บทที่ 6
“นินทาอะไร มานี่สิ ไปนั่งตรงโน้นมันจะคุยกันรู้เรื่องไหม”
เธอจำต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงระเบียง ค่อยๆ เดินมาทีละนิด แล้วทรุดนั่งที่เก้าอี้พักผ่อนบุผ้าลายดอกไม้สีม่วงตัวโปรดของเธอ แล้วนั่งขัดสมาธิตาจ้องก้านเพชรตาแป๋ว
“เอ้า...ใกล้พอรึยัง เออ...ลุงกำนันโทรมาบอกให้แกติดต่อกลับด้วย เรื่องขายลูกวัว แล้ว...พรุ่งนี้มาเอาปลาร้าบองด้วยล่ะ ป้าเรือนเค้าฝากมาให้เราสองคนน่ะ”
“ว้าว...แค่คิดถึงก็น้ำลายไหลแล้ว...พรุ่งนี้ฉันมากินข้าวบ้านแกนี่ล่ะ เดี๋ยวจะเอาผักที่เพาะไว้หลังห้องมาให้แกชิมด้วยมะเขือเปราะ ผักกาดแก้ว กำลังงามเลย”
“หึ! ยังเหลือเหรอยะ ฉันก็นึกว่าแฟนแกคนล่าสุดไปเก็บกินหมดล่ะ”
เธอว่า ทำหน้างอๆ ใส่ก้านเพชร มันเป็นสีหน้าเวลาที่เธอมักจะทำใส่เขายามหมั่นไส้ เธอจะย่นจมูกนิดๆ ทำแก้มป่องหน่อยๆ แล้วก็มองเขาอย่างประหลับประเหลือก ทำมาตั้งแต่เด็กจนป่านนี้ เขาเห็นทีไรก็อดยิ้มไม่ได้สักที
“เหลือสิ เก็บไว้ให้เพื่อนรักเลย มีแตงกวาด้วยนะ ฉันทำกะบะไว้เพาะขึ้นงามเลยกำลังออกลูกอ่อนๆ เล็กๆ กรอบอร่อย”
“เจียวไข่ด้วยเนาะ อื้อหือ...ทอดหมูด้วยไหมอะ” พอพูดถึงของกิน อโนมาก็เริ่มหายเกร็งหายระวัง บรรยากาศระหว่างกันเริ่มกลับเป็นเหมือนวันเก่าอีกครั้งหนึ่ง
“เอาสิ แกทอดหมูอร่อยเดี๋ยวฉันซื้อหมูมาให้เอง เอาติดมันนิดๆ นะ แกชอบแต่หมูล้วน เดี๋ยวไม่ยอมทำหมูติดมันให้”
“แหม...กลัวอ้วนนี่ยะ” อโนมาบ่น แล้วแลบลิ้นใส่เขา “คนแถวๆ นี้ยิ่งหาว่าฉันเตี้ยอยู่ เกิดเตี้ยแล้วอ้วน หมดกัน กลายเป็นหลักกิโลอย่างที่แกชอบว่า เห้อ...หาผัวไม่ได้พอดี”
“ยอมเป็นผัวให้เลยถ้าแกหาไม่ได้”
เหมือนจะรู้ว่าเผลอพูดอะไรออกไป อโนมากะพริบตาปริบๆ คนพูดเองทำเหมือนไม่ได้พูด แล้วเขาก็ล้วงเอาหนังสือออกมาจากเป้ที่วางไว้ข้างตัว กางมันออก พลางเริ่มเขยิบเข้าหาเธอ ก่อนจะชวนอโนมาคุยเรื่องตำราเรียนในเรื่องที่เขายังไม่ค่อยเข้าใจนัก
แล้วการสนทนาของสองหนุ่มสาวก็เป็นไปอย่างคร่ำเคร่ง เกี่ยวกับเรื่องเรียน ถกกันเรื่องวิชาการ และต่างคนต่างจดโน้ต กว่าจะรู้อีกทีก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว ท้องของอโนมาร้องก่อน ตามด้วยท้องของก้านเพชร สองคนมองตากันแล้วต่างหัวเราะ
“ทำไมจะต้องมาเลียนแบบวะ” อโนมาแกล้งว่า
“ใช้สมองมากเลยหิว...แกมีอะไรกินบ้างไอ้ออย”
“มาม่าไหม ติวเสร็จก็ต้องมาม่าคัพต้มยำกุ้งน้ำข้น ใส่ไข่สักใบกับผักตามมีตามเกิด” อโนมาว่า ก้านเพชรลุกขึ้นแล้วบิดขี้เกียจ ก่อนจะอาสาอย่างแข็งขัน
“มาแกไปอาบน้ำ เดี๋ยวฉันจัดการต้มมาม่าให้”
“เอ...มาแปลกนะแกวันนี้”
อโนมาว่า ปรกติแล้วเธอมักจะโดนก้านเพชรไล่ให้ไปทำของกินให้ประจำ นานครั้งหรอกที่จะมีบุญปากได้กินของที่เขาทำ
“เออ...ก็...ไถ่โทษไง”
เขาว่า อโนมานิ่งไปนิด ตอนแรกก็ลืมๆ ไปแล้ว พอเขาพูดถึงเรื่องผิดๆ โทษๆ อะไรนี่ ใจมันก็ล่องลอยไปคิดถึงเรื่องนั้นอีกล่ะ
เธอแก้มแดง แล้วลุกขึ้น พลางโบกมือไล่เขาเอาเสียดื้อๆ
“ไม่กินล่ะ หายหิวแล้ว กลับไปได้แล้วมันดึกแล้วล่ะ นี่ห้องสุภาพสตรี”
“เอ้าๆ ไล่กันเฉยเลยเฮ้ย”
ก้านเพชรบ่น แต่ก็เก็บของของตนลงเป้แต่โดยดี เขาก็พอจะรู้...ว่าทำไมเขาถึงโดนไล่ ทั้งที่ปรกติแล้ว เขาจะนอนค้างห้องของเธอก็ยังได้ด้วยซ้ำ
เรื่องวันนั้น...คืนนั้น มันทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันเปลี่ยนไป...
“เออ...กลับไปอะดีแล้ว แล้วพรุ่งนี้ก็...เอาผัก เอาหมูมาล่ะกัน จะหุงข้าวรอ ชวนยัยน้อยกับไอ้น่านมากินด้วยมะ สองคนนี่ก็ขาเปิบปลาร้า”
“หูย...ไม่ต้องเปลืองของ ของดีฝีมือแม่ เราจะต้องงกไว้กินกันสองคนอะดีแล้ว”
ก้านเพชรว่า เขาเดินออกมาที่ประตู โดยมีอโนมาเดินตามหลังมาด้วย เพื่อมาส่งเขา
“งก...ไปได้ ชวนมากันเยอะๆ ดีออก กินกันหลายคนสนุกดี”
“อยากกินกับแกสองคนน่ะออย”
เขาว่า อโนมาทำตาปริบๆ แก้มของเธอเป็นสีเรื่อขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่ ก้านเพชรเอง...ก็หัวใจเต้นเร็วขึ้นเมื่อเห็นอาการนั้นของเธอ
“กลับบ้านไปได้แล้ว ดึกแล้ว”
“เดินข้ามสะพานลอยไปก็คอนโดฉันล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
มือของเขาทำท่าจะ...เอื้อมไปหยิกแก้มเธอตามความเคยชิน แต่ก็กำเอาไว้ เขา...ยังไม่อยากทำให้เธออึดอัดไปมากกว่านี้ และไม่อยากให้เธอต้องหนีเขาอีก สองสามวันที่ไม่ได้คุยกัน มันทำให้ก้านเพชรรู้สึกโหวงๆ เหมือนขาดอะไรไปบางอย่างที่สำคัญในชีวิต
“ไม่ได้ห่วง แต่จะอาบน้ำนอนแล้ว” เธอรุนหลังเขาแล้วทำท่าจะปิดประตูไล่เขา แต่ก้านเพชรก็ขืนตัวไว้ เขาก้มลงมองอโนมา ที่ตัวสูงเพียงแค่อกเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อน
“ขออะไรอย่างหนึ่งสิออย”
“ขออะไร ขอเงินน่ะไม่มีให้หรอกนะยะ พักนี้จน” เธอว่า ก้านเพชรหัวเราะ แล้วสั่นหน้า นัยน์ตาคมวาวนั่น ยังคงจ้องเธอแน่วแน่
“ไม่ได้ขอเงิน จะขอว่า...แกอย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม อย่าไม่คุยกับฉัน หลบหน้ากัน...เอ่อ...มัน...ฉันเหงา”
อโนมากะพริบตาปริบๆ ใจเธอเต้นแรงกับนัยน์ตาแฝงนัยแปลกของเขา และคำพูดเหมือนจะอ้อนๆ แบบนั้น เธอพยักหน้า แล้วรีบไล่เขาออกไปจากห้อง
“เอ่อๆ ไปๆ กลับไปได้ล่ะ เหงานักก็หาแฟนใหม่เสียนะไอ้เกม จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับฉันให้มาก”
ก้านเพชรไม่ได้ทันพูดอะไรต่อ ประตูห้องเธอก็ถูกปิดใส่หน้าเขา เขาได้แต่ถอนใจ แล้วยิ้มให้กับบานประตูนั่น แทนเจ้าของห้อง
“ไม่อยากจะยุ่ง...แต่มันอดได้ที่ไหนละวะไอ้ออย จะรู้ไหมว่ามีแฟนไม่ทนสักที ก็เพราะแกทั้งนั้นนั่นแหละ”