บทที่ 3
วันนี้หมอหนุ่มหัวเสียหงุดหงิด เมื่อมีปากเสียงเล็กน้อยกับหัวหน้างาน เรื่องรายงานการรักษาของคนไข้ที่เขาดูแลอยู่ กลุ้มจนต้องชวนเพื่อนอีกคนไปหาอะไรดื่มหลังเลิกงาน คนเป็นหมอ คนมักจะมองว่าต้องรักษาสุขภาพดีเยี่ยม
แต่...บางทีรู้ทั้งรู้ว่าอะไรบ่อนทำลายสุขภาพ แต่มันทำให้เขาหายเครียดได้ หมอปรีดิ์วันนี้เลยเมาเป็นพิเศษ เมาไม่ธรรมดา จนเพื่อนต้องหามมาส่งถึงบ้าน เมื่อถึงประตูรั้วหน้าบ้านหลังจากทุลักทุเลพยายามเปิดกุญแจรั้วอยู่นาน หมอปรีดิ์ก็เดินเซซ้ายสาม ขวาสี่ โซเซเข้าบ้านมาในเวลาเที่ยงคืน รถของเขาจอดทิ้งไว้ที่คอนโดของเพื่อนสนิท ขับกลับไม่ไหว จะขึ้นแท็กซี่เองเพื่อนก็เกรงว่าจะไม่ถึง เพราะเวลาเมาแล้ว คนดีๆ ฉลาดๆ อย่างชายหนุ่มก็หลุดเป็น วีรกรรมยามเมาของหมอปรีดิ์กับแท็กซี่ มีตั้งแต่งอแงจะไปขับแทน บอกให้แท็กซี่วนไปวนมาทั้งคืนไม่ถึงบ้าน บอกให้แท็กซี่ไปส่งที่พัทยาแทนที่จะเป็นที่บ้าน ทั้งที่ร้านเหล้ากับบ้านอยู่ห่างกันแค่สิบกิโลเมตร หลับคารถปลุกไม่ตื่นจนแท็กซี่ต้องเอาไปส่งไว้ที่โรงพัก สารพัดจะทำ ขนาดว่านรินทร์มาส่งเขา หมอปรีดิ์ที่เมางอแง ก็ไปนั่งตักเพื่อนจะขอขับรถเอง ต้องโวย ต้องผลัก ต้องถีบให้ไปนอนเบาะหลัง วุ่นวายอยู่ไม่น้อย เฮ้อ...
คนเมาประคองตัวมาจนถึงห้องโถงของบ้าน ด้วยการเดินก้าวหน้าสามก้าว ถอยหลังหนึ่งก้าว เดินเป๋เข้าไปต่อในห้องครัว เดินงมไปทั้งที่มืดๆ เพราะไฟในห้องครัวปิดแล้ว เขาหิวน้ำใจคิดจะมาดื่มน้ำ พอเปิดตู้เย็นได้ ดื่มน้ำได้แล้ว หมอปรีดิ์ก็นอนมันเอาดื้อๆ หน้าตู้เย็น ในความมืดนั่นล่ะ
เขาถึงบอกว่าอย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา เพราะยามเมาแล้วสติไม่เหลือติดตัวเอาเสียจริงๆ หมอปรีดิ์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
......................................................................................................................................................................
ขวัญเจ้าเอยตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วคอแห้ง สาวน้อยมองไปยังบริเวณที่เธอมักจะตั้งเหยือกน้ำไว้เผื่อสำหรับใช้ดื่มน้ำ แต่มันว่างเปล่า สาวน้อยจึงเดินลงมาด้านล่าง ดึกแล้วแบบนี้ไฟในบ้านเปิดไว้เพียงสลัวเพื่อประหยัดไฟ เพราะคนนอนกันหมดแล้ว บ้านของคุณหญิงรุจี มีเรือนคนใช้ต่างหากด้านหลัง มีคนขับรถอย่างนายอาจ และป้าหมี่ กับเด็กรับใช้ทั่วไปเป็นเป็นหลานของป้าหมี่ ชื่อลำพูนพักอยู่ ส่วนขวัญเจ้าเอยนั้นคุณหญิงให้สิทธิพิเศษมานอนด้วยกันบนเรือนใหญ่ ห้องติดกับท่าน เพราะเป็นคนโปรด และท่านถือว่าไม่ใช่เด็กรับใช้ แต่เป็นเด็กของท่าน หากสาวน้อยก็ไม่เคยหยิ่งผยอง เธอนอบน้อมและช่วยงานทุกคนในบ้าน จนเป็นที่รักของทุกคน เว้นก็แต่ป้าหมี่ ที่ริษยาและมีบางทีก็แอบแขวะ แอบว่า จนขวัญเจ้าเอยรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่บ่อยๆ
เธอส่องไฟฉายอันเล็กลงมาเพราะไม่อยากเปิดไฟให้สว่าง อีกอย่างเธอก็คุ้นกับบ้านนี้ ชนิดที่ว่าหลับตาเดินก็ยังได้
ประตูหน้าบ้านเปิดค้างไว้บานหนึ่ง ทำให้เธอขมวดคิ้วน้อยๆ หรือคุณหมอจะกลับมาแล้วนะ แต่ไม่ได้ยินเสียงรถ สาวน้อยจึงไปปิดประตู ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องครัว เมื่อถึงห้องครัว แสงจากไฟฉายของเธอสะดุดต้องกับเงาดำๆ ที่นอนหมอบอยู่หน้าตู้เย็น ขวัญเจ้าเอยก็ตัวชาวาบ ทำตาโตเบิกค้าง นั่นมันตัวอะไร!
ผี!
คำนี้ผุดมาในหัว เธอกลัวจนกระดิกตัวไม่ได้ เงานั้นนอนตะแคงหน้าตู้เย็น มันเป็นเงาดำใหญ่ มือของเธอสั่น พยายามรวบรวมสติแล้วมองเพ่งอีกทีว่าตรงนั้นมันอะไรกันแน่
อา...
ไม่ใช่ผีแน่ล่ะ อีแบบนี้ พอสติเริ่มมาปัญญาก็เกิด ว่าคนที่นอนหันหลังให้กับเธออย่างหมดสภาพอยู่กับพื้นตู้เย็นนั่น มันคือลูกชายเจ้าของบ้านต่างหากเล่า
สาวน้อยขมวดคิ้ว ฉายไฟดูให้ถ้วนถี่ ว่าหมอปรีดิ์แน่ล่ะนะ ไม่ใช่ว่าขโมยขึ้นบ้านแล้วมาลื่นล้มหมดสติหน้าตู้เย็น หรือว่าผี เธอก็ค่อยเดินไปหาเขา แล้วทรุดลงนั่งเอียงคอมองเสี้ยวหน้าคมสันของหมอหนุ่ม ใช่เขาจริงๆ ด้วย แล้วทำไมมานอนอยู่ตรงนี้กันนะ สาวน้อยย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นฉุนกึกมาจากตัวของเขา
“เมามาหรือยังไงกันนะ ปล่อยให้นอนตรงนี้ไม่ได้แน่ๆ”
เธอบ่นพึมพำ พื้นกระเบื้องในห้องครัวเย็นเจี๊ยบอาจจะทำให้เขาเป็นหวัด และถ้าเกิดว่าคุณหญิงรุจีตื่นมาเห็นว่าลูกชายท่านนอนอยู่แบบนี้...อืม...
สาวน้อยทำแก้มป่องอย่างลืมตัว ก่อนจะทรุดลงนั่งข้างเขา แล้วก็เอื้อมมือแตะตัวเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางเอ่ยร้องเรียกชื่อเขา
“คุณปรีดิ์คะ คุณปรีดิ์เอ่อ...ตื่นเถอะค่ะ”
“อืม...ครายยย”
คนเมาค่อยปรือตาขึ้นมาเพราะโดนปลุก เขาค่อยปรือตามองหน้าเล็กๆ ที่ชะโงกมองเขาตาแป๋ว...แม้จะเมาแต่เขาก็จำตาคู่นี้ได้แม่นยำ เสียงทุ้มเอ่ยครางตอบเธอ
“ยัยแมวมอม มาทำอะไรที่ห้องของพี่ หืมมมม”
“คุณนอนอยู่ในห้องครัวค่ะ”
หล่อนตอบ หน้าแดงน้อยๆ เขาคิดอะไรของเขากันนั่นน่ะว่าเธอจะไปบุกรุกเขาถึงห้องหรือไง
“หืม?” เขาค่อยๆ ทรงตัวลุก แล้วเอาหลังพิงตู้เย็น แล้วหัวเราะก่อนจะโบกมือให้ว่อน
“ฮ่าๆ อ้าว...แล้วมานอนทำไมนี่อะ”
“นั่นสิคะ คุณปรีดิ์มานอนทำไมตรงนี้ ไปขึ้นห้องค่ะ เดี๋ยวคุณท่านดุเอานะคะ”
“ช่วยทีสิ”
เขายื่นมือมาตรงหน้า แล้วยิ้มหวานเยิ้มส่งให้เธอ แว่นกรอบทองตกลงที่ดั้งจมูก หมอหนุ่มรำคาญ เลยหยิบมันโยนทิ้งไปในความมืด การกระทำของเขาทำให้ขวัญเจ้าเอยอ้าปากค้าง พรุ่งนี้ก็ต้องหาให้วุ่นหรอกนั่น เฮ้อ! เมาอะไรขนาดนั้นนะ
“จะให้หนูช่วยอะไรคะ”
“ช่วยดึงพี่ขึ้นไปที ลุกไม่หวายยย”
“โอ๊ย กินอะไรขนาดนั้นนะ”
อดบ่นเบาๆ ไม่ได้ หากคนเมาหูดี๊ดีเกินคาด เขาหัวเราะร่วนที่ได้ยินหล่อนบ่นแบบนั้น ขณะที่จับมือเธอไว้เป็นหลักแล้วดันตัวเองขึ้นมา น้ำหนักของเขาทำให้คนตัวเล็กถึงกับเซ เขากับหล่อนเกือบล้มโครมลงบนพื้นอีกรอบ ดีที่ขวัญเจ้าเอยเกาะโต๊ะไว้เป็นหลักได้ทัน
“พาไปดีๆ ล่ะแมวมอม”
เขาสั่ง แล้วทิ้งน้ำหนักเกือบครึ่งลงมาที่เธอ เล่นเอาขวัญเจ้าเอยถึงกับไหล่ลู่ เธอหิ้วปีกเขา พากันเดินเซไปเซมา ทำไมเขาถึงหนักยังกะช้างแบบนี้กันนะ
ในที่สุด แม้จะระยะไม่กี่เมตร แต่สาวน้อยก็รู้สึกราวกับเป็นระยะทางสิบกิโลเมตร เธอเกือบจะเป็นลมกับการแบกหมอหนุ่มที่เมามากมาส่งที่เตียง
“ว้าย!”
ขวัญเจ้าเอยอุทานอย่างตกใจ เมื่อคนเมารวบเธอให้ลงนอนกลิ้งไปกับเขาบนเตียง แล้วกอดเธอแน่น บนเตียงขนาดคิงไซซ์ของเขา
“อืม...อืม...นุ่มจัง หอมจัง”
คนเมาบ่นงึมงำ ขณะที่ซุกหน้าลงกับซอกคอของสาวน้อย ขณะที่ขวัญเจ้าเอยนอนตัวแข็งราวกับเป็นอัมพาต ใจเต้นแทบจะกระดอนออกมานอกอก
“คะ คุณปรีดิ์ ปล่อยหนูนะคะ”
“อืม...จะนอน เป็นหมอนข้างอย่างมาโวยวาย”
เขาว่าแล้วยิ่งกอดเธอแน่นไปอีก ตอนนี้จินตนาการของหมอปรีดิ์ คือแม่ตัวเล็กตัวหอมในอ้อมกอดคือหมอนข้างใบโปรดของเขา
“คุณปรีดิ์ ปล่อยหนูปล่อยสิ”
“คร่อก”
เขากรนตอบเธอ หลับไปแล้วเรียบร้อยขวัญเจ้าเอยพยายามดิ้นจากอ้อมแขนเขา แต่...โอยทำไมเขาแรงเยอะขนาดนี้นะ
สาวน้อยนอนตาเบิกโพลง หัวใจเต้นรัวเร็ว เธอจะทำยังไงดีนะ ท้ายสุดแล้วขวัญเจ้าเอยก็ร้องไห้ออกมาเมื่อเขาไม่ยอมปล่อย ร้องไห้ก็แล้ว ดิ้นก็แล้ว หยิกก็แล้ว ชายหนุ่มก็ยังนอนนิ่งไม่ยอมขยับเลย ฮือๆ
ในที่สุดสาวน้อยก็ผล็อยหลับไปทั้งๆ ที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา...