ซีรี่ย์ชุด.ค่ำคืนชวนรัญจวน

79.0K · จบแล้ว
วรดร/กัญนิชา/วิรัญชนา
75
บท
13.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ค่ำคืนสุดหวิว กับความรัญจวนเต็มพิกัด เสียงคร่ำครวญดังระงม เพราะความกำหนัดที่สุดจะห้ามใจ ประกอบด้วยเรื่องสั่นเขย่าต่อมอารมณ์ 5 เนื้อเรื่องด้วยกัน1).แสนเน่หามายารัตติกาล 2).คืนหวามสาวท 3).บันทึกรักคืนรัญจวน 4).เพียงหนึ่งคืน 5).สวาทรักคืนร้อนเตรียมฟินกระจายกับความปรารถนาสุดห้ามใจ...

นิยายรักโรแมนติก

แสนเสน่หามายารัตติกาล บทที่1.เปิดม่านราตรี...1/2

เรือนไทยริมน้ำ ถูกทิ้งร้างเพราะเจ้าของสิ้นอายุไขโดยไร้ทายาท มันเป็นเพราะคำสาปของหญิงหนึ่ง เธอถูกทรมานจนตายกลางลานบ้าน คำอาฆาตที่ออกจากปากก่อนสิ้นใจ คือสาปแช่งคนใส่ไคลให้ไร้ทายาทสืบสกุล...พร้อมกับความฉิบหายล่มจม...ความผิดเพียงเพราะ แม่พะยอมแสนงามดันไปต้องตาลูกชายเจ้าของเรือน แต่มารดาของชายหนุ่มไม่ปลื้ม เมื่อมีคู่หมายเตรียมรอไว้ให้บุตรชายไว้ก่อนแล้ว อย่างนี้เศรษฐีแสนกับแม่สายใจ หรือจะยอม ให้บุตรชายโทน หยิบยกบ่าวในเรือนขึ้นมาเคียงข้าง แทนสะใภ้ลูกขุนน้ำขุนนาง พะยอมจึงถูกป้ายสี สร้างเหตุการณ์ให้นทีได้เห็น ว่าหล่อนเป็นแค่หญิงกาลี มั่วผู้ชายไม่เลือกหน้า...

นทีน้ำตาตกเมียที่ตัวเองปักใจรัก สมสู่กับชายไม่เลือกหน้า คราบน้ำรักกลางร่างกาย และร่องรอยพิศวาส กลิ่นไอคาวฟุ้งที่เขาเห็นและได้สัมผัสด้วยตาและมือของตัวเอง...ชายหนุ่มหันหลังให้พะยอม เขากินเหล้าหัวราน้ำ และเช้าวันหนึ่งหลังจากพะยอมตายไม่นาน...เขาสิ้นใจคาท่าน้ำหน้าเรือน...เป็นการฆ่าตัวตาย...หรือเป็นเพราะคำสาปแช่งของพะยอม หาได้มีใครรู้ไม่?

เหตุการณ์เริ่มลุกลามใหญ่โตขึ้น บ่าวหนุ่มๆ เริ่มตายทีละคนๆ มันนอนตัวแข็งตายในเรือนตัวเอง... แต่กลับไม่นุ่งผ้านุ่งผ่อน และที่สำคัญใบหน้าเหมือนกับสุขสุดขีดก่อนสิ้นใจ...มีรอยยิ้มแต้มติดมุมปาก...

ไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้าเรือนเอง...เศรษฐีแสนก็สิ้นใจในเรือนตัวเอง อาการไม่ต่างกับบ่าวที่เป็นผู้ชายเลย ความกังขาทำให้สายใจตามหมอผีมาสะกดวิญญาณพะยอมเอาไว้ ไหนๆ ทั้งลูกและผัวก็ตายจากไปกันหมด หากมันเป็นเพราะคำสาปของพะยอม ก็ขอให้มันทนทุกข์ทรมานอยู่ในเรือนชั่วกัปชั่วกัลป์...

แล้วสายใจก็ย้ายถิ่นฐานทิ้งเรือนไทยตั้งโดดเดี่ยวอยู่ริมน้ำ พร้อมกับคำสาปแช่งที่คงอยู่ รอวันปลดปล่อย...

30ปีผ่านไป...

เวลาเดินผ่านไปไวเหมือนโกหก...เรือนไทยโบราณถูกทิ้งร้างผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านฝนมายาวนานจนสีที่ทาไว้บนผิวไม้กะเทาะร่อน หลุดเป็นด่างเป็นดวง... เศษใบไม้กองทับถมกันสูงเกือบ10เซนติเมตร เพราะไร้รักษาดูแล มันถูกปล่อยทิ้งร้าง และตั้งอยู่เดียวดาย เมื่อเพื่อนบ้านขยับขยาย ย้ายหนีเพราะเสียงคร่ำครวญของคนที่ไม่มีตัวตนยามกลางคืน ผีสาวพะยอมที่ถูกตรึงไว้ด้วยมนต์ดำ หล่อนไม่สามารถจากไกลไปไหนได้ ทั้งบ่วงมนตราและแรงแค้น...ร้อยรัดวิญญาณสาวเอาไว้ ให้สถิตอยู่เพื่อรอคอย...ไม่ใช่รอการมาปลดปล่อย แต่รอเพื่อแก้แค้น!!

แสงจันทร์ข้างแรมมันหม่นมัว...แสงอันน้อยนิดไม่สามารถส่องรอดใบดกหนาของต้นไม้ใหญ่ลงไปจนถึงพื้นดินได้ เสียงแมลงกลางคืน ขยับปีกโบยโบกบิน แหวกความเงียบกับสายลมอ่อนๆ เพื่ออาหารประทังชีวิต...เสียงใบไม้แห้งถูกย่ำดังก็อบแกลบ เสียงกระซิบกระซาบของมนุษย์มีลมหายใจพูดคุยกันแผ่วๆ ไฟฉายกระบอกโตกราดไปกราดมา มันส่องทางเดินที่รกไปด้วยต้นหญ้าและใบไม้แห้งๆ

“ไอ้จันมึงเอาแน่เหรอว่ะ กูเสียวๆ ยังไงไม่รู้ เขาว่าที่นี่ผีดุไม่ใช่หรือไง?” เสียงแหบปร่าตะกุกตะกักถามเพื่อนร่วมทางอย่างไม่ใคร่จะแน่ใจ มือเหี่ยวแห้ง ร่างกายผอมบาง ดวงตาลึกโหลมันคือไอ้ขี้ยาที่หากินบนความทุกข์ของคนหาเช้ากินค่ำ และการมาของมันไม่ได้ประสงค์ดี

“มาถึงนี่แล้ว มึงเห็นอะไรไหมล่ะ แค่บ้านเก่า คนเลยลือไปอย่างนั้นเอง” คนชื่อจันตวาดเสียงขุ่น มันเสี้ยนยาและต้องการหาเงินไปซื้อมาเสพ ต่อให้ผีมายืนอยู่ตรงหน้าก็ไม่กลัว เพราะหากมันขาดยา มันก็ไม่ต่างอะไรกับผีเลย มันทรมานปวดไส้ปวดไปทั้งตัว เพราะฉะนั้นผีห่าที่ไหน? ก็ไม่กลัวทั้งนั้นแหละ

“แต่กูว่าบรรยากาศมันวังเวงน่ะโว้ย...” มันยังไม่วายทักท้วง...

“ไม่มีคนอยู่...มึงจะให้ครึกครื้นหรือไงว่ะ ไปๆ รีบๆ เข้า ขึ้นไปหาของ หยิบติดมือไปขาย จะได้ไปพี้ยากันให้เปรม”

“แล้วจะมีอะไรให้ฉวยเอาได้ว่ะ กูว่าไม่น่าจะมีนะ ป่านนี้หัวขโมยกวาดไปเรียบแล้ว มันจะเสียเวลาเปล่านะซี”

“มันก็เหมือนที่มึงพูดนั่นแหละ ใครๆ แถวนี้กลัวบ้านหลังนี้กันทั้งนั้น...แล้วขโมยที่ไหนจะกล้ามา”