บทที่ 1
น้ำสีอำพันในแก้ว ถูกเอียงไปเอียงมา นัยน์ตาคมมองดูน้ำในแก้วมันไหลไปมาราวกับมีชีวิต...เขามองอย่างจับจ้อง สนใจ
ร่างสูงทรุดลงนั่งข้างๆ มองสิ่งที่พี่ชายกำลังกระทำ ร่างสูงเพรียวกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอน บนโซฟาเบธตัวใหญ่นุ่ม เขาท้าวแขนตามสบาย ท่าทีนั้นดูผ่อนคลายมาก เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำ และกางเกงยีนสีดำ มันตัดกับสีผิวขาวจัดของเขา ทำให้ดูเรืองรองในเฟอร์นิเจอร์ที่ออกโทนสีขรึม แสงไฟสีเหลืองที่สาดแสงไปทั่วห้อง ทำให้บรรยากาศอบอุ่น ผ่อนคลาย
โทรทัศน์ขนาดหน้าจอ 62 นิ้วถูกเปิดทิ้งไว้ เนื้อหาบนนั้นเป็นภาพยนตร์ซีรีส์ต่างประเทศ ที่พี่ชายบ่นว่าอยากดู เขาก็เลยเปิดเอาใจ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ชอบซีรีส์แนวนี้เลย มันเครียดเกินไป เลือดสาดเกินไป ใช้สมองเกินไป...ใช่...มันต้องใช้สมองคิดพิเคราะห์ไปด้วยในการดู ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่รัตติไม่ชอบเอาเสียเลย งานมันก็หนักพอแล้ว เวลาว่างก็ควรจะได้พักผ่อน
นั่นคือเขาไม่ใช่ตะวันฉาย
ชื่อที่พ่อเลือกตั้งให้...ก็แตกต่าง พี่ชายเขาคือกลางวัน ส่วนเขาคือกลางคืน ตะวันฉาย รัตติ
แต่ทำไมนิสัยเขาและตะวันฉายช่างสลับขั้วกันโดยแท้ ต่างจากชื่อที่พ่อเลือกให้โดยสิ้นเชิง
เขาหรี่ตาลงนิดๆ แล้วกระแอม...คนที่เพลินกับการมองน้ำสีอำพันนั้นเงยหน้าขึ้นมองน้องชาย ที่หน้าตาคล้ายเขาราวกับฝาแฝด ต่างก็แค่ทางนั้นมีลักยิ้มข้างหนึ่งที่มุมแก้มด้านซ้าย รัตติเจาะหูข้างหนึ่ง คล้องไว้ด้วยห่วงทองคำขาวมีจี้ตัวอักษรอาร์ฝังเพชรไว้ แม้กระทั่งผมของทั้งสองหนุ่มก็ตัดทรงเดียวกัน เหมือนจงใจ...คนจงใจก็คือคนน้อง ที่ชอบหยอกอำพี่ชายอยู่บ่อยๆ นี่แหละ
“ไม่ไปคุมงานเหรอ?”
“วันนี้ยังไม่อยากเข้า” เขาว่า... “เบื่อ” ตะวันฉายว่าเขากับรัตติพักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้เพราะสะดวกสบายกับการทำงานอย่างมาก บ่อนที่ตะวันฉายต้องคุมอยู่ชั้นบน ส่วนสถานบันเทิงที่รัตติคุมก็อยู่ถัดจากที่นี่ไปไม่กี่ซอย
“เบื่องานหรือว่าเบื่อที่อกหัก”
เปรยถามพี่แล้วก็ทรุดลงนั่งบนโซฟาบุนวมตัวหนาข้างๆ พี่ชาย รินเหล้าให้กับตนเอง เขากับตะวันฉายคอแข็งพอๆ กันและทั้งสองหนุ่มก็นิยมเหล้ายี่ห้อเดียวกัน เป็นความคล้ายอย่างเดียวกระมังของสองพี่น้องนี้
“คนอย่างฉันไม่เคยอกหัก”
เขารินเหล้าเพียวๆ เข้าไปในลำคอ ปรายตามองน้อง ที่ดูจะยิ้มเย้ยใส่ แน่นอนว่านางแบบรายล่าสุดที่เขาควงอยู่เป็นการเดิมพันระหว่างเขากับรัตติ ว่าใครจะได้ และเขาก็คว้าถ้วยรางวัลนั้นมาถือไว้...ตอนนี้ถ้วยรางวัลนั้นโดนคนขโมยไปเสียแล้วสิ
“เห็นข่าวในเพจซุบซิบ ว่าแอนนี่มีรูปหลุดกับเจ้าชายทะเลทราย...ฉันจำประเทศไม่ได้ด้วยสิ รู้แต่ว่ารวยมาก นายไม่เสียใจเหรอ”
“ถ้าฉันรัก ก็คงจะเสียใจ”
เขาว่า นัยน์ตานั้นฉายแววเย็นชาแบบเดิม รัตติขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะรินเหล้าของตนเองดื่มบ้าง
รสชาติของมันละมุนนิดๆ บาดคอหน่อยๆ กลิ่นเป็นเอกลักษณ์...
“นายเคยรักใครบ้างเหอะ ตะวัน”
“แม่ของฉัน ของนายไง อ้อ...อีกคนก็พี่อ้วนพี่เลี้ยงของเรา”
“โอย...”
รัตติหัวเราะร่วน แล้วทำดัดทำเสียงสอง
“คนเย็นชา...ตะวันขา คุณจะเป็นแบบนี้กับผู้หญิงไม่ได้นะคะ คุณควรจะมีความอ่อนโยนบ้าง ไม่อย่างนั้นคุณก็จะเหมือนทะเลทรายแห่งความแห้งแล้ง ไม่มีความชุ่มชื้นของความรักหล่อเลี้ยง ไม่มีอะไรเกิดที่นั่น แล้วก็จะตายไปอย่างเดียวดายนะคะ”
“ดัดจริต” เขาว่าน้อง แล้วทำหน้าเคร่งใส่
“ทำเสียงเล็กเสียงน้อยแบบนั้น นายพลัสตัวเองเป็นเพศอื่นแล้วหรือเปล่าวะ?”
“หืม...” รัตติหัวเราะชอบใจก่อนจะสั่นหน้า
“ยังไม่พลัสว่ะ ฉันมีความรักมากมายรออยู่ที่ทำงานของฉัน จะพลัสได้ยังไงกัน”
“เหอะ...”
เบ้ปากใส่น้องแล้วรินเหล้าดื่มต่อ เขาไม่ได้อกหักจริงๆ อย่างที่บอกน้องชายไป แล้วออกจะเบื่อนิดๆ ด้วยซ้ำพักนี้ เบื่องานที่ต้องดูแลกระมัง งานสายเทาๆ นั่น...เขาไม่ค่อยชอบมันหรอก แต่ก็จำจะต้องทำอย่างว่านั่นแหละ ทำมากันตั้งแต่รุ่นปู่ คุมกันยาวๆ มาจนรุ่นเขากับน้องชาย
ธุรกิจสายนี้ไม่มีใครรู้จักตระกูล วัฒนะเวช
บางคนเป็นนักการเมือง บางคนเป็นนายตำรวจใหญ่ เอื้อหนุนกันไปในสายงานสีเทา มาเฟียดีๆ นี่เองนั่นแหละสายเครือญาติของเขา ทำงานกันสายนี้มานาน เรียกได้ว่าจะเดินลงไปก็คงจะยาก เหมือนขึ้นหลังเสือแล้วขืนลงไปเสือก็คงจะกัดตาย
พ่อของเขาจบไม่สวย เพิ่งจบไปเมื่อสามปีก่อนนี่แหละ จบแบบ...จำจะต้องจบเพราะเสียชีวิต ข่าวว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เขากับน้องรู้ว่ามันไม่ใช่แน่นอนล่ะ ทุกคนรู้แต่ก็ปิดเงียบไว้...ปล่อยให้เป็นเรื่องของอุบัติเหตุไป ไม่อยากสืบความยาวสาวความยืด
เหมือนปู่ของเขา
ตอนนี้สายธุรกิจอาบอบนาบ...ไม่ผิดหรอก ชื่อทางกฎหมายคืออาบอบนวด แต่จริงๆ ก็คือการค้าบริการ น้องชายของเขารับหน้าที่คุม หมอนั่นดูจะเพลินมาก ก็สมกับนิสัยใจคอของรัตตินั่นแหละ ที่ชอบเพลิดเพลินกับเนื้อหนัง จะว่าไปใครเล่าไม่ชอบกันเรื่องแบบนี้ สุรา นารี...เกมพนัน คือเรื่องที่เร้าหัวใจเหล่าชายชาญอยู่แล้ว และตระกูลของเขาก็หากินกับอะไรแบบนี้มานาน
ส่วนเขารับคุมธุรกิจสายการพนัน มีโรงแรมระดับห้าดาวเปิดไว้บังหน้า ข้างบนเป็นบ่อน บ่อนที่ตรวจทีไรก็หาไม่เจอนั่นแหละ จะไปหาเจอได้ยังไงกัน ก็ตำรวจที่ตรวจสืบจับรับเงินจากพวกเขามาตั้งแต่รุ่นปู่
“เปลี่ยนกันคุมไหมล่ะตะวัน” นำเสนอให้กับพี่ชาย ตะวันฉายปรายตามองน้องแล้วสั่นหน้า
“ไม่เอา ฉันทำตรงนี้ดีอยู่แล้ว นายอย่าเลย”
บอกแบบนั้นเพราะสายของเขา ต้องเข้มต้องข้น นิสัยแบบรัตติมาคุม มีหวังได้เละเทะแน่ๆ
“เอ้า ก็เผื่อนายจะหายเซ็ง เพราะมีของสดๆ คาวๆ ไว้ให้กินแก้เบื่อ เอางี้ไหม? ฉันว่านายควรจะพักร้อนบ้าง เดี๋ยวฉันจัดทริปให้แบบเด็ดๆ”
“ทริปแบบที่นายจัดให้พวกเสี่ย กับพวกนักการเมืองน่ะเหรอ?”
เลิกคิ้วพลางถามน้อง รัตติขยิบตาให้ ทำให้เขาสั่นหน้า
“ไม่เอา ฉันไม่ชอบมั่วอะไรแบบนั้น ฉันชอบทีละคน”
“งั้นฉันหาให้นายมะ”
“อืม...”
“ตกลงตามนั้นนะ เดี๋ยวฉันหาที่พักผ่อนให้นายพร้อมกับเด็กเด็ดๆ ไปบริการ เอาสักเจ็ดวันดีไหมล่ะ”
มองน้องชายไม่ตอบไม่ค้าน แต่ดื่มเหล้าต่อ
แค่นั้นรัตติก็ตีความเอาเองแล้วล่ะว่า
ตกลง...