บท
ตั้งค่า

คุณบอสยอดรัก บทที่ 1

“เอ็งต้องลาออก ภายในสิ้นเดือนนี้ มาสืบทอดกิจการของที่บ้านเรานะนังหนู ไม่ต้องอยู่แล้วกรุงเทพฯ ถ้าเอ็งดื้อล่ะก็ ย่าจะไปตามถึงที่เลย”

ประกาศิตเมื่อคืนจากผู้เป็นย่า ยังคงวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในหูของฉัน และดูท่าว่าจะเอาจริงเสียด้วยสิ มันทำให้ฉันเครียด และเครียดมาก เครียดจนวันนี้ตื่นสาย แล้วก็ต้องเร่งมือทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เพราะเดี๋ยวจะไปทำงานไม่ทันน่ะสิคะ

ชีวิตมนุษย์เงินเดือนของฉัน อารยา เอ ฮาร์เก็ต เอ๊ย! ไม่ใช่ล่ะ ตื่นๆ อารยา หนองบัวทอง คือนามสกุลนี้จริงๆ ค่ะ ให้ดิ้นตาย อยากจะเปลี่ยนตั้งหลายทีแต่กลัวคุณย่าเอียดตัดออกจากกองมรดก ที่ก็มีไม่เยอะเท่าไหร่หรอกนะคะ มันเลยทำให้ฉันกลุ้มใจมากมายขนาดนี้

ที่ดินเฉียดพันไร่ กิจการโรงสี กิจการทำผลไม้กระป๋อง ก็รวมๆ แล้วก็มหาศาลอยู่ กับลูกหลานอีกเกือบสามสิบชีวิต แบ่งกันก็เหลือไม่ค่อยมากแต่ก็พอไหว ที่ยากสุดนี่ก็คือย่าเอียดจะให้ฉันไปเป็นกุนซือใหญ่ในการควบคุมทุกอย่าง หะ! ปรึกษาหลานสาวบ้างหรือเปล่าเนี่ยว่าจะทำไหวไหม แต่ก็ไหวอยู่หรอกนะคะ ระดับอารยา ผู้ที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ปริญญาโทสองใบ ใช่ค่ะ...คนบ้าเรียนทีล่ะสองใบ แล้วก็ผ่านเสียด้วย แสดงถึงมันสมองอันแสนจะปราดเปรื่องฉลาดหลักแหลมของฉันเอง (หมั่นไส้กันหรือยังคะ คุณๆ )

แต่เพราะไอ้เรื่องฉลาดนี่แหละค่ะ มันกลายเป็นปราการหนาระดับเหล็กหกตัน ทำให้ชีวิตฉันไร้สิ้นซึ่งผู้ชาย ถูกค่ะผู้ชายเป็นศัตรูของการเรียน ความบ้าเรียน ฮึดอยากพิสูจน์ตัวเองมันทำให้ฉันมุมานะและไม่สนสิ่งใด กว่าจะคิดได้ก็...ฮือๆ ก็เลยอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวไร้แฟน สวยเชิดๆ แบบโสดสนิทมาสามสิบปีเต็ม อ่านไม่ผิดหรอกนะคะ สวย โสด เวอร์จิ้น ไร้ภมรมาตอมไต่ คือคิดจะบินโฉบยังไม่กล้ามาเลยอ่ะ สามสิบปีเต็ม

ส่องกระจกดูหน้าตาของตัวเองก่อนจะลงครีมบำรุง ลงบีบี ลงเบส ก็โอเคอยู่นะคะ ฉันเป็นสาวผิวสีน้ำผึ้งเนียน หน้าตาคม แบบสาวไทยแท้ แม้จะไม่เข้ากับสมัยนิยม แต่ก็สวยเปรี้ยวไม่แพ้ใคร วัดเรตติ้งได้จากเวลาไปที่อโคจร ฝรั่งงี้มาขอเบอร์กันเพียบ แต่ทว่าแม้จะโสด แม้จะสามสิบแล้ว (ปวดหัวใจกับอายุของตัวเองจริงๆ) แต่ฉันก็ยังเชิดต่อไป เพราะมีเป้าหมายในใจ เป็นรักแรก แรกรัก ที่ยากจะถอนใจและถอนตัว เฮ้อ...

ดูนาฬิกาอีกทีก็ต้องรีบลงมือ ละเลงเครื่องสำอางลงบนหน้าอย่างด่วนจี๋ ปัดนั่น ป้ายนี่ลวกๆ ก่อนจะทาลิปสติกปิดท้าย แล้วคว้าเอาแว่นสายตามาสวม เกล้ามวยให้เรียบร้อย มองตัวเองผาดๆ ชักจะเหมือนคุณครูมากกว่าเลขานุการไปทุกวัน ทำงานองค์กรใหญ่ขนาดนั้น ภาพลักษณ์สำคัญมาก ฉันจะมาทำไก่กาบ๊องแบ้วเหมือนพนักงานคนอื่น มันก็จะแลดูไม่น่าเกรงขามน่ะสิ

สูทสีไข่ไก่วันนี้ฟิตพุงไปนิด มันรัดเอวขนาดยี่สิบสี่นิ้วจนกิ่วยังกะมดตะนอย เสื้อเชิ้ตปิดกระดุมสูงหน่อย เพราะหน้าอกไซซ์สามสิบห้าของฉันมันจะโผล่ออกมาทักทายใครต่อใคร โดยเฉพาะสายตาพวกอ่านกิน กระโปรงยาวเลยเข่าผ่าขึ้นมานิดหน่อยเพื่อให้เดินสะดวก รองเท้าคัทชูสีดำแบบขรึม นี่คือลุ๊คของฉันที่ออกจากบ้านไปทำงานมาตลอดห้าปีเต็ม

ห้าปีกับการทำงานที่บริษัทแห่งนี้ ห้าปีที่...ฉันตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่งมาตลอด ผู้ชายที่เป็นบอสของฉัน

ไมเคิล คมกฤษณ์ เลิศไตรวัฒนา

.....................................................................................................................................................

“คุณอา เช็คหุ้นให้ผมหน่อยสิ อ้อ...ขอกาแฟผมด้วยนะ วันนี้ขอแก่ๆ ขมๆ หน่อย”

เสียงห้าวทุ้มที่คุ้นเคย ฟังทีไรก็เคลิ้มแม้ว่าเขาจะสั่งงาน จะจิก จะบ่น หรือบางทีมีแว๊กใส่ แต่อารยาก็ฟังว่ามันเป็นเสียงที่เพราะราวกับสวรรค์ แล้วทำไมต้องเรียกฉันว่าอาด้วย! คร้านจะห้ามแล้วก็ได้แต่ค้อน พลางเดินก้าวเร็วๆ ไปทำหน้าที่ของตัวเอง ให้กับผู้ชายที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัว เขากำลังให้ความสนใจกับจอคอมพิวเตอร์ บนโต๊ะระเกะระกะไปหมดด้วยบรรดาเอกสาร แถมด้วยช็อกโกแลต ค่ะ...อีตาผู้ชายที่เป็นบอสฉันชอบกินช็อกโกแลต แบบติดเลยก็ว่าได้ ใครจะคิดว่าผู้ชายหน้าเข้ม หล่อสะบัดแบบนี้จะมุ้งมิ้งชอบกินของหวานเป็นชีวิตจิตใจ แต่ดันชอบกาแฟไม่ใส่น้ำตาล เวลากินก๋วยเตี๋ยวดันใส่น้ำตาลทีละสามช้อน เป็นคนแปลกๆ ที่สามารถสั่งงานหุ้นไปด้วยและอ่านการ์ตูนไปด้วยพร้อมๆ กัน

“ได้แล้วค่ะ”

“คุณอาครับ นัดเดตให้ผมแล้วหรือยัง”

“บอสคะ กรุณาอย่าเรียกฉันว่าคุณอาได้ไหม มันฟังเหมือนว่าฉันเป็นญาติผู้ใหญ่ของบอสน่ะค่ะ”

“ก็คุณอาแก่กว่าผมนี่ครับ หึๆ” ทำหน้ายียวนใส่ฉันอีกแล้ว แต่เขาก็ยังน่ารัก โอย...ฉันโกรธเขาไม่ลงหรอกค่ะ

“แก่กว่าแค่เดือนเดียวนี่นะคะบอส เราก็สามสิบเท่ากัน บอสมาเที่ยวเรียกฉันว่าคุณอาๆ คนอื่นเข้าใจผิดกันหมด นึกว่าฉันเป็นญาติผู้ใหญ่ของบอสจริงๆ”

“ผมก็อยากให้เราเป็นญาติกันนี่นา”

เสียงทุ้มทอดทิ้งท้าย พร้อมกับนัยน์ตาคมกริบสีแปลกที่มองส่งมา ทำให้ฉันต้องเมินหน้าหนี ไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะคะ ทนมองสบตากับนัยน์ตาคู่คมสีสวยของเขาไม่ได้จริงๆ ใจมันเต้น หน้ามันแดง ฉันเคยถึงขนาดจะเป็นลมมาแล้วตอนที่มาทำงานใหม่ๆ คนอะไรเสน่ห์ฟุ้ง ออร่ากระจายมาก

บอสของฉันสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ผมสีน้ำตาลเข้ม คิ้วเข้ม นัยน์ตาคมกริบสีแปลก คือจะดำก็ไม่ใช่ จะน้ำตาลไหม้ก็ไม่เชิง สีน้ำตาลสวย ขนตายาวเฟื้อยเหมือนใส่ขนตาปลอม จมูกโด่ง ริมฝีปากสีชมพูเรื่อ ปากเขาสวยมาก...พานให้ฉันเก็บไปฝันเลอะเทอะถึงบ่อยๆ เขาชอบใส่เชิ้ตแต่ปลดกระดุมลงสามเม็ดเสมอยามทำงาน มันเผยให้เห็นแผงอกอันอุดมไปด้วยมัดกล้ามและมีไรขนอ่อนๆ บางหนเขาก็ดึงเสื้อออกนอกกางเกง เวลายกแขนหรือเผลอบางทีมันทำให้ฉันเห็นหน้าท้องเขาด้วย มันก็มีไรขนกระจายลงไปด้วยเช่นกัน อะ...เซ็กซี่มาก...

เป็นผู้ชายที่ให้นิยามคำว่ามองแล้วชวนน้ำลายไหลจริงๆ ขนาดหญิงบ้างานอย่างฉัน ยังหวั่นไหวไปแล้วตั้งแต่แรกพบ

ใช่ค่ะ...เหตุที่ฉันยังไม่มองใคร เพราะดันไปรักปักใจกับคุณบอสเข้าแล้วน่ะสิคะ เหมือนหมาเฝ้ามองปลากระป๋องชัดๆ แต่หัวใจมันก็ดันรักไปแล้ว เฮ้อ...มันถอนตัวลำบากเสียจริงๆ ค่ะ

“ขอรายงานหุ้นผมด้วยครับคนสวย เหม่ออะไรครับคุณอา? วันนี้ดูไม่ปรกตินะครับคุณอา หรือว่า...นั่นแน่...แอบคิดถึงหนุ่มที่ไหนหนอ”

คิดถึงตัวเองนั่นแหละ เฮ้อ...

ประโยคนี้ได้แต่พูดในใจ แต่ที่พูดออกไปคือรายงานเรื่องหุ้นฉอดๆ พร้อมกับเอาเอกสารส่งให้เขา ก่อนจะทำหน้าเชิดแล้วทำเสียงเย็นๆ อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวฉันใส่บอส

“จะไปคิดถึงหนุ่มที่ไหนกันคะบอส อย่างฉันน่ะ ไม่มีเวลาจะคิดถึงหนุ่มหรอกค่ะ มีเวลาแต่คิดถึงงาน”

“ก็คิดบ้างก็ดีนะคุณอา ปูนนี้แล้วด้วย”

เขาพูดติดตลก ฉันฟังแล้วก็ชักจะลมออกหู ก็กดดันมาแต่เมื่อคืนแล้ว อารมณ์เลยปรี๊ดง่ายกว่าธรรมดาน่ะสิคะ เลยเผลอตัวตวาดเขาเอาแหว

“ฉันจะขึ้นคานมันเกี่ยวอะไรกับบอสล่ะคะ”

“อ้าวๆ มีอารมณ์แหะ” บอสหัวเราะก๊าก ท่าทางจะถูกใจมาก

“ผมแค่ล้อเล่นเฉยๆ ไม่มีก็ดีแล้ว คุณอาจะได้ทำงานกับผมไปนานๆ ยังไงล่ะ”

“ฉันไม่มีเวลาทำงานกับบอสนานหรอกค่ะ เพราะเดี๋ยวก็ต้องลาออกแล้ว เฮ้อ...”

“หา!”

คำพูดหลุดปากของฉันทำให้บอสถึงกับทำตาโต เขาลุกจากเก้าอี้ของตัวเองพรวดเดียวก้าวถึงตัวฉัน คุณพระ! คนอะไรขายาวได้ใจขนาดนั้น สองมือของเขาจับต้นแขนฉันไว้ ลมหายใจอุ่นๆ รดหน้า เป็นการเข้าถึงตัวแบบระยะประชิด ที่ทำเอาฉันแทบจะหัวใจวาย แต่ยังคะ...ยังไม่ตาย แค่อ้าปากค้างอย่างตกใจก็เท่านั้นเอง

“คุณจะลาออกไปไหนกัน คุณอารยา”

เออ...เรียกชื่อฉันถูกเสียทีแหะ

“คือว่า ฉันต้องกลับบ้านนอกน่ะค่ะบอส บอสก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนกรุงเทพฯ กิจการทางบ้านต้องการคนไปช่วยจัดการ ย่าของฉันเลยให้ลาออก”

บอกไปแล้วก็ใจแป้ว บอสเหมือนจะรู้ตัว เขากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะปล่อยแขนฉันแล้วเอามือล้วงกระเป๋า สีหน้าของเขาดูแปลกๆ นิ่งเงียบกันไปได้สักพัก เขาก็กระแอม แล้วเอ่ยขึ้นมาเสียงขรึม

“คุณจะลาออกเมื่อไหร่ คุณอารยา”

“ก็...” ไม่กล้ามองหน้าเขาเลยแหะ นัยน์ตาสีสวยแปลกนั่น ดูเศร้าๆ พิกล เอ...ฉันอุปปาทานไปหรือเปล่านะ ว่าเขาดูอาลัยนัก เรื่องที่ฉันจะลาออก

“อยากให้มันเร็วที่สุดน่ะค่ะ เพราะทางนั้นเร่งมาเหมือนกัน ตามกฎบริษัทแล้ว ก็สี่สิบห้าวัน”

“สามเดือน”

“คะ?”

น้ำเสียงอ้อนวอนของเขาทำให้ฉันใจอ่อนยวบ ก่อนจะมองหน้าเขาเต็มตา บอสมองจ้องหน้าฉัน สายตาของเขาก็ออดอ้อนไม่แพ้น้ำเสียง

“อยู่กับผมอีกสามเดือนนะครับ คุณอาที่รัก”

“ค่ะ”

เค้าเรียกฉันว่าที่รัก...หืม...หูฝาดไปหรือเปล่านั่น พอฉันรับคำปุ๊บ หน้าบอสก็บานปั๊บ เขาดึงฉันไปกอดแรงๆ แล้วปล่อยอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินผิวปากกลับไปยังโต๊ะตัวเอง กางเอกสารออกอ่านแล้วก็เริ่มสั่งงาน

ต้องสั่งถึงสามหนเพราะฉันยังยืนตะลึง แก้มแดงซ่านอยู่ที่เดิม

ก็...งงอ่ะ...นี่บอสทำอะไร เมื่อกี้เขากอดฉัน โอย...เย็นนี้จะอาบน้ำดีไหมนะ ฉันอยากเก็บสัมผัสของเขาเอาไว้ กลิ่นตัวเขาหอมมาก ใช้น้ำหอมอะไรนะ มันติดตรึงในสมองฉันอย่างรวดเร็ว ทำไมเป็นผู้ชายที่หอม หล่อ เร้าใจได้ขนาดนี้

แล้วฉันจะทำใจได้ไหม

แล้วฉันจะทำอย่างไรต่อไป

เศร้า...เครียด...โอ๊ย! อยากจะร้องไห้ เพราะต้องลาออก พร้อมกับอยากเต้นชะ ชะ ช่า ที่โดนบอสกอดอ่ะ สมงสมองไปหมดแล้วฉัน

อารยา...หล่อนเป็นเอามากนะยะกับรักแรก ที่ทำท่าจะโบยบินไปในระยะเวลาสามเดือน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel