บทที่ 2
“นี่นังผึ้ง หล่อนจะกลับถิ่นจริงๆ นะหรา แล้วฉันล่ะ ฉันจะอยู่กับใครยะ”
เสียงสูงปรี๊ดของเพื่อนสาวของฉันดังขึ้นทันที เมื่อฉันร่ายยาวบอกหล่อนจบลง ว่าฉันจะต้องกลับไปอยู่บ้านนอก ตามคำสั่งประกาศิตของท่านย่า
“แหม...ก็อยู่กับผัวหล่อนสิยะ นังฟ้า”
ฉันว่า ทางนั้นหัวเราะคิกคัก นัยน์ตาวาวระยับแพรวพราวอย่างพอใจ ก่อนจะหยิบเอาไอโฟนของตนขึ้นมา แล้วกดเข้าหน้าอัลบั้ม แล้วยื่นส่งให้ฉันดู พลางยืดอกขนาดสามสิบสี่นิ้วที่ไปทำมาอย่างภูมิใจ กับผู้ชายคนล่าสุด
“นี่...หล่อไหมอ่ะ ฉันกับแฟรงค์ไปแอ่วปารีสกันมา ดูสิๆ วิวสวยมะ”
ฉันไล่ดูรูป คือว่า...จะชมว่าวิวสวยก็ไม่เห็นวิวอะคะ เห็นแต่รูปเพื่อนสาวของฉันกับผู้ชายคนล่าสุดของนาง แนบแก้ม เซลฟี่กันเต็มๆ แบบไม่เห็นวิว เน้นแต่คน
“อื้อ...จะกี่เดือนล่ะคนนี้”
“ปากเหรอยะ เดี๋ยวจะแช่งให้ขึ้นคานตลอดชาติเลย แต่ว่าหล่อนก็ขึ้นอยู่แล้วนี่นา ฮี่ๆ ก็บอกแล้วว่าให้เลิกรักปักอก กับตาบอสสุดหล่อนั่นเสียที หล่อนอยู่มาห้าปีแล้วนะยะ นังผึ้ง เขาก็ไม่เคยชายตามองเลย แถมยังให้เดตสาวให้บ่อยๆ ชีช้ำใจที่สุด”
“ช่างเถอะน่า”
ฉันถอนใจ ปลดกระดุมเสื้อลงเพื่อระบายอากาศ ดันดื่มเบียร์ไปสองแก้วเต็มๆ แล้วเลยร้อนไปทั้งตัว หน้าแดงตัวแดง สมองก็เริ่มมึนๆ เบลอๆ แล้วก็เริ่ม...ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ลึกๆ ในใจ
“ช่าง...ช่างอย่างนั้นเหรอ หล่อนแอบชอบเค้ามาห้าปีนะยะ นี่หล่อนจะโบยบินกลับบ้านหล่อนไป โดยไม่ทำอะไรเลยงั้นเหรอ ผู้ชายที่ทำให้หล่อนโสด มาห้าปีเต็มเลยนะนังผึ้ง”
“นอกจากโสดแล้ว ยังจิ้นด้วย”
เออ...แล้วจะไปบอกแม่นี่ทำไมกันนนะ นังฟ้า หรืออดีตชื่อไอ้ชาย (ก็บอกแล้วนี่คะว่าเพื่อนสาว เหอๆ) ถึงกับร้องกรี๊ดๆ หัวเราะอย่างชอบใจ
“ต๊าย....”
“ใครตาย พ่อแกตายหรือยังไงกัน”
ความเมาทำให้ฉันปากจัด สาบานจริงๆ นะคะ ปรกติไม่เคยด่าแบบนี้ อิอิ
“ต๊าย...”
นังฟ้าขึงตาใส่ฉัน แล้วก็ตีแขนฉันดังป๊าบ ผื่นแดงขึ้นเป็นปื้น แทบจะหายเมา
“ปากหรือตูดที่พ่นออกมานะ ฉันประหลาดใจหรอกยะ ที่หล่อนยังไม่เคยต้องมือชายเลย เออ...แต่ก็ไม่น่าประหลาดใจเนาะ เพราะหล่อนมัวแต่เฝ้ามองตาบอสของหล่อนยังกะหมามองเครื่องบิน”
“บางทีหมาก็อยากจะเอาระเบิดปาให้เครื่องบินตกมาเหมือนกันนะยะ โฮะๆๆ แต่ก็คงจะยาก”
“หล่อนก็ใช้เวลาที่เหลือ จัดการเครื่องบินสิ”
นังฟ้ายุ ยุขึ้นเสียด้วยในเวลาที่ฉันเมา แถมสิ้นหวังเรื่องรักแรกแบบนี้ ฉันนิ่งคิดไปพัก ใช้สมองอันปราดเปรื่องคิด คิด สิ คิดหนักเลยล่ะ ว่าฉันจะเอายังไงกับประสบการณ์หมาเฝ้าเครื่องบินครั้งนี้ดี
“หล่อนหมายความว่ายังไง”
“ก็...เสน่ห์ เล่ห์ มารยาหญิงของหล่อนน่ะ ควักออกมาอ่อย มาใช้สิยะ ดูหุ่นหล่อนสิยัยผึ้ง นมออกจะบะฮึ่ม เอวเป็นเอว ก้นเป็นก้น หุ่นหล่อนน่ะ มันน่าฟัดจะตายไป แต่ดูแต่งเนื้อแต่งตัวเข้า ยังกะแม่ชีจะเข้าโบสถ์ คุณครูจะไปสอนแบบนี้ หมดอารมณ์ทางเพศกันพอดี”
“ปากนะยะ”
ฉันหัวเราะอย่างอดไม่ไหว นังฟ้าค้อนฉันขวับๆ เออ...มันค้อนเก่งกว่าผู้หญิงจริงๆ อีกนะนี่
“เปลี่ยนตัวเองได้แล้ว มามะ เดี๋ยวพี่ฟ้าจะเป็นกุนซือให้เอง”
นังฟ้าว่า ทำหน้าเชิด ทำท่ายืนเก็กสวยราวกับนางแบบ ฉันเห็นแล้วก็หมั่นไส้ อดแขวะออกไปไม่ได้
“ย่ะ..กุนซือเรื่องโดนผู้ชายทิ้งเหรอยะ”
“กรี๊ด...”
นังนี่กรี๊ดดังจนคนค่อนร้านหันมามอง ฉันต้องรีบดึงมันมาแล้วตะปบปิดปากไว้ ก่อนจะยิ้มขอโทษเรี่ยราดส่งให้กับคนที่มองจ้องเขม็งมายังโต๊ะเรา
“ล้อเล่นหรอกน่า หล่อนนี่ เสียงดังไปได้ ว่าแต่จะช่วยยังไงล่ะ ฉันไม่ได้หวังอะไรจากบอสหรอกนะนังฟ้า เพราะว่าถ้าเขาจะรักจะชอบ คงจะชอบไปนานแล้วล่ะ ไม่ปล่อยให้ฉันนั่งหัวฟูหน้าโต๊ะทำงานเขามาตั้งห้าปีหรอก”
“แล้วหล่อนหวังอะไรล่ะยัยผึ้ง บอกมาได้เลยตรงๆ ฉันจะช่วยให้ความปรารถนาของหล่อนเป็นจริง”
“เอ่อ...”
ความบ้าบิ่นที่สุดในชีวิตสาว มันผุดขึ้นในสมองฉลาดๆ ของฉัน ปรกติไม่เคยคิดกล้าบ้าอะไรขนาดนี้มาก่อน มันน่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย ต้องเรียกว่าบ้าที่สุดต่างหากกับสิ่งที่คิดจะทำ
“ฉันหวังให้บอสเป็นผู้ชายคนแรกว่ะ นังฟ้า แล้วฉันก็จะกลับไปได้อย่างสบายใจไม่มีอะไรค้างคา” นังฟ้าทำตาโต เบิกตามองฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะเอามือทาบอก
“คุณพระ!”
ดูเหมือนพักนี้ฉันจะขยันทำความประหลาดใจให้กับคนรอบข้างเสียจริงๆ