บทที่ 2 มองไม่ออก
บทที่ 2 มองไม่ออก
“นาย นายอย่ามาตลกคนอย่างนายเนี้ยะนะจะมาชอบฉัน คิดจะแกล้งกันอีกหรือไง ” เธอรีบทำสีหน้าให้เป็นปกติเพราะติณณ์ชอบแกล้งเธออย่างนี้อยู่เป็นประจำ
“ไม่ ครั้งนี้ฉันไม่ได้แกล้ง ฉันชอบเธอจริงๆ คนทั้งคณะดูออกหมดมีแต่เธอนั้นแหละที่มองไม่ออกเอง ซื้อบื้อชะมัด” เขาพูดพร้อมใช้มือขยี้หัวของเมเมอย่างอ่อนโยน แตกต่างจากที่ผ่านหรือว่าเธอไม่เคยสังเกต แต่การกระทำให้ติณณ์ดันมาทำให้หัวใจของเธอเต็นระรัว ยืนนิ่งไม่พูดอะไร
“นี่พวกแกสองคนจะยืนอยู่อย่างนั้นอีกนานมั้ยรีบตามมาได้แล้ว” เสียงตะโกนเรียกของกุ๊กไก่ที่เดินออกหน้าไปไกลได้เรียกสติของอรให้ตั้งสติ ไม่แน่ติณณ์ต้องมีแผนอะไรแน่ๆ เธอไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาหรอก
“เหอะนายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ” อรปัดมือของเขาออกก่อนจะรีบวิ่งไปหากุ๊กไก่ทันที
“ยายเบื้อก ฉันแสดงออกขนาดนี้ทำไมถึงดูไม่ออกกันนะซื่อบื้อจริงๆ ด้วยสินะ” ติณณ์ยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตามเธอไปเช่นกัน
เขาแอบชอบตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่แต่ไม่กล้าที่จะบอกว่าชอบเธอ กลัวว่าจะเสียเพื่อนเขาจึงคอยหาเรื่องเข้าใกล้เธอเรื่อยมา จนตอนนี้เขาไม่อยากจะรออีกต่อไปเมื่อได้ยินว่าเมเมกำลังจะมีความรัก เขากลัวจะเสียเธอให้กับคนอื่นจึงได้บอกเพื่อนออกไปแต่เจ้าตัวกลับคิดว่าเขานั้นแค่พูดเล่นๆ เหมือนที่ผ่านมา
หลังเลิกคลาสทุกคนก็ได้เดินออกมาจากห้องเรียน กุ๊กไก่ผู้ที่มีพลังเหลือล้นก็ได้เอ่ยชวนทุกคนไปกินข้าวกลางวันก่อนจะกลับไปห้องหรือบ้านของแต่ละคน
“นี่พวกเรากินข้าวกันก่อนค่อยแยกย้ายดีมั้ย ถึงกลับบ้านตอนนี้ฉันก็ไม่รู้จะทำอะไร ”
“ดีเหมือนกันเมื่อกี้ฉันใช้พลังงานไปมากเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันเถอะ” ติณณ์ได้พูดเสนออีกคน
“อย่างนายเนี้ยะนะใช้พลังงานฉันเห็นนายหลับทั้งคาบเลยนี่น่าใช่มั้ยเมเม” กุ๊กไก่ได้หันไปถามเมเมแต่ตอนนี้เธอกลับไม่กล้าสบตาของติณณ์อีกเลยเมื่อเขาได้บอกว่าชอบเธอ
“ไม่รู้สิฉันไม่ได้สังเกต รีบไปเถอะรีบกินรีบกลับฉันอยากจะไปพักผ่อน” เธอดึงแขนของกุ๊กไก่ให้เดินไวๆ ไปที่ร้านอาหารในมหาลัย
ระหว่างกินข้าวกุ๊กไก่ก็ได้ชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวด้วยกันในคืนนี้
“นี่คืนนี้พวกแกว่างกันมั้ย ไปเที่ยวผับกันฉันอยากโยกโยก” เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกัน4-5 คนก็พยักหน้าเห็นดีด้วย เมเมกลับนั่งเงียบกินข้าวต่อส่วนติณณ์เองก็เงียบไม่ตอบและจ้องมองเมเมตลอดเวลา
“เมเมไปด้วยกันนะ ฉันไม่ได้ไปเที่ยวกับเธอนานมากแล้วนะ”กุ๊กไก่ได้หันมาจับแขนของเมเมเขย่าไปมาเพื่อคะยั้นคะยอให้เพื่อนไปเที่ยวกับตัวเอง
“เอ่อ… พอดีเย็นนี้ฉันมีนัดนะ เอาไว้คราวหน้านะฉันสัญญาว่าจะไปกับพวกเธอ” เมเมตอบกระตุกกระตักแม้ใจอยากไปเที่ยวกับเพื่อนแต่เย็นนี้เธอก็มีนัดกับคุณอาเสียแล้ว
“เธอพูดอย่างนี้เพราะไม่อยากไปใช่มั้ย ” เพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันได้พูดขึ้นมา
“ไม่ใช่นะ ฉันมีนัดแล้วจริงๆ” เมเมโบกไม้โบกมือกลัวเพื่อนคิดแบบนั้นจริงๆ
“หรือว่าเธอจะมีแฟนจริงๆ คงไปเที่ยวกับแฟนสินะ” กุ๊กไก่ยิ้มมุมปากมองเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนเพื่อนๆ ทุกคนต่างพากันมองเมเมเป็นตาเดียวกัน
“ก็ไม่เชิงเป็นแฟนหรอกเรียกว่าคนคุยดีกว่า ฉันอิ่มแล้วไปก่อนนะแล้วครั้งหน้าฉันจะไปกับพวกแก เที่ยวให้สนุกนะบ๊ายบาย ” เธอรีบลุกหยิบกระเป๋าเดินออกมาก่อนที่เพื่อนจะถามอะไรไปมากกว่านี้
ส่วนติณณ์เมื่อได้ยินว่าเมเมมีคนคุยเขาก็เริ่มไม่พอใจและหงุดหงิดใจมาก เพราะตั้งแต่รู้จักเมเมมาเธอไม่เคยคบใครเลยทำให้เขาอยากจะเห็นเหลือเกินว่าผู้ชายคนนั้นเป็นหนุ่มคณะไหน
ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเมเมที่กลับมาจากมหาลัยเธอก็ได้นอนพักจนลืมตามาอีกครั้งในห้องก็มืดแล้วเธอลุกขึ้นเปิดไฟก่อนจะมองดูนาฬิกาที่ติดฝาผนังก็ใกล้จะ 1 ทุ่มแล้ว คุณอาได้ส่งข้อความมาบอกจะมารับเธอที่หน้าคอนโดเวลา 2 ทุ่มเธอจึงได้เข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวเพื่อจะออกไปหาคุณอา
เมเมได้ยืนรออยู่ที่หน้าคอนโดเมื่อถึงเวลาไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งขับตรงเข้ามาหา ก่อนจะลดกระจกลงเพื่อเรียกให้เธอได้ขึ้นไปกับเขา
“เมเมขึ้นมาสิคะ ” น้ำเสียงที่คุ้นเคยของเขาทำให้เธอยิ้มออกมาเปิดประตูก้าวเท้าขึ้นไปนั่งบนรถ
“วันนี้เมเมสวยจริงๆ ชุดนี้ใช่ชุดที่อาซื้อให้ใช่มั้ย? ” สายตาของปริณจ้องมองแมวน้อยอย่างน่าเอ็นดูวันนี้เมเมสวมใส่ชุดเดรสสีชมพูเปิดด้านหลังเล็กน้อยพอให้วาบหวิดกระโปรงสั้นถึงแค่หัวเข่า ช่างเข้ากับผิวขาวอมชมพูของเธอจริงๆ เขาจ้องมองเธอจนไม่อยากจะออกไปกินข้าวแต่อยากจะกินเธอแทนเสียมากกว่า
“ใช่ค่ะ ชุดนี้คุณอาเป็นคนซื้อให้ ว่าแต่คุณอาจะพาเมเมไปกินข้าวที่ไหนเหรอคะถึงให้เมเมแต่งตัวสวยออกมา”
“เซอร์ไพรส์ค่ะ เมเมหันหลังมาให้อาสักครู่ได้มั้ย ” เมเมไม่เข้าใจแต่ก็ทำตามที่เขาบอก เขานำผ้ามามัดปิดตาของเธอก่อนจะขับเคลื่อนรถออกจากหน้าคอนโด หัวใจของเมเมเต็นโครมครามอยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน แม้เขาจะไม่เคยบอกว่ารักเธอแต่เขาก็มักจะเอาใจใส่อยู่เสมอ
ไม่นานเสียงรถก็ดับรถ เขาลงจากรถและเดินอ้อมาเปิดประตูรถให้เธอจับมือของเธอไปยังที่เขาได้จัดเตรียมไว้ เมเมรู้สึกเหมือนเท้าของเธอก้าวเข้ามาที่แปลกๆ ที่ไม่ใช่พื้นดินหรือร้านอาหารเพราะตอนนี้ตัวของเธอโอนเอนตามจนแทบจะยืนไม่ได้ โชคดีที่คุณอาจับมือเธอจนถึงที่หมายเขาแกะผ้าออกจากหน้าทำให้เมเมต้องตะลึง เมื่อเห็นวิวด้านหน้าเขาพาเธอมาอยู่บนเรือที่แทบจะไม่มีคนอื่นเลยนอกจากลูกเรือ เธอก็ยิ่งตกใจเมื่อคิดว่าเขาคงไม่ทำถึงขนาดเหมาเรือทั้งรำเพื่ออาหารค่ำคืนนี้หรอกนะ
“สวยมั้ย ” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นเธอยืนนิ่งไม่พูดอะไร
“สวยค่ะอย่าบอกนะคะว่าคุณอาเหมาเรือเลย”
“ใช่นะสิ! เพราะอาอยากให้ค่ำคืนนี้เป็นคืนพิเศษของเรา ” เมเมมองทอดสายตาดูวิวยามค่ำคืนเรือก็แล่นออกจากท่าอย่างช้าๆ เธอคิดถึงคำพูดของกุ๊กไก่ หรือนี่จะเป็นคืนสุดท้ายที่เธอกับคุณอาจะได้อยู่ด้วยกัน แม้หัวใจของเมเมจะเจ็บแปร๊บแต่เธอก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้ให้เสียบรรยากาศ อย่างไรเธอกับเขาก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ที่แอบซ่อน หากเขาจะจากเธอไปเธอก็ไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้
“ยืนคิดอะไรอยู่คะ” ปริณโอบกอดเมเมจากด้านหลังพร้อมซบลงตรงคอระหงของเธอ
“เมเมแค่เก็บเกี่ยวบรรยากาศดีๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ทำแบบนี้ให้เมเมทำให้เมเมคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของคุณอาเลยค่ะ”
เขาซุกไซร้คอระหงที่มัดผมทรงสูงเผยให้เห็นคอขาวเนียน
“ทำไมพูดแบบนั้นละคะ อย่างไรเมเมก็เป็นคนสำคัญของอานะ หากอยากมาที่นี่อีกเดี๋ยวอาจะเหมาให้ทุกวันยังได้เลย ” เธอได้ยินคำพูดของเขาก็พอให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ไม่ใช่เมเมอยากมาทุกวันเสียหน่อย”
“มาเถอะ อาหารมาเสริฟแล้ว นี่ก็เลยเวลาอาหารมามากแล้วเดี๋ยวจะเจ็บท้องเอาได้ ” ปริณจับมือของเมเมให้เดินตามเขาเข้ามาในนั่งด้านในตัวเรือ วันนี้เขาเหมาเรือรำนี้ทั้งคืนเพื่อนอนอยู่บนเรือเปลี่ยนบรรยากาศไม่อยากให้เมเมรู้สึกเบื่อ
เมื่อทั้งสองกินอาหารกันอยู่พนักงานเสริฟก็ได้มารินไวท์ให้ทั้งคู่ พร้อมช่อดอกไม้ดอกใหญ่ที่ปริณได้เตรียมมาให้เมเม ปริณได้พยักหน้าให้ทุกคนออกไปพักผ่อนเพราะต่อจากนี้เขาจะเป็นคนจัดการเอง เมเมรู้สึกดีมากๆ จนไม่อยากให้ค่ำคืนนี้จบลงเลย
“ดอกไม้สำหรับคนสวยของอา” เขายื่นช่อดอกไม้ให้เธอพร้อมรอยยิ้ม
“คุณอาไม่เห็นต้องเตรียมอะไรอย่างนี้มาให้เมเมเลยนี้คะ แค่นี่ก็มากพอแล้ว ” เธอยิ้มให้เขาพร้อมรับดอกไม้นั้นมาชื่นชมแต่แล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกล่องเล็กๆ อยู่ในช่อดอกไม้นั้นทำเอาหัวใจของเธอเต้นโครมครามแข่งกับคลื่นแม่น้ำ