บทที่ 4
“พี่โย ไหวไหมอะ” เสียงน้องสาวถามย้ำ ขณะที่พี่ชายกำลังจะเดินเซขึ้นไปบนรถแท็กซี่ ปรกติแล้วโยธินไม่ใช่หนุ่มนักดื่ม แต่วันนี้จัดหนักไปนิด เพราะเพลินกับบรรยากาศและบังเอิญเจอเพื่อนเก่า...สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเลยลากกันมาต่อที่ผับแห่งนี้
รถของเขาคงขับกลับไม่ไหว ก็เลยจอดทิ้งไว้ที่คอนโดเพื่อน ยัยยุไม่ยอมกลับไปนอนบ้าน...บอกว่าไปคุยกับลูกเทรนที่นัดมาคุยกันวันนี้ แม่น้องสาวชักจะแปลกๆ แหะ...เขาอาจจะคิดไปเอง ก็ทางนั้นเป็นสาวสวยเหมือนกัน แต่หูตาวิบๆ แปลกๆ พิกลยามมองหน้าน้องสาวเขา
สายตานั้นเป็นสายตาแบบผู้ชายมองผู้หญิงที่ชอบชัดๆ
แม่สาวสวยผิวแทนผมยาวหุ่นดี...อืม...กับยัยน้องของเขา จะอย่างไรก็เรียกว่าสิ่งดีๆ อะนะ ยุวภาเจอภาวะอกหักมาบ่อยจากมนุษย์เพศชาย...ก็อาจจะลองมีความรักแบบอื่นดู เขาคนเป็นพี่ก็อาจจะแปลกๆ อยู่บ้างกับความรักแบบนี้ แต่เขาก็คิดว่าทำใจได้ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนดี แต่กลัวแต่พ่อแม่นั่นแหละ ว่าจะว่ายังไง ถ้ายัยยุเกิดควงสาวเข้าบ้านแล้วไปแนะนำว่าเป็นแฟน
พ่อผู้หัวโบราณของเขาคงจะหัวใจวาย
แล้วเขาก็คงจะกลายเป็นความหวังของบ้านที่จะมีครอบครัวปรกติ
“ไหวสิ ตกลงแกจะไม่กลับ จริงๆ ใช่ม้ายยย” ลิ้นพันกันอย่างบังคับไม่ได้ ตาของเขามองยังสาวผิวแทนหุ่นเซี๊ยะที่ยืนกอดอกมองเขากับน้องสาวอยู่ หล่อนมองสบตาเขาแล้วยิ้มให้เขานิดๆ
“อื้อ มีเรื่องคุยกับแพมยาวอะคืนนี้ ก็เรื่องงานของเรานั่นแหละ ได้แพมมาช่วยนะพี่โย เพจเราจะยิ่งดังนะเออ”
“ตามใจ ตามใจ คุยเรื่องงานก็คุยไปพี่ไม่ว่า คุยอย่างอื่นกันก็เพลาๆ หน่อยนะ เพลาหน่อยนะน้องแพมมม” ลากเสียงยาวเป็นชื่อสาวเท่ แล้วก็ทำท่าชี้ไปที่ตาของตัวเอง และชี้ใส่อีกฝ่าย เล่นเอาหล่อนสะดุ้ง แต่น้องสาวหน้าแดงเถือกขึ้นมาทันที แก้เขินด้วยการตีแขนพี่รัวๆ แล้วไล่ขึ้นแท็กซี่ไปพร้อมกับปิดประตูให้เสร็จสรรพ
“จะรอดถึงบ้านไหมน่ะ เมามากเลยนะนั่น” ยุวภาว่า เมื่อมองตามหลังรถแท็กซี่ที่เลี้ยวออกไปสู่ถนนใหญ่
“พี่โยเอ่อ...รู้เรื่องเราเหรอ” พินธารโอบเอวของคนข้างๆ พร้อมกับเม้มปาก สายตาของหล่อนดูเป็นกังวล ยุวภายักไหล่ ก่อนจะสั่นหน้า
“ไม่รู้หรอกน่า ก็รู้ว่าแพมอะเป็นลูกเทรนของยุ้ยไง”
“ลูกเทรน ค่ะ ลูกเทรน” พินธารบีบจมูกของคนข้างๆ อย่างเอ็นดู สองสาวต้องขับรถกลับคอนโดคนล่ะคัน ยุวภาไปขับรถสปอร์ตของพี่ชาย ไว้ตอนมะรืนค่อยขับไปคืน พรุ่งนี้เธอก็มีแผนว่าจะไม่กลับบ้าน
“ค่ะ ลูกเทรน” ยุวภาย่นจมูกใส่ ท่านั้นน่ารักจนพินธารอดไม่ไหวเลยดึงหล่อนมาจุ๊บเบาๆ
“คืนนี้เดี๋ยวก็รู้ว่าใครเทรนใคร” แล้วก็หยิกแก้มหล่อนอย่างหยอกๆ แล้วเดินไปขับรถของหล่อน ยุวภามองแล้วก็ทำตาโตใส่สาวสวย ก่อนจะยิ้มกริ่มฟุ้งไปด้วยความสุข หันกลับมาก็สะดุ้งเมื่อเห็นเพื่อนเก่าของพี่ชายที่นึกว่ากลับไปแล้วกำลังยืนมองจ้องหล่อนเป๋ง อ้าปากค้างเสียด้วยสิ
เห็นไหมนะ?
เห็นแล้วไงใครแคร์
ยุวภายักไหล่ ก่อนจะเดินตรงไปยังรถสปอร์ตของพี่ชายที่จอดไว้แล้วขับฉิวกลับไปยังคอนโดนของพินธาร
.............................................................................................................................................................
“บ้านหลังไหนครับพี่ พี่ครับ พี่” คนขับแท็กซี่สะกิดโยธินเมื่อขับเข้ามาในหมู่บ้าน เขางัวเงียลุกขึ้นมาแล้วกุมขมับพลางคราง พะอืดพะอมเหลือเกิน แท็กซี่เห็นท่าไม่ดีเลยรีบร้องห้ามเขา
“เฮ้ๆ พี่อย่าอ้วกในรถผมนะพี่”
“จอดตรงนี้ก็ด้ายยย” เขาว่า แล้วเปิดประตูรถลงไปเสียดื้อๆ แท็กซี่ร้องเอ๊า ดีนะที่คนผู้หญิงจ่ายเงินแล้ว เอ้าๆ เดินเซเลยเชียวจะรอดไหมนะ เขามองจนลูกค้าขี้เมาเดินไปเกาะเสาไฟฟ้าอาเจียน แล้วก็สั่นหน้า...เหล้านี่ทำให้คนกลายเป็น...เขามองจนลูกค้าเซแซ่ดๆ ไปเปิดประตูรั้วบ้านแล้วเดินหายเข้าไป จึงค่อยถอยรถออกมา ไอ้หมู่บ้านนี้ ก็มีการล่ำลือว่าผีดุ เขามองไปทางบ้านที่มืดทะมึนตรงกับข้ามกับบ้านของชายที่เป็นลูกค้า ก็ขนลุกเกรียว แล้วรีบถอยรถออกไปอย่างว่องไว ยังไงลูกค้าก็ปลอดภัยล่ะเข้าบ้านไปล่ะ
เขาไม่รู้ว่าลูกค้าของเขาเข้าผิดบ้าน...
บ้านจัดสรรที่หน้าตาเหมือนกันหมด ทำให้โยธินเมาจนเดินเข้าบ้านผิดเพราะนึกว่าบ้านของตัวเอง ปรกติซอยนี้ไม่มีบ้านไหนเปิดไฟนอกจากบ้านของเขา
เขาลืมไปว่าตอนนี้มีเพื่อนบ้านแล้ว...
ประตูรั้วที่ไม่ได้ล็อคทำให้คนเมาเดินเข้าไปอย่างสะดวก บ้านที่แปลนบ้านเหมือนกัน ทำให้คนเมาไม่ได้ดูถนัดว่ามีอะไรเปลี่ยนไปในบ้านของตนเอง ข้างล่างปิดไฟมืดแต่เขาก็เดินฉลุยมีเดินชนของบางอย่างจนต้องอุทาน แต่ก็ไม่ได้เฉลียวใจอะไรเพราะเมาจนไม่มีสติอยู่ล่ะอยากแต่จะนอน ผ่านไปจนถึงบันไดเดินตรงไปยังชั้นสองของบ้าน เปิดเข้าห้องนอน...คนเมาก็กระโดดขึ้นเตียง...แต่ก็กลิ้งจนร่วงลงมาข้างล่างดังตุบ แล้วเขาก็กลิ้งเข้าไปนอนอยู่ใต้เตียง...หลับภาพตัดไปโดยสิ้นเชิง
ตุบ...
เสียงเหมือนของขนาดใหญ่ตก ทำให้คนที่กำลังแช่น้ำดูยูทูปเพลินๆ สะดุ้ง เธอขมวดคิ้ว...เสียงอะไรนั่น...หรือว่าเพื่อนของเธอกลับมากันนะ แต่คงไม่ใช่...
คิดแล้วก็ขนลุก ต้องพิสูจน์ว่าอะไรกันแน่ แก้วจันทร์ลุกขึ้นจากอ่างน้ำ เอาผ้าเช็ดตัวมาพันตัวทั้งที่ยังมีคราบสบู่ เปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วก็คว้าเอาไม้เบสบอลที่วางพิงตรงข้างตู้เสื้อผ้ามาจับไว้ มองกวาดไปรอบๆ แล้วขมวดคิ้ว...ไม่มีอะไรผิดปรกติ...
เธอกลัวคนมากกว่ากลัวผี สินีเผลอเล่าว่าที่บ้านเช่าของเธอถูกขนาดนี้เพราะอะไร แก้วจันทร์ก็ค้อนเพื่อน...สินีรีบกลับไปเพราะกลัวผีนี่ล่ะ เธอเดินไปที่หน้าต่างห้องนอนแล้วมองไปยังบ้านตรงกันข้ามที่มืด เงียบ...ดูหลอนๆ แต่คนไม่กลัวก็ดูแล้วไม่ผวาเท่าไหร่ เธอยกมือไหว้ไปทางทิศนั้นก่อนจะเอ่ยพึมพำ
“สาธุ ต่างคนต่างอยู่นะคะ อย่ามาเที่ยวบ้านหนูเลย”
แล้วก็ถอนใจ มองไปรอบๆ ห้องอีกรอบ กระชับไม้เบสบอลในมือมั่น...ไม่น่าจะมีอะไร หรือเธอจะคิดไปเอง?
เดินลงมาข้างล่างอีกหน เห็นประตูหน้าบ้านเปิดก็อุทานเบาๆ เธอเลิ่นเล่อจนเปิดประตูทิ้งไว้หรือยังไงกันนะ แก้วจันทร์เดินออกมาด้านนอก ประตูรั้วแง้มเล็กน้อย ก็รีบปิดล็อค ปลอดภัยไว้ก่อนนั่นแหละ ถึงเขาจะลือกันว่าตรงนี้ผีดุ จนขโมยยังไม่กล้ามา สินีเล่าว่าพี่สาวเผลอเปิดบ้านทิ้งไว้ก็ไม่มีของหายสักชิ้น แต่อะไรก็ไม่แน่หรอก เธอมองไปยังบ้านข้างๆ ที่ปิดไฟเงียบ...อย่างน้อยก็มีเพื่อนบ้านให้อุ่นใจล่ะน่า เพื่อนบ้าน...
ภาพอะไรบางอย่างของเพื่อนบ้านตุง...เชียว
เธอหน้าแดงแจ๋พร้อมกับสะบัดหน้าแรงๆ
นี่เธอกลายเป็นคนลามกไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
ยัยนีน่าบอกว่าควรจะไปเจริญสัมพันธไมตรีกับเขาไว้บ้าง เพราะละแวกนี้ก็อยู่กันแค่สองหลังนี่ล่ะ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ตะโกนเรียกให้เขามาช่วยเหลือได้
ขอทำใจแป๊บหนึ่งก็แล้วกันนะเพื่อนนะ
ไม่ใช่อะไรหนุ่มข้างบ้านฮอตเกินไปนั่นล่ะ ฮอตจนสาวเย็นชาอย่างเธอใจคอไม่ดี...
ผู้ชายคือตัวปัญหานะ นี่คือสิ่งที่ฝังหัวเธอ
และผู้ชายนี่แหละทำให้ชีวิตของเธอมีปัญหาอยู่เรื่อยจนต้องมายอมอยู่บ้านตรงกันข้ามกับบ้านผีดุนี่
แก้วจันทร์คิดแล้วเปิดไฟอีกหน สำรวจตรวจตราความเรียบร้อย นี่เกือบตีหนึ่งแล้ว ปรกติเธอก็นอนหลับไปแล้ว เธอควรจะรีบนอนเพราะจะได้ไปทำงาน
แก้วจันทร์ขึ้นไปยังห้องนอนของเธอ ที่นี่ไม่เลวหรอก กว้างขวาง สะอาด ดีกว่าคอนโดเก่าที่เธออยู่เสียอีก เธอไปล้างคราบสบู่อีกรอบ ก่อนจะออกมาเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ปิดไฟ คลานขึ้นเตียงหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน
เธอไม่รู้สึกตัวเลยว่าคืนนี้ บ้านนี้ไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียว
หนุ่มข้างบ้าน...กำลังนอนหลับอยู่ใต้เตียงเธอนั่นแหละ...