2
2
“เรื่องของเราห้ามให้ใครรู้ และห้ามลดามีลูก”
“ผมไม่ได้ห้ามลดามีลูก” เขาตักสเต็กเข้าปาก คิ้วเข้มของเขาขมวดเข้าหากัน เมื่อพูดตอบโต้กับเธอ
“เอ่อ... หมายถึงห้ามลดาปล่อยตัวเองให้ท้องเด็ดขาด เพราะลดาไม่เมียของคุณ” ปลายเสียงของเธอแผ่วเบา แต่เขาก็ยังได้ยินชัดเจน
สีหน้าของเขมันต์เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที เขาวางช้อนกับมีดลง ก่อนที่จะยกน้ำขึ้นดื่ม
“คุณเขมอิ่มแล้วเหรอคะ” เธอกัดปากตัวเอง ไม่เข้าใจว่าพูดอะไรผิดไป
“ผมว่าจะกลับบ้านสักหน่อย”
“คะ” เธอหลุดอุทานออกมา หน้าเสียเมื่อเขาพูดแบบนั้น
“คุณเขมโกรธอะไรลดาเหรอคะ”
“เปล่าครับ แต่ผมคิดได้ว่ามีเรื่องต้องให้ทำ เลยค้างกับลดาไม่ได้” เขาจับมือเธอมากุมเอาไว้ ก่อนจะตบหลังมือของเธอเบา ๆ
“ถ้าลดาพูดอะไรให้คุณโกรธ ลดาขอโทษนะคะ” เธอจับแขนของเขาเอาไว้พลางส่งสายตาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แต่ผมเพิ่งคิดได้ว่ามีธุระจริง ๆ”
“ลดา...” เธอทำท่าจะพูดแต่เขาเบรกเอาไว้เสียก่อน
“ผมต้องไปนะครับคนดี” เขาหยิกแก้มเธอเบา ๆ ด้วยท่าทีหยอกเย้า ทำให้นรีลดาคอตก
เขาไปแล้ว เธอก็ได้แต่นั่งหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ที่โซฟาในคอนโดฯ สุดหรูของเขา
เธอพูดอะไรผิดไป เขาถึงได้โกรธและกลับไป ก็ตอนแรกบอกว่าจะค้างกับเธอนี่นา
นรีลดาสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ลึก ๆ พยายามตั้งสติเมื่อจมอยู่กับตัวเองนานนับชั่วโมง
เธอนั่งนานจนลุกแล้วถึงกับเซ หญิงสาวกินอะไรไม่ลงอีก อาหารสุดหรูมากมายบนโต๊ะดูไร้ค่า เธอจัดการเก็บกวาดเคลียร์โต๊ะอาหาร แล้วก็แปรงฟันเข้านอนในทันที
คืนนั้น นรีลดานอนไม่หลับเอาเสียเลย แต่ก็ฝืนตัวเองให้ข่มตานอนหลับให้จงได้
เธอตื่นขึ้นมาแบบไม่ค่อยสดใสนัก เพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน จึงจัดการอาบน้ำอาบท่าทำความสะอาดห้อง ทำตัวเองให้ยุ่งเข้าไว้ และสิ่งที่เธอชอบทำก็คือเดินไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ เพื่อนำมาทำอาหาร
การทำอาหารทำให้เธอมีสมาธิ และไม่ฟุ้งซ่านเกินไปนัก
ป่านนี้เขมันต์จะทำอะไรอยู่นะ เขาจะคิดถึงเธอเหมือนที่เธอคิดถึงเขาไหม
คนที่กำลังถูกคิดถึงนั่งอยู่ใกล้ๆ กับมารดาในห้องโถงใหญ่ของตัวบ้าน มารดากำลังอารมณ์ดี แต่เขารู้ดีว่าวันนี้ระเบิดเวลาต้องลงแน่ ๆ
เขารู้ทุกอย่าง แต่ก็พูดไม่ได้ แค่รอจังหวะช่วยเหลือนั้น
“นั่นพี่แกพาใครมาล่ะนั่น” คุณสร้อยเพชรเอ่ยถามลูกชายคนเล็ก
เขมันต์ไม่ตอบ แต่เขาเองนั่นแหละที่แนะนำให้พี่ชายพูดความจริงกับมารดาในวันนี้ เพราะเรื่องราวมันมาถึงขนาดนี้แล้ว
จริง ๆ บ้านของเขาไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่ใคร ๆ เห็น มารดานั้นเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน บงการลูกๆ ทุกอย่าง แล้วก็เกลียดพี่ชายของเขาเข้าไส้
เป็นเขาเองที่สงสารพี่ชายจับใจ
“แกพาใครมาล่ะนั้น ท้องโย้ขนาดนั้น อย่าบอกนะว่า...” สร้อยเพชรยืนขึ้น สีหน้าบ่งบอกถึงความตกใจสุดขีด
“แก้วไปกราบคุณสร้อยสิครับ” การันต์เอ่ยบอกภรรยาสาวเสียงนุ่ม เขาไม่มีสิทธิ์เรียกสร้อยเพชรว่าแม่แม้แต่คำเดียว
“กราบฉันทำไม ตอบมาก่อนว่าหล่อนเป็นใคร” สร้อยเพชรเสียงดังเกรี้ยวกราด
“คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” เขมันต์รีบเอ่ยปรามมารดา
“ใจเย็นได้ยังไง เห็นแบบนี้แล้ว ยังจะให้ใจเย็นอยู่อีกเหรอ นี่มันหมายความว่ายังไงห้ะ”
“คุณแม่อย่าเสียงดังสิครับ ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จา กันดีกว่า” เขมันต์ลูบแขนมารดาเบาๆ เพื่อให้ใจเย็น
“งามหน้าไหมล่ะ พี่แกทำอะไรงามหน้าเสียจริง” สร้อยเพชรยังไม่ลดความโมโหลง มีแต่จะโมโหมากขึ้นไปอีก
“แก้วกานต์เป็นภรรยาของผมครับ” การันต์เข้าไปโอบกอดแก้วกานต์เอาไว้ เพราะเขากลัวมารดาจะทำร้ายเธอ ซึ่งก็จริงตามนั้น สร้อยเพชรตรงเข้าตบตีทันทีที่ได้ยินลูกชายคนโตพูดเช่นนั้น
“คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนครับ” เขมันต์รีบรั้งมารดาเอาไว้ นอกจากช่วยห้ามทัพและบอกให้ใจเย็น เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไง คงต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน
“แกยังจะให้ฉันใจเย็นอยู่อีกเหรอ ไอ้พี่อกตัญญูของแกมันไปคว้าผู้หญิงที่ไหนมาก็ไม่รู้ ท้องโย้ขนาดนี้ใจง่ายเกินไปไหมหล่อนน่ะ หรืออยากจะจับลูกชายของฉัน เห็นคนรวยเป็นไม่ได้ นังสำส่อน”
“มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะครับ” การันต์เอ่ยขึ้น แต่นั่นยิ่งทำให้สร้อยเพชรโมโหหนักขึ้นไปอีก
“ไม่ใช่ยังไง แกทำมันท้อง หล่อนเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันย่ะ ฉันไม่เคยเห็นหล่อนมาก่อน แต่ผู้หญิงท้องก่อนแต่งแบบหล่อนน่าจะเป็นพวกยาจก อยากจับผู้ชายรวยๆ ฉันจะบอกให้นะ ลูกชายคนนี้ของฉันน่ะ มันไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรหรอก มันเป็นแค่ลูกจ้างในบริษัทเท่านั้น ถ้าหล่อนจะหวังสูงก็คงจะผิดหวังหน่อยนะ” สร้อยเพชรพูดเหยียดก่อนจะหัวเราะหยัน
“หนูทราบค่ะ หนูไม่เคยอยากได้เงินทองของคุณใหญ่เลยค่ะ”
“อีโธ่เอ๊ย น้ำหน้าอย่างแก ตอบมาสิแกเป็นลูกใคร แต่ดูสภาพน่าจะผู้หญิงสำส่อนง่ายให้ผู้ชายเอาจนท้อง แล้วก็มาจับเขา แต่ถ้าเป็นลูกผู้ดีมีเงิน หรือคุณหญิงคุณนายที่ไหน ฉันจะยอมขอโทษหล่อนเลยเอาสิ” สร้อยเพชรท้า
“ดิฉันไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงิน หรือลูกคุณหญิงคุณนายที่ไหนหรอกคะ ดิฉันเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกง พ่อก็เป็นแค่คนขับรถแท็กซี่ค่ะ”
“อีโธ่เอ๊ย! น้ำหน้าอย่างนี้ก็ว่าอยู่”
“ผมรักแก้วครับ” การันต์ยืนยันด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“รักเหรอ แกรักมันเหรอไอ้ลูกนอกคอก แกมันตัวกาลกิณี แกมันไอ้ตัวซวย ไอ้โง่เอ๊ย!” สร้อยเพชรตรงเข้าทุบตีลูกชายคนโตไม่หยุดมือ แต่การันต์ไม่คิดหลบหรือต่อสู้ เขากอดร่างของภรรยาเอาไว้เพื่อปกป้อง ทำให้แก้วกานต์รู้สึกสงสารเขายิ่งนัก
“พอเถอะครับคุณแม่ พี่ใหญ่เจ็บมากแล้วนะครับ”
“ก็ให้มันเจ็บไปสิ มันอยากไม่เชื่อฟังคำสั่งฉันทำไมกัน”
“ถึงหนูจะเป็นแค่ลูกแม่ค้าขายข้าวแกง แล้วก็ลูกคนขับรถแท็กซี่ แต่หนูก็มีศักดิ์ศรี หนูทำมาหากินสุจริต ไม่ได้ขอใครกิน”
“เมียของแกมันปากดีไอ้ใหญ่ ไม่ได้ขอใครกินอย่างนั้นเหรอ ที่มาเกาะลูกชายฉันนี่แหละเรียกมาขอกันกิน แกคิดเหรอว่าอุ้มท้องโย้ขนาดนี้ ฉันจะตัดงานแต่งให้แกห้ะ นังสารเลว”
“ไม่จัดงานแต่งให้ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรค่ะ เพราะงานแต่งเป็นแค่พิธีเท่านั้น คนเราจะอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ได้ เกิดจากความรักความเข้าใจกัน และเห็นอกเห็นใจกันมากกว่า”
แก้วกานต์ลุกขึ้น การันต์เลยเข้าประคองเอาไว้ ก่อนพาถอยหนี เพราะกลัวมารดาทำร้ายภรรยาสาวของตัวเองอีก
“อวดดี จองหอง” สร้อยเพชรชี้หน้าด่าอย่างโมโห
“คุณแม่อย่าโมโหไปเลยครับ อย่างน้อยก็มีหลานนะครับ” เขมันต์เอ่ยขึ้น เขาก็ไม่รู้จะทำให้มารดาใจเย็นลงยังไง