บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

“อ้าว...วันนี้เหมียวไปไหนน่ะ”

คุณหญิงรุจีเอ่ยถามเด็กรับใช้ที่วันนี้มาทำหน้าที่แทนคนโปรดของท่าน เจ้าหล่อนทำตาปริบๆ แล้วเอ่ยตอบเสียงเหน่อ

“ไม่รู้ค่ะ ป้าหมี่บอกให้พูนมาทำแทน เพราะคุณเหมียวไม่ได้ไปช่วยในครัวน่ะค่ะ”

“เอ...”

ประมุกของบ้านขมวดคิ้ว ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว หรือว่า...จะไม่สบายกันนะ คุณหญิงลุกจากเก้าอี้ มันผิดปรกติที่สาวน้อยไม่ได้ลงมาทำหน้าที่ของตนเองหรือจะไม่สบายกัน คุณหญิงนึกเป็นห่วงเด็กของท่านมาก จึงได้เดินลิ่วขึ้นไปยังชั้นสอง เคาะห้องของขวัญเจ้าเอย แต่เจ้าตัวก็เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ยิ่งทำให้ท่านยิ่งห่วง จึงเปิดประตูเข้าไป แล้วก็ยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้น เมื่อหล่อนไม่อยู่ในห้อง เตียงเย็นเชียบ เหมือนไม่มีคนนอนยิ่งทำให้ท่านร้อนใจ

“เหมียว เหมียว หายไปไหนกันนะลูก โอ๊ย! อะไรกันนี่”

ใจของท่านหายวาบเลยเมื่อร้องเรียก เปิดประตูห้องน้ำแล้ว หล่อนก็ไม่ได้อยู่ในนั้น แล้วขวัญเจ้าเอยไปไหนกัน

เอ...หรือจะอยู่เรือนต้นไม้นะ

ท่านเดินดุ่มๆ ลงไป แล้วก็เอ่ยร้องเรียกชื่อขวัญเจ้าเอยไปด้วย

..........................................................................................................................................................................

หมอปรีดิ์ฝันสับสนอลม่านไปหมด รวมถึงปวดหัวตุบๆ อาจจะเพราะเมื่อคืนเขาหนักไปจริงๆ นั่นแหละ เขาค่อยปรือตาขึ้นมา รับรู้ว่าตนเองกำลังกอดอะไรอยู่บางอย่าง อุ่นๆ หอมๆ แน่นอนว่าไม่ใช่หมอนข้าง อา....เมื่อคืนเขาไปกินเหล้ากับนรินทร์ ไม่ได้เหลวไหลไปแรดที่ผับไหน แล้วเขาไปฉกสาวที่ไหนมานอนด้วยหว่า

เขาก้มลงมองคนในอ้อมแขน เป็นจังหวะเดียวกับเจ้าหล่อนลืมตาขึ้นมาแล้วเงยมองเขาพอดี

เมื่อเห็นถนัดเขาก็เบิกตากว้าง

หล่อนเองก็เช่นกัน

ตาสบตา

ตาแป๋วแหววคู่นี้เขาจำได้ดี

“เฮ้ย!”

หมอปรีดิ์อุทานอย่างตกใจ แล้วผงะออกจากหล่อนเหมือนกับหล่อนเป็นของร้อน แม่สาวน้อยเองก็รีบลนลานลุกขึ้นนั่น ตามองเขาเลิ่กลั่ก ผมยาวยุ่ง หน้าแดงไปหมด หมอปรีดิ์มองลงกวาดตามเรือนร่างหล่อน อา...โชคดีที่หล่อนยังสวมเสื้อผ้า แล้ว แล้วทำไมหล่อนมานอนบนเตียงเขาวะ!

หล่อนนั่งทำตาโต มองหน้าเขา ก่อนจะเบะปาก เพราะตกใจเสียงของเขา แล้วหล่อนก็ปล่อยโฮ เป็นจังหวะเดียวกับที่มารดาของเขาเปิดประตูผั๊วะเข้ามาในห้องเขาพอดี

“หมอปรีดิ์ น้องหาย ว้าย”

เสียงกรี๊ดอย่างตกใจของมารดา เสียงร้องไห้ของยัยแมวมอม ทำให้หมอปรีดิ์ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที

งานเข้า!

เมื่อคืนเมาแล้วทำอะไรไปวะ

จำไม่ได้เลยสักอย่าง

แล้วทำไมยัยแมวมอมมานอนบนเตียงเขา...ทำไมเขาถึงนอนกอดหล่อนแบบนั้นล่ะ โอ...

ซวยแล้วไอ้หมอ

เด็กของแม่เขาเสียด้วย ที่เป็นโจทย์เขาหนนี้

เปลี่ยนจากซวยเป็นชะตาถึงฆาตเลยดีกว่าไหม หมอปรีดิ์

....

คุณหญิงรุจีมองจ้องเขม็งที่ลูกชายตัวแสบ ที่ตอนนี้นั่งหลบตาท่าน ข้างๆ เขามีสาวน้อยที่กำลังร้องไห้กระซิกจนตัวสั่น โธ่...เห็นแล้วก็ยิ่งสงสาร จนต้องไปดึงมากอดปลอบ ขวัญเจ้าเอยพูดไม่ออกเพราะมัวแต่ร้องไห้ หล่อนกลัวคุณท่าน กลัวหมอปรีดิ์ หล่อน...ไปนอนกับลูกชายท่านแบบนั้น ท่านจะไล่หล่อนออกจากบ้านไหมหนอ?

“หมี่ก็เคยเตือนคุณหญิงแล้วนะคะ เรื่องเด็กนี่ เห็นไหมคะ จนได้ แม๊ นี่คงขึ้นหาคุณปรีดิ์ล่ะสิ”

ป้าหมี่ที่นั่งเป็นสักขีพยานอยู่ด้วย เอ่ยลอยๆ ขึ้นอย่างคันปาก คำพูดของป้าหมี่ ยิ่งทำให้ขวัญเจ้าเอยสะอื้นหนักขึ้น ป้าหมี่ถลึงตามองหล่อน แล้วเอ่ยต่อด้วยเสียงแหลมเปี๊ยบ ยังกับนางอิจฉาในละครหลังข่าวก็ไม่ปาน

“เอาทิ้งไว้ไม่ได้นะคะแบบนี้ คุณหมอปรีดิ์เสียชื่อเสียหายแย่เลย ดู๊ ทำมารยา...หมี่ว่า”

“ออกไปก่อน หมี่”

คุณหญิงปรายตามองหัวหน้าคนรับใช้ของท่าน หมี่ทำงานดี เนี้ยบ เรียบร้อย ทำกับข้าวอร่อย เสียแต่ขี้อิจฉา และขี้นินทาไปหน่อย ปรกติคุณหญิงจะมองเมินนิสัยนี้ของหมี่ไปเสีย เพราะถือว่ามีดีมากกว่าเสีย แต่พอแม่ครัวว่าให้คนโปรดของท่านมากเข้า ท่านก็ชักจะไม่พอใจ เพราะการที่ท่านคลุกคลี อยู่กับขวัญเจ้าเอยมานาน เรียนรู้นิสัยเด็กของท่านเป็นอย่างดี พอๆ กับการที่รู้นิสัยพ่อตัวดีนั่นแหละ ตาของท่านตวัดมองหน้าหมอปรีดิ์อย่างดุๆ ทันที เมื่อหมี่คลานตุบตับออกไปแล้ว

“ตกลงว่าอะไรยังไงตาหมอปรีดิ์”

“เอ่อ...จำไม่ได้ครับ”

“หะ จำไม่ได้ แกทำอะไรน้องไปบ้าง หืม? สารภาพมากับแม่นะ”

คุณหญิงว่า ลูกชายตัวดีของท่านทำตาปริบๆ แล้วเอ่ยอ้อมแอ้มย้ำคำเดิม

“จำไม่ได้ครับ”

“โอ๊ย...ไอ้ลูกเวร น่าแพ่นกระบาลนัก จำไม่ได้ จำไม่ได้แล้วยังไงหะ ทำไมพาน้องไปนอนที่ห้องได้ เตียงก็ยับขนาดนั้น แกทำอะไรน้องไปถึงไหนแล้ว ตาปรีดิ์”

“...”

ได้แต่ยิ้มแหย พูดไม่ออกตอบไม่ได้ ตาตวัดมองคนในอ้อมกอดท่าน ที่ซุกหน้าตรงนั้นตรงอกท่าน หน้าตาเลอะไปด้วยน้ำมูกน้ำตา ก็ยิ่งอนาถใจปนโมโหตัวเอง ตกลงเราทำอะไร ยังไงกับเด็กนี่ไปบ้างแล้ววะ ไอ้ปรีดิ์...

จำไม่ได้

คือคำตอบสุดท้ายที่ผุดขึ้นมาในสมอง

เฮ้อ...

คุณหญิงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อย่างพยายามจะเรียกสติ แล้วลูบผมของคนตัวเล็กเบาๆ ตาของท่านยังคงมองจ้องตัวการ ที่ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาท่านตอนนี้

อา...

ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดเหตุอะไรแบบนี้ขึ้นมาในบ้านท่าน เมื่อหมอปรีดิ์ไม่เคยมีท่าทีจะทำเจ้าชู้กับน้อง น้องก็ผอมแห้งตัวบาง มอมแมมขนาดนี้ ไกลสเปคลูกชายท่านมากโข จะมีแหย่มีหยอกบ้าง แต่หมอปรีดิ์ก็ไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวน้อง ส่วนน้องนั้นเล่า...เรียกได้ว่าหลบพี่ วิ่งหนีเอาดื้อๆ ก็มี ท่านเห็น ท่านรู้ ฉะนั้นที่หมี่พยายามจะปั่นว่าแม่สาวน้อยอยากจับ อยากได้ลูกชายท่านหมายสูงเกินตัว ท่านจึงรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้

แต่นี่...

มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ

ท่านก้มมองคนที่อยู่กับอก ที่เริ่มซาสะอื้น ก่อนจะตวัดมองพ่อตัวแสบ เอาอย่างไรดีเล่า เรื่องเกิดขึ้นแล้วแบบนี้ ท่านควรจะทำอย่างไรดี จะให้ทำไม่รู้ไม่ชี้ ก็ไม่ได้ด้วยประการใดทั้งปวง มันก็เหลือแค่ทางสุดท้ายนี่ล่ะ ท่านก็ไม่ได้รังเกียจแม่สาวน้อยกำพร้านี่ ติดจะเอ็นดูมากด้วยซ้ำ นอกจากประวัติที่มาที่เป็นเพียงลูกกำพร้า ไม่มีสมบัติติดตัว นั่นก็คือข้อด้อยของหล่อน แต่ด้วยความประพฤติ นิสัยใจคอแล้ว ขวัญเจ้าเอยก็ไม่ได้มีอะไรด่างพร้อย

ตาของท่านมองเพ่งบุตรชาย แล้วถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงนิ่ง...เย็น

“แกต้องรับผิดชอบน้อง ตาปรีดิ์”

“หะ อะไรนะครับแม่”

ปรีดิ์มองมารดาเหมือนถูกผีหลอก คนในอ้อมอกท่านก็เช่นกัน เจ้าหล่อนเงยมองหน้าท่านแล้วทำตาเบิกโต

“แก...ทำอะไรน้องไป ไปทบทวนไปจำให้ได้ แล้วก็รับผิดชอบสิ่งที่แกกระทำด้วย”

“แม่หมายความว่า”

“แม่จะให้แกกับน้อง หมั้นกันไว้” ท่านประกาศเสียงหนักแน่น

“แกจะต้องหมั้นกับขวัญเจ้าเอย”

.........................................................................................................................................................................

ราวกับฟ้าผ่าหัวก็ไม่ปาน หมอปรีดิ์ถึงกับมึนงงไปเลยทันที เขาพูดไม่ออก บอกไม่ถูกได้แต่มองหน้ามารดาแล้วตวัดตามองขวัญเจ้าเอย ที่พอมองสบตาเขาแล้วเจ้าหล่อนก็หน้าซีดตัวสั่น ให้ตายเถอะ! บ้าบออะไรของท่านกันล่ะนี่

ลูกชายตัวดีไม่เอ่ยตอบอะไร เขาผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกจากบ้านไปเลย คุณหญิงได้แต่มองตาม เหมือนจะพอรู้ว่าเขาไม่ได้ไปไหนไกลหรอก เดี๋ยวคิดได้ก็คงกลับมานั่นแหละ

“คะ คุณท่านคะ”

เสียงหวานเอ่ยอ้อมแอ้มดังขึ้น คุณหญิงมองหน้าคนพูด เจ้าหล่อนหน้าซีดเผือด ขณะที่มองสบตากับท่าน ท่านพยักหน้าแล้วเอ่ยถามหล่อน

“ว่ายังไงล่ะแม่เหมียว”

“คือเรื่องเมื่อคืน หนู หนูกับคุณปรีดิ์ มะ...”

“เอาเถอะ ไปพักไปนอนก่อนล่ะกัน แล้วค่อยว่ากันถ้าอยากมีอะไรจะเล่า”

ท่านโบกมือไล่ ขวัญเจ้าเอยอ้าปากเหมือนจะเอ่ยอะไร แต่แล้วหล่อนก็ก้มหน้า บิดมือไปมาแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะเดินเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน

เมื่ออยู่ตามลำพังแล้วคุณหญิงรุจีก็ควานหายาดมจากกระเป๋าหลุยส์ใบโปรดของท่านมาสูดดมเข้าไปลึกๆ ก่อนจะถอนใจออกมาเฮือกใหญ่

หวังว่าท่านคงจะทำในสิ่งที่ถูกต้องนะ การที่บีบลูกชายตัวดีด้วยเงื่อนไขหมั้นหมายกับขวัญเจ้าเอยแบบนี้ คงจะทำให้ปรีดิ์เร่งหาสาวถูกใจมาเป็นคู่ใจเสียโดยไว

ท่านถอนใจน้อยๆ เหลือแต่ว่าจะคุยยังไงกับแม่ตัวเล็กให้ได้เข้าใจ ว่านี่คือแผนบีบลูกชายของท่าน คิดแล้วก็ยิ้มนิดๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความหาลูกชายคนเดียวของท่าน สั้นๆ ง่ายๆ

ทบทวนเสียว่าทำอะไรน้องไหม แต่ถึงยังไงแกก็ทำน้องเสียหาย ต้องหมั้นกับน้อง ยกเว้นว่าแกจะมีคนที่ชอบแล้ว เราค่อยมาคุยกัน

เรานี่ก็เจ้าเล่ห์เหมือนกันแหะ

คุณหญิงรุจีหัวเราะคิก แล้วรอผล...การตอบรับจากหมอปรีดิ์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel