บทที่ 2 บาปที่ก่อ
เสียงประตูห้องปิดสนิททำให้เธอเงยหน้าจากลูกน้อยมองประตูที่เพิ่งปิดสนิทแล้วก้มหน้าคุยกับลูกน้อยในอ้อมแขนของตนเอง
“แม่ขอโทษนะคะน้องดา เมื่อกี้แม่ก็ปวดใจเหมือนกันที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจลูก ขอโทษนะคะ อย่าโกรธแม่เลยนะคะคนดีของแม่” แล้วเธอก็ก้มลงจุ๊บหน้าผากมนของลูกสาวในวงแขน
เด็กหญิงดาวิษาผละหน้าจากเต้ามาส่งยิ้มหวานให้แม่ แม้จะมองเห็นเลือนราง แต่ก็รู้ว่าอ้อมกอดของแม่อบอุ่นและรักตนมากแค่ไหน
ผกายิ้มให้ลูกน้อยแล้วก็ร้องเพลงขับกล่อมลูกน้อยที่กำลังหันหน้าเข้าเต้าให้ตนเอง แม้ชีวิตของเธอจะขื่นขม แต่ก็ไม่อยากให้ลูกรับรู้ความทุกข์ตรมในทรวงของตนเอง
สามวันต่อมา...
ดามพ์ให้แม่กับแม่นมและคนขับรถมารับผกาและเด็กหญิงดาวิษากลับบ้าน ส่วนตัวเองก็ขับรถอีกคันมาแอบส่องดูผกากับลูกน้อยออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านโดยเขาขับรถตามรถคันของผกาและลูกกลับบ้าน
เวลา 10.00 น.
ผกาอุ้มลูกน้อยเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ในความทรงจำตนตั้งแต่เด็กจนโตก็อยู่ที่บ้านหลังนี้มาตลอด จำได้ว่าเธอถูกรับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมตอนอายุเก้าขวบ เธอถูกเลี้ยงดูมาเหมือนลูกในไส้แม้เป็นเด็กไร้หัวนอนปลายเท้า แต่ท่านให้ทุกอย่างกับเธอ ชีวิตเหมือนกับฝัน แต่ฝันก็มาพังทลายเมื่อถูกลูกชายคนเดียวของท่านที่ตนรักเคารพมาตลอดตั้งแต่เด็กพรากความสาวและทำให้ชีวิตวัยสาวต้องจบลงเมื่อต้องอุ้มท้องลูกของลูกชายผู้มีพระคุณตั้งแต่อายุ 18 ปี
“แม่ย้ายของของผกามาไว้ห้องข้างล่างนะลูก ชอบไหมจ๊ะ แม่จัดตกแต่งให้ใหม่” ดวงพรที่เดินตามหลังเข้ามาเอ่ยถามลูกสาวที่ตนรักเหมือนลูกในไส้ ตอนนี้พ่วงตำแหน่งแม่ของหลานสาวมาเพิ่ม
“ขอบคุณนะคะแม่ดวงที่เมตตาผกากับลูกของผกา”
“เมตตาอะไรกัน ผกาเป็นลูกแม่ ลูกของผกาก็หลานสาวในไส้ของแม่ มีอะไรต้องเมตตาฮึลูก เลิกคิดได้แล้วนะ เมื่อก่อนกับตอนนี้ผกาก็คือลูกสาวแม่ คือคนในครอบครัวธรรม์” นางบอกลูกสาวบุญธรรมที่อุ้มหลานสาวตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนพร้อมยกมือมาวางทาบทับบนไหล่เล็กของผกา
ไหล่เล็กสั่นไหวพร้อมเสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มสีระเรื่ออมชมพูของคุณแม่ยังสาว
“ขอบคุณนะคะแม่ดวง” เธอหันมาเอ่ยขอบคุณท่านเสียงสั่นเครือพร้อมน้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้าง
“ไม่ร้องนะลูก ที่นี่คือครอบครัวของผกา ตั้งแต่ที่ผกาก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้ ที่นี่ก็คือบ้านของผกา” มือเหี่ยวย่นผละจากไหล่เล็กมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนวลเนียนออกให้อย่างเบามือและอ่อนโยน
“ขอบคุณนะคะแม่ดวง” เธอแหงนเงยหน้าขึ้นมองบนกลั้นน้ำตาแล้วก้มมองลูกน้อยในวงแขนตัวเองที่หลับปุ๋ยตอนนี้
“มาเหนื่อยๆ พักผ่อนเถอะลูก พาหลานแม่ไปนอนเปลที่เตรียมไว้ให้เถอะ เดี๋ยวให้นมแดงมาช่วยไกวเปล ส่วนผกาให้พักผ่อนเถอะลูก” นางยื่นแขนทั้งสองไปรับเด็กน้อยมาอุ้มแล้วพาไปนอนเปลที่อยู่ข้างเตียงนอนของผกาที่จัดเตรียมไว้ให้
ผกาเดินตามแม่บุญธรรมของตนไป มองท่านอุ้มลูกตนนอนเปล หนูน้อยดาวิษาไม่ตื่นนอน ไม่งอแง นอนหลับสนิทอยู่ เธอยิ้มแล้วคลานขึ้นเตียงแล้วจับเชือกที่มีไว้สำหรับไกวเปลดึงแกว่งไปมาเพื่อไกวกล่อมลูกสาวนอน
“นอนเถอะผกา เดี๋ยวแม่ตามนมแดงมาช่วยดูแลลูกให้”
“ขอบคุณนะคะแม่ดวง” อีกครั้งที่เอ่ยขอบคุณท่าน
“ไม่เป็นไรลูก เราครอบครัวเดียวกัน มีอะไรต้องขอบคุณกัน นอนเถอะ ไม่ต้องไกวเปลแล้ว เดี๋ยวนมแดงมาไกวให้” นางบอกลูกบุญธรรมที่พ่วงตำแหน่งแม่ของหลานตนเองให้หลับพักผ่อน แล้วนางดวงพรก็เดินจากไปจากห้องไปเพื่อให้สาวใช้ตามนมแดงที่แยกตัวออกไปก่อนหน้านี้เข้ามาช่วยผกาดูแลหลานสาวให้ตนเอง
ผกามองตามแผ่นหลังท่านที่เดินผ่านธรณีประตูออกไป ประตูห้องยังเปิดกว้างอยู่แล้วก็หันมาสนใจลูกที่นอนหลับในเปล มือยังดึงเชือกแกว่งไกวเปลแม้ท่านบอกว่าให้ตนนอนพักผ่อน แต่เธอก็ยังไกวเปลลูกน้อยรอให้นมแดงมาก่อนถึงจะหลับ