2
Chapter 2
“เฮียพัน อย่ามาว่าเพื่อนพิมพ์นะ” พิมพ์นาราหันไปแหวใส่พี่ชาย
“หรือไม่จริงล่ะ” เขาพูดกับน้องสาวแต่สายตามองเพื่อนน้องสาวอย่างหาเรื่อง
“บัวเค้าไม่รู้จริงๆ นะคะเฮีย อย่ามาหาเรื่องเพื่อนพิมพ์นะ ไปไกลๆ เลย” พิมพ์นาราหน้าบึ้งมากกว่าเดิม
..พี่ชายของเธอเป็นอะไรก็ไม่รู้ เห็นเพื่อนเธอทีไร คอยแต่จะหาเรื่อง นี่ถ้าเปลี่ยนจากหาเรื่องเป็นจีบแทน เธอจะไม่ว่าอะไรเลย..แต่ลุ้นไม่ขึ้นจริงๆ
“จะให้ไปไหนล่ะ นี่มันบ้านของเฮีย” เขากอดอกอย่างยียวนกวนประสาท มองคนที่เอาแต่ก้มหน้าเขม็ง
“บัวขอตัวก่อนนะพิมพ์” บัวบูชารีบขอตัวเพราะรู้สึกอึดอัดกับสายตาของพันกร
“ทำไมล่ะ จะรีบไปไหน อยู่กินข้าวกันก่อนสิ” พิมพ์นารารีบรั้งแขนเพื่อนเอาไว้ หน้างอเมื่อเพื่อนจะหนีไปอีก อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว อย่างน้อยก็น่าจะได้พูดคุยกันให้สนุก กินข้าวกินปลาและนอนคุยกันต่ออีกสักหน่อย
“เดี๋ยวบัวไปกินกับกองถ่ายได้จ้ะพิมพ์ ขอบใจพิมพ์มากนะ”
“ไม่เอาน่าบัว อยู่กินกับพิมพ์ก่อน” พิมพ์นาราส่ายหน้าไปมาอย่างอ้อนๆ ไม่อยากให้เพื่อนหนีกลับไปก่อน
“จะไปขอร้องเค้าทำไม เค้าไม่อยากอยู่ ไม่เห็นหรือไง”
น้ำเสียงหาเรื่องยังดังมาไม่ขาดสายนั่นยิ่งทำให้บัวบูชาทำอะไรไม่ถูก
“เฮียพูดแบบนี้ไง เพื่อนของพิมพ์เลยไม่อยากอยู่” พิมพ์นาราค้อนพี่ชาย
“ก็ไม่เห็นหรือไงเค้าไม่อยากอยู่ ที่กองถ่ายมีผู้ชายเยอะแยะ ตากล้องเอย พระเอกเอย ตัวประกอบเอย เค้าอยากกินข้าวไปมองพวกผู้ชายเป็นอาหารตาเป็นกับแกล้มไป ไม่รู้หรือไง” ปากพูดกับน้องสาว แต่ตามองอีกคนไม่วาง
“เอ๊ะ! เฮีย พูดจาน่าตบปาก”
“ยัยตัวเล็ก เดี๋ยวนี้กล้าขึ้นเสียงกับเฮียเหรอ” พันกรจิ้มหน้าผากน้องสาวที่ยืนเท้าสะเอวว่าเขาฉอดๆ อย่างหมั่นไส้
‘ยัยตัวเล็ก’เป็นคำเรียกขานที่พันกรใช้เรียกน้องสาวอย่างเอ็นดู แต่พิมพ์นาราตัวไม่ได้เล็กเลย ติดจะไปทางอวบเสียมากกว่า แตกต่างจากบัวบูชาที่รูปร่างอรชรบอบบางและทรวดทรงองค์เอวสมส่วน
“ก็เฮียปากร้าย ว่าเพื่อนพิมพ์ทำไม”
“อย่าทะเลาะกันเลยพิมพ์ เดี๋ยวบัวไปกินที่กองถ่ายได้จ้ะ”
“ไม่เอา จะให้กินที่นี่ คนที่กองถ่ายไม่ว่าหรอก รู้จักกับเจ้าของไร่ จะมากินที่นี่ใครจะไปว่าอะไร” พิมพ์นาราไม่ยอม
“บัวไม่อยากมีอภิสิทธิ์เหนือใคร”
“อภิสิทธิ์อะไร ถ้าไม่ทำงานก็มานอนเล่นมากินข้าวกับพิมพ์สิ เวลางานก็ทำงานไป” พิมพ์นาราจะให้ได้ดั่งใจท่าเดียว
“บอกแล้วไงว่าอย่าไปบังคับคนที่เค้าไม่เต็มใจ”
“เฮีย! เงียบไปเลยนะ ถ้าขืนยังพูดมากอีก พิมพ์จะโกรธ”
“นึกว่าจะกลัวเหรอไง”
“เฮีย!!!”
“เออๆๆ เสียงดังทำไม เดี๋ยวก็หลอดลมอักเสบหรอก” เอาเข้าจริงๆ พันกรก็ไม่อยากขัดใจน้องสาวนัก
“ก็เฮียพูดมาก พิมพ์จะให้บัวกินข้าวที่นี่ นอนที่นี่ มีถ่ายละครก็ค่อยไป เฮียกล้ามีปัญหาเหรอไง” พิมพ์นาราเท้าสะเอวมองพี่ชายอย่างวางก้ามตามประสาคนถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก
“หึ! ในเมื่อพูดถึงขนาดนี้ใครจะกล้าไปมีปัญหากับเรายัยตัวเล็ก แถมยังบ๊องอีกด้วย”
ประโยคแรกของพี่ชายก็ทำให้พิมพ์นารายิ้มออก แต่ประโยคหลังหาว่าเธอ ‘บ๊อง’
หน็อย... จะมากไปแล้วนะ เธอไม่ได้บ๊องเสียหน่อย
“พิมพ์ไม่ได้บ๊องนะ” พิมพ์นาราเสียงดังใส่พี่ชาย เพราะเป็นลูกคนเล็กและโดนตามใจ ไม่เคยมีใครขัดใจได้ พอบิดามารดาเสียชีวิต พี่ชายก็ดูแลมาตลอด เธอจึงเอาแต่ใจ แถมยังถูกพันกรตามใจเสมอ ไม่ได้ดั่งใจก็อาละวาดจนอีกฝ่ายต้องยอม หรือถ้าอยากได้อะไรก็อ้อนจนใครๆ ก็ต้องยอมเหมือนกัน
“ห้ามว่าเพื่อนของพิมพ์เด็ดขาด”
“ถ้าเพื่อนเราทำตัวไม่ดีเฮียก็จะว่า” พันกรพูดแล้วเดินจากไป
“เฮีย!!! กลับมานี่เลยนะ มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน” พิมพ์นาราพูดไล่หลังพี่ชายไปอย่างโมโห
“พอเถอะพิมพ์ อย่าทะเลาะกันเพราะบัวเลย”
“บัวก็อย่างนี้ตลอด โดนเฮียว่าทำไมไม่โต้ตอบ เฮียก็ชอบมองคนในแง่ร้าย” พิมพ์นาราพูดอย่างฮึดฮัดขัดใจ
“ถึงจะโต้ตอบกันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกจ้ะ เพราะพี่ชายของพิมพ์เชื่อแบบนั้นแล้ว บัวไม่อยากเปลี่ยนความคิดหรือทัศนคติของใคร”
“บัวก็เป็นซะอย่างงี้แหละ”
“บัวไม่คิดว่าผู้กำกับจะมาถ่ายทำที่นี่ ยังไม่ได้อ่านอะไรมากมาย คือมีงานก็ตอบตกลงไปเลย”
ผู้กำกับที่บัวบูชาพูดถึงคือกันต์ ซึ่งเขาเอ็นดูเธออยู่มาก แถมยังเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่มีผลงานโดดเด่นในวงการมายา
“ที่รีบตกลงเพราะวันนั้นเฮียพันพูดไม่ดีใช่ไหม บัวเลยจะหาข้ออ้าง ว่ามาทำงาน” พิมพ์นาราพูดดักคออย่างรู้ทัน เธอเห็นเพื่อนมีท่าทียังไง อึดอัดแค่ไหน ถ้าเป็นเธอจะฉะกลับไม่ให้โดนว่าฝ่ายเดียวแน่นอน
“ไม่ใช่นะจ๊ะ”
“อย่าโกหกพิมพ์เลย บัวน่ะซื่อจะตายไป โกหกก็ไม่เก่งหรอก” พิมพ์นาราพูดอย่างรู้ทัน รู้ดีว่าเพื่อนไม่อยากให้เธออึดอัดหรือทะเลาะกับพี่ชาย เลยปฏิเสธที่จะมาที่นี่ตามคำชวน
“บัวไม่ได้...”
“เราจบเรื่องนี้กันเถอะ เย็นนี้บัวกินข้าวกับพิมพ์นะ” พิมพ์นาราตัดบท
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ เรื่องเฮียน่ะไม่เป็นไร ถ้าพูดมากเราก็ไปกินกันสองคน”
“แบบนั้นคงไม่ดีแน่ บัวเป็นแค่แขกนะพิมพ์ เดี๋ยวพี่ชายของพิมพ์จะตำหนิเอา”
“ก็ถ้าเฮียปากมาก หาเรื่องบัวอีก พิมพ์จะด่าให้เลย”
“ไม่เอา ไม่ดีหรอกพิมพ์ อย่าทะเลาะกันเพราะบัวเลย”
“งั้นบัวรับปากสิว่าจะกินข้าวเป็นเพื่อนพิมพ์”
“ก็ได้จ้ะ” บัวบูชาตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธออยากกินข้าวกับเพื่อนรัก แต่ติดที่พันกร เขาอาจจะไม่ชอบใจ หรือเหม็นขี้หน้าเอาได้ที่เธอเสนอหน้ามานั่งรับประทานอาหารเย็นด้วย
บัวบูชาเตรียมตัวเตรียมใจจนเกร็งไปหมดเมื่อต้องมานั่งรับประทานอาหารเย็นกับเจ้าของบ้านหนุ่มที่ไม่ค่อยยินดีจะต้อนรับเธอสักเท่าไหร่ แม้น้องสาวเจ้าของบ้านจะทั้งยินดีและเต็มใจเพียงใดก็ตาม
พิมพ์นาราดูจะมีความสุขเมื่อเธอไปขอกองถ่ายปลีกตัวมากินข้าวที่นี่ แถมยังปฏิเสธที่จะนอนค้างที่บ้านพักรับรองที่ทางไร่จัดเอาไว้ให้ แต่ละคนมองหน้าเธออย่างสนใจใคร่รู้ ไม่คิดว่าเธอจะรู้จักมักจี่กับเจ้าของไร่ถึงขั้นสนิทสนมกันขนาดนี้
“ดีใจจังเลยที่บัวยอมมากินข้าวกับพิมพ์”
“ต้องอ้อนวอนกันขนาดไหนล่ะนี่ ถึงขนาดคุกเข่าด้วยหรือเปล่า”
“เฮีย! ไหนบอกว่าจะไม่พูดจาหาเรื่องแล้วไง”
“เฮียพูดตอนไหน”
“ถ้าเฮียยังจะหาเรื่อง พิมพ์จะไปกินข้าวกับบัวกันสองคน”
“เดี๋ยวนี้เห็นคนอื่นดีกว่าเฮียเหรอ”
“ก็เฮีย...”
“อย่าทะเลาะกันเลยพิมพ์ บัวว่าบัวไป...”
“ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น” พิมพ์นาราหน้าบูดบึ้งใส่พี่ชาย
“จะกินหรือไม่กิน หิวจนไส้กิ่วไส้แขวนอยู่แล้ว ถ้าเชิญใครมากินข้าวแล้วเล่นตัวหรือต้องเอาใจขนาดนี้ คราวหลังไม่ต้องก็ได้นะ”
“เฮีย!!!”
“พิมพ์พอเถอะ เถียงผู้ใหญ่มันไม่ดีนะ” บัวบูชารีบปรามเพื่อน
“ก็ดูเฮียสิบัว ทำไมชอบเข้าข้างเฮียนัก ผู้ชายอะไรปากร้าย ถึงว่า... ทำไมอายุตั้งสามสิบแปดแล้ว ถึงยังไม่มีเมีย ไม่มีผู้หญิงคนไหนเอา”
“แค่กๆๆ” พันกรสำลักจนต้องยกน้ำขึ้นดื่ม
..ดูมันๆ ว่าเขาเสียๆ หายๆ มีผู้หญิงอยากได้เขาไปเป็นผัวเยอะแยะ แต่เขาไม่เอาเองต่างหาก เพราะยังไม่อยากมีห่วงผูกคอที่สำคัญก็ติดตรงยัยตัวแสบตรงหน้านี่แหละ
“พูดความจริงทำเป็นรับไม่ได้” พิมพ์นาราเบ้ปากใส่พี่ชาย
“เฮียจะมีเมียทีไร เราก็ห้ามโน่นห้ามนี่ คนโน้นไม่ชอบ คนนี้ไม่เอา แกล้งเค้าจนหนีเตลิดไปหมด ขนาดไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ ยังถ่อสังขารให้ลูกน้องเฮียไปรับมาอาละวาดจนผู้หญิงหนี”
“ก็เฮียจะเอานังปากแดงพวกนั้นมานั่งเป็นคุณนาย งานการไม่รู้จักทำ” พิมพ์นาราเบ้ปากใส่พี่ชาย
“อ้าวเป็นผู้หญิงจะให้ทำอะไรล่ะ เฮียเลี้ยงได้ ผู้หญิงบางคนยังชอบเปลื้องผ้า ชอบยั่วผู้ชายให้ได้เงินเลย ไม่เห็นทำงานทำการอะไรดีๆ เลย”