บทที่ 5
ถึงปากจะบอกว่าลืม...ตกลงกันแล้วว่าลืม...แต่ใจของอโนมามันก็ไม่ยักกะลืมได้อย่างปากที่เธอบอกเขาไปปาวๆ แบบนั้น
โอย...ใครมันจะไปลืมได้กัน
เธอหลบหน้าเขา รวมกับหลบหน้านรดีด้วย เพราะฝ่ายหลังคาดคั้นจริงจังอย่างอยากรู้ ว่าทำไมเธอถึงได้มีร่องรอยตรีตรามากมายขนาดนั้น แฟนก็ไม่มี แล้วใครกัน...มันเป็นใครกันนะ!
เธอเรียนปีนี้ปีสุดท้ายแล้ว กำลังจะจบได้รับปริญญาบัตร เพื่อให้พ่อแม่ดีใจ เธอเรียนในสาขาวิทยาศาสตร์เกษตร เพราะตั้งใจจะกลับไปพัฒนางานจากบิดาที่ทำเกษตรแล้วต่อ เธอเป็นคนพื้นเพอยู่ที่จังหวัดสระบุรี มาเรียนกรุงเทพฯ เพราะตั้งใจจะมาเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ ความฝันและความคิดของเธอ มันใกล้เคียง เหมือนกันกับเพื่อนสนิท...
เพื่อนสนิทที่ว่าคือก้านเพชร เขาเองก็มีความฝันเหมือนกันกับเธอ อาจจะยิ่งใหญ่กว่าเธอนิดหน่อยตรงอยากที่จะช่วยเหลือชาวบ้านด้วย เขามีเลือดนักพัฒนาและผู้นำเหมือนกับบิดาของเขาที่เป็นกำนันผู้ทรงอิทธิพลและมีคนนับหน้าถือตามากมาย
เฮ้อ...
คืนนั้นเธอไม่น่าเปิดประตูรับเขาเลยสิน่า
เฮ้อ...
พออะไรๆ มันเกินเลยกันไปแล้ว เธอก็มองหน้าเขาไม่ติด อะไรๆ มันก็วนเวียนมาให้คิด วนไปวนมาในสมอง สายตาที่มองก้านเพชรเปลี่ยนไป เธอ...จะมองเขาเป็นเพื่อนได้แบบเดิมไหมนะ
ไม่ได้...
ไม่ได้แน่นอน
เฮ้อ...
ถอนหายใจจนอากาศจะหมดปอด ก็เหมือนจะยังไม่ดีขึ้นสิน่า อีตาเกมบ้า!ถ้าเกิดว่าเธอได้เอฟวิชานี้ เธอจะโทษเขา เพราะเขาแท้ๆ เธอเลยอ่านหนังสือไม่เข้าหัวสักนิด หัวใจของสาวยี่สิบเอ็ดที่ไม่เคยหวั่นไหวกับชายใด นอกจากกรี๊ดหนุ่มสายฝอ กลับต้องมาเหมือนโดนกระชากมาขยำขยี้ ทิ้งรอยด่างไว้ในนั้น ก็เพราะอีตาเพื่อนสนิทแท้ๆ
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เธอขมวดคิ้วก่อนจะควานหามัน สองสามวันนี้เธอไม่อยู่ใกล้โทรศัพท์หรือโซเชียลเลย เพราะไม่อยากคุยกับใคร หลบเลี่ยงเพื่อนๆ ไปด้วยโดยปริยาย โดยอ้างว่าจะอ่านหนังสือสอบ วิชานี้เป็นวิชาที่เธออ่อน ก็เลยต้องอ่านจริงจัง หาข้อมูลจริงจัง
“เอ...” เธอเผลออุทานเมื่อเห็นว่าใครโทรมา ก่อนจะกรอกเสียงลงไปตอบรับ
“ค่ะ ลุงกำนัน”
“ไอ้เกมมันอยู่แถวนั้นรึเปล่าอีหนูออย มันโผล่ไปหาหนูบ้างรึเปล่า ลุงติดต่อมันไม่ได้เลย”
“คือ...”
“เอ่อ ยังไงฝากไปหามัน โทรบอกมันก็ได้ ว่าให้มันติดต่อกลับลุงมาด่วน มีคนจะมาคุยเรื่องวัวของมันน่ะ ลุงไม่กล้าขาย เดี๋ยวมันจะมาโวยวายอีก อย่างลืมนะอีหนู”
“แต่...”
“เอ่อ...ลุงส่งปลาร้าบองฝีมือแม่เรือนไปให้ ส่งอะไรนะ การี้ๆ ชื่อขนส่งนี้นั่นล่ะ ฝากให้ไอ้เกมมันด้วยล่ะ แบ่งกันนะ”
“ลุง...”
“ให้มันโทรบอกลุงด้วยล่ะ ไอ้ลูกคนนี้ พ่อโทรไม่ค่อยจะรับหรอก ต้องสาวโทร”
“...”
เธอไม่ทันได้พูดต่อ ทางนั้นก็วางลงไปแล้ว อโนมาได้แต่ส่ายหน้า นี่แหละลุงกำนันก้านทอง เธอพูดไม่เคยจะทัน แถมถ้าเกิดว่าก้านเพชรยังไม่ติดต่อไป คนที่โดนจิกก็จะเป็นเธอนี่แหละไม่ใช่อีตาบ้านั่น
เพราะเธอและเขาเอ็นท์ติดที่เดียวกัน นั่นแหละลุงกำนันยิ่งฝากฝังลูกชายแกกับเธอ เนื่องจากคนที่ก้านเพชรฟังและทำตามมากที่สุด ในสายตาแกก็คืออโนมา เพื่อนสาวตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้นั่นแหละ
ทั้งเธอและเขาสนิทสนมกันมาก ตัวติดกันแม้จะต่างเพศ จะมีห่างกันบ้างก็ช่วงวัยรุ่นที่ก้านเพชรไปคบเพื่อนเพศเดียวกัน คะนองไปบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่อโนมาก็จะเป็นคนที่เขาจะต้องมาหาเกือบทุกวัน และถ้าตอนไหนที่เขาเพริดๆ ไป อโนมาอีกนั่นแหละที่จะจับเขามานั่งอบรมสั่งสอน เพื่อนของก้านเพชรยังเคยล้อว่า เขากลัวอโนมายิ่งกว่ากลัวแม่เสียอีก
‘ไม่ได้กลัว แต่เกรงใจ เวลาไอ้ออยมันงอน ใจคอไม่ดี ให้แม่ตีเสียยังจะดีกว่ามันงอนกู’
นี่คือสิ่งที่ก้านเพชรมักจะบอกใครต่อใคร เกี่ยวกับเพื่อนรักคนนี้ของเขา
ลุงกำนันกับป้าเรือนเองยังแอบคุยๆ กับพ่ออิ่มและแม่อุ่นของอโนมา ว่าสองคนนี้บางทีอาจจะเป็นคู่กันหรือเปล่าหนอ แต่...ก็ยังไม่เห็นแววว่าจะจีบกัน เห็นแววจะตีกัน ด่ากันเสียมากว่า มีแต่คนแอบลุ้นว่าอยากให้อโนมาและก้านเพชร ตกลงปลงใจกันไปเสีย เพราะเห็นถึงความเหมาะสมของคนทั้งคู่ทั้งนิสัยใจคอ และอีกหลายสิ่งที่ปราบกันได้ ปรามกันได้ ยอมกันได้
“ต้องไปตามให้ใช่ไหมเนี่ย?”
อโนมาแอบบ่นกับโทรศัพท์ เธอหลับตาแล้วสูดลมหายใจ เพื่อจะเรียกสติ เธอหลบหน้าก้านเพชรมาแล้วหลายวัน ทางนั้นก็มีแต่ส่งข้อความมาทักทายเป็นสติ๊กเกอร์ วันล่ะครั้ง เธอก็ตอบเขากลับไปแบบนั้นเช่นกัน ดูเหมือนว่าทั้งเธอและเขายังกระอักกระอ่วนที่จะพูดคุยกันเป็นปรกติ
เอาล่ะ...1...2...
ก๊อกๆๆๆ
ประตูห้องของเธอถูกเคาะ เล่นเอาอโนมาสะดุ้งจนแทบจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง เธอขมวดคิ้ว มีไม่กี่คนหรอกที่ขึ้นมาเคาะห้องเธอได้แบบนี้ เพราะคอนโดมิเนียมของเธอมีการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างจะดี แขกที่จะขึ้นมาถึงห้องของลูกบ้านได้ ส่วนใหญ่ก็มักจะมีรายชื่อทิ้งไว้กับยามว่าสนิทสนมเป็นญาติหรือเพื่อนกับเจ้าของห้องเท่านั้น
ใจของเธอเต้นดังตึกๆ เมื่อมองไปยังตาแมวที่ติดไว้ที่ประตู...มันยิ่งเต้นดังมากขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นใคร...มือที่จะจับลูกบิดประตูสั่นน้อยๆ เธอกัดเม้มริมฝีปาก แล้วพยายามสูดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะยาวๆ
“เอ่อ...”
แขกผู้มาเยือนยิ้มเจื่อนๆ ส่งให้เธอ ไม่ได้ทำเหมือนทุกทีที่มาหาแล้วเขาจะหยิกแก้มเธอบ้าง จับคางเธอบีบเล่นบ้าง หนนี้ก้านเพชรยืนล้วงกระเป๋า สีหน้าของเขาเจื่อนๆ พิกล แล้วก็เสไม่ยอมมองสบตาเธอ
เธอเองก็ไม่กล้าสบตาเขา สองหนุ่มสาวเลยมองกันไปคนล่ะทาง
“มีอะไร?”
“เห็นแกไม่ค่อยคุยเลย ไลน์มาก็ตอบมาแต่สติ๊กเกอร์ มหาลัยก็ไม่ไป เรามีนัดติวหนังสือกันนะสองวันนี้ นี่ยัยน้อยมันจิกถึงแกจนฉันแทบจะหัวหลุดอยู่แล้วนะ”
“ทำไมมันจิกมากะแกล่ะ”
อโนมาย่นจมูกน้อยๆ เธอเบี่ยงตัวให้ก้านเพชรเข้ามาในห้องตามความเคยชิน แต่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เธอเลยรีบยืนขวางประตูไว้ ทำเอาคนที่กำลังจะก้าวเข้าห้องเธอเกือบจะชนเข้ากับเธอแล้ว
“มันบอกว่าแกห้ามรบกวน จะอ่านหนังสือ มันไลน์มาแกก็ไม่ตอบ จะโทรมาก็กลัวแกด่าเอา ก็เลยมาจิกเอากะฉันแทน ผู้กล้าไงล่ะ กล้ามาให้แกด่า”
“เห็นเป็นคนขี้ด่าขี้บ่นไปได้” อโนมาว่า เธอยังคงยืนกอดอกขวางประตู ก้านเพชรขมวดคิ้ว แล้วยักไหล่
“ทำไมจะต้องมายืนขวาง จะไม่ให้แขกเข้าห้องหรือครับ คุณอโนมา”
“เป็นแขกไง แขกก็อยู่นอกห้องนั่นล่ะ”
เธอว่า ก้านเพชรมองจ้องหน้าหวานๆ นั่นก่อนจะหรี่ตา ลงแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“อ้อ...เดี๋ยวนี้ฉันกลายเป็นแขก ไม่ใช่เพื่อนแกไปล่ะงั้นสิ ไอ้ออย”
“แหม...”
เธอจำต้องหลีกทางให้เขาเข้ามาในห้องจนได้ แต่ก็ยังไม่วายระแวง เธอไปนั่งอยู่เสียงไกลก้านเพชร ที่มองอาการของเธอด้วยสายตาขำๆ พลางกวักมือเรียกเธอหย็อยๆ
“มานี่...ออย แกจะไปนั่งซุกมุมแบบนั้นทำไมทำยังกับว่าฉันจะลุกขึ้นมาปล้ำแกอย่างนั้นแหละ”
“ก็...”
อโนมาทำปากขมุบขมิบ เขาอ่านปากเธอไม่ออกว่าเจ้าหล่อนบ่นอะไร แต่ก็แกล้งกระแอม แล้วกอดอก พลางทำสีหน้าจริงจัง