มที่ เคราะห์ซ้ำกำซัด มันถลาเข้าหาดงไม้พุ่มหน้าบันไดเรือน มือท้าวไปด้านในพุ่มไม้และ ทำให้ตุ๊กตาล้มลุกตัวหนึ่งแตกหัก....
“เป็นไงบ้าง..ไอ้ห่าสมซุ่มซ่ามจริงมึง ดีนะกูถือเอง ไม่อย่างนั้นฉิบหายหมด” ไอ้จันตวาดแวดๆ มันรีบช่วยเพื่อน ฉุดขึ้นมาจากพื้นและพากันโขยกแขยกฝ่าความมืดไป เร้นกายหายไปกับความมืดมิด
“อิๆ...” เสียงหัวเราะ แหลมปรี๊ดดังก้อง ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากตุ๊กตาหินตัวนั้น รวมตัวเป็นรูปเป็นร่าง...