บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ความทรงจำของสตรีทั้งสอง

ตอนที่ 4

บนท้องถนนหลวงสายกรุงเทพฯ-โคราช รถสามคันกำลังขับไล่ล่ากันมา ด้วยความเร็วสูง แม้ยามนี้จะเป็นยามวิกาลก็ตาม

“หยุดรถยอมมอบตัวเสียเถอะ พวกนายหนีไม่รอดหรอก”

เสียงหวานกล่าวผ่านโทรโข่งที่ติดตั้งเอาไว้ในรถ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ผู้ร้าย ที่กำลังขนยาเสพติดล็อตใหญ่ คิดจะนำออกจากกรุงเทพฯ ไปกระจายส่งตามต่างจังหวัด โดยการยัดไส้มากับที่นอน ให้ยอมมอบตัว

มินตราได้รับมอบหมายให้มาปฏิบัติการจับกุม ตามที่สายข่าวรายงานมา โดยการออกมาตั้งด่านตรวจ แต่ว่าผู้ร้ายไม่คิดจะมอบตัวง่าย ๆ ขับรถแหกด่านตรวจมา หญิงสาวกับลูกน้องอีกหลายคน จึงรีบขับรถไล่ตามมา พร้อมกับแจ้งให้ สน.ในพื้นที่ รีบช่วยกันสกัดจับ

“เอายังไงดีต่อลูกพี่ ตำรวจมันไล่กัดเราไม่ปล่อยเลย”

“มีปืนไว้ทำไมวะ ยิงสวนไปเลย” ชายคนขับออกคำสั่งอย่างหงุดหงิด รวบรวมสมาธิในการบังคับรถที่กำลังแล่นบนท้องถนนด้วยความเร็วเกินที่กฎหมายกำหนดไปมาก

“แต่ถ้าเราถูกจับได้ จะไม่ถูกเพิ่มอีกข้อหาหรือพี่” ชายที่พึ่งมาทำงานนี้เป็นครั้งแรก ก็ต้องมาหลบหนีตำรวจเลย รู้สึกปอดแหกไม่กล้ายิงใส่รถตำรวจ

“มึงจะให้กูถีบลงจากรถ ส่งไปให้ตำรวจจับ หรือมึงจะยิงถ่วงเวลาให้พวกเราหนีรอดไปได้วะ”

“อย่างหลังดีกว่าพี่”

“งั้นก็ยิงสิวะ รอหาพ่อมึงหรือ”

ชายที่นั่งอยู่ข้างคนขับ ลดกระจกหน้าต่างลง ชักปืนออกมา เล็งเป้าไปยังรถตำรวจที่ขับไล่ตามมา จากนั้นก็เหนี่ยวไก ยิงติดต่อกันรัว ๆ จนลูกกระสุนหมด

...ปัง ๆ ...

ร้อยตำรวจหญิงมนตรากับนายตำรวจคนอื่น ๆ ต่างรีบพากันก้มหลบลูกกระสุน นายตำรวจที่ทำหน้าที่เป็นพลขับ ก็ต้องบังคับรถไม่ให้ตกถนนไปด้วย

“บ้าเอ๊ย”

หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวสบถออกมา จากนั้นก็โผล่ครึ่งตัวออกไปนอกหน้าต่าง มืออีกข้างจับยึดขอบรถเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จัดการเล็งไปที่ล้อรถของผู้ต้องหา แล้วลงมือยิงทันที

ส่งผลให้รถข้างหน้าส่ายไปมาราวกับงูเลื้อย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น คนขับก็ยังฝืนขับรถหนีต่อไป ทั้ง ๆ ที่ล้อข้างหนึ่งแบนไปแล้ว

“แม่งเอ๊ย รู้จักกูน้อยไปแล้ว ไอ้ชัย มึงบังคับพวงมาลัยรถแทนกูหน่อย”

ชายคนขับรถหันไปออกคำสั่งลูกน้องที่ติดรถมาด้วย ชายคนที่นั่งข้างคนขับจึงเอื้อมมือสองข้างมาจับพวงมาลัยแทนลูกพี่ แม้จะเป็นเรื่องที่ลำบากไปเสียหน่อย

จากนั้นชายคนขับรถ ก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออก โผล่ตัวออกนอกหน้าต่างรถเล็กน้อย เล็งปืนไปที่รถของตำรวจ แล้วลั่นไกไปเพียงหนึ่งนัดเท่านั้น ก็รีบกลับเข้ามาบังคับรถต่อ

...ปัง...

ลูกกระสุนที่ถูกยิงมาจากฝั่งคนขับของรถคันหน้า พุ่งผ่านกระจกเข้ามาถูกหน้าผากของนายตำรวจพลขับทันที

ส่งผลให้รถของเจ้าหน้าที่หมุนคว้างอยู่กลางถนน ส่วนรถตำรวจอีกคันที่ตามหลังมาติด ๆ ก็หลบไม่ทัน พุ่งชนรถที่เสียหลักหมุน จนรถคันนั้นพุ่งตกลงไปในคลองน้ำทันที

นั่นคือภาพสุดท้ายที่ร้อยตำรวจหญิงมินตราจำได้ ก่อนจะฟื้นคืนสติขึ้นมา พบว่าตนเองกำลังจมลงลึกลงไปใต้น้ำ ไม่ได้อยู่ในรถตำรวจคันที่ตกน้ำอย่างที่ควรจะเป็น

ตอนที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย หญิงสาวจึงไม่ทันได้คิดอะไรมาก รีบพาร่างกายของตนเอง โผล่พ้นเหนือน้ำ จนพบเจอเด็กหญิงตัวน้อย แล้วได้ช่วยชีวิตพี่ชายของเด็กหญิงเอาไว้

ภายหลังที่เด็ก ๆ วิ่งหนีจากมา หญิงสาวถึงได้รับความทรงจำของใครอีกคนมา

เป็นภาพความทรงจำของสตรีที่มีร่างกายอวบอ้วน นามว่าหลางกุ้ยตาน นางเป็นหญิงสาวที่นิสัยไม่ดี มาตั้งแต่เกิด ไม่ว่าพ่อแม่จะบอกจะสอนอย่างไร นางก็ไม่เอา หนำซ้ำยังไม่รู้จักกตัญญูต่อบิดามารดา ไม่เคยแม้จะหุงหาข้าวปลาเลี้ยงดูผู้มีพระคุณ ได้แต่นอนรอกิน แล้วยังกินเข้าไปในปริมาณมาก หากคนในบ้านแย่งนางกิน ก็จะถูกด่าต่อว่าเสีย ๆ หาย ๆ จึงไม่แปลกที่หลางกุ้ยตาน จะกลายมาเป็นสตรี ที่มีขนาดความกว้างมากกว่าความสูง

บิดามารดา พี่น้องต่างต้องทนอยู่อย่างทุกข์ใจ และหวังอยากจะให้นางออกเรือนไปเสียให้พ้น ๆ แต่กลับไม่มีชายหนุ่มคนใดในเมือง ที่จะส่งเถ้าแก่มาสู่ขอทาบทามเลย

จนกระทั่งวันหนึ่งกองทัพทหาร ขี่ม้าเข้ามาพักในเมือง หลางกุ้ยตานก็ได้พบชายหนุ่มที่พึงพอใจ รีบเป็นฝ่ายไปสารภาพรักก่อนทันที

แต่หม่าหย่งเหรินก็ตอบปฏิเสธเสียงนุ่ม ไม่อยากหักหาญน้ำใจนาง ว่าตนเองนั่น มีภรรยากับลูกน้อยอีกสองคนแล้ว ไม่อยากรับอนุเข้ามาในชีวิตอีก

ซึ่งหลางกุ้ยตานก็ยิ้มรับ บอกว่าเข้าใจแล้ว และขอเป็นสหายกับชายหนุ่มแทน ซึ่งหม่าหย่งเหรินก็ยอมรับไมตรี หญิงสาวจึงขอขอบคุณที่ชายหนุ่มไม่รังเกียจที่จะเป็นสหายกับนาง โดยการขอเลี้ยงอาหารชายหนุ่มกับเพื่อนทหาร ซึ่งเขาก็ตกลง

หลางกุ้ยตานจ่ายเงินจองโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งทั้งหมด แล้วก็เลี้ยงดูปูเสื่อทหารทั้งหลายอย่างดี จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ทหารทุกคนก็พากันสลบไสลไป รวมทั้งหม่าหย่งเหรินด้วย

พอรุ่งเช้ารู้สึกตัวมาอีกที หม่าหย่งเหรินก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าตนเองนอนเปลือยกายอยู่บนเตียง พร้อมกับสตรีร่างใหญ่ที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน

ตอนนั้นชายหนุ่มก็รู้ตัว ว่าพลาดท่าถูกหญิงสาววางยา เพื่อปีนขึ้นเตียงเขา ตอนแรกก็ไม่คิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นหรอก เพราะเขาแน่ใจว่าไม่ได้มีอะไรเกินเลยแน่

แต่คนอย่างหลางกุ้ยตานหรือจะปล่อยชายหนุ่มรูปงามไปง่าย ๆ นางว่าจ้างให้พนักงานในโรงเตี๊ยมไปตามบิดามารดามาพบ

พอบิดามารดาของหญิงสาว มาเห็นสภาพของบุตรสาวเปลือยกายอยู่กับชายหนุ่มแปลกหน้า ก็รีบโวยวายเสียงดัง ตะโกนให้ชาวบ้านมาร่วมเป็นสักขีพยานรับรู้ เพราะอยากจะกำจัดบุตรสาวแสนขี้เกียจและนิสัยไม่ดี ให้ออกไปพ้น ๆ จากชีวิตของตน

หม่าหย่งเหรินไม่มีทางเลือก จำใจต้องพานางเดินทางกลับหมู่บ้าน ในฐานะภรรยาอีกคน จนภรรยาคนแรก ที่มีสุขภาพไม่สู้ดีนัก ต้องมาตรอมใจตาย

หลางกุ้ยตานจึงได้ยกฐานะขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อยทั้งสอง

ช่วงที่สามีอยู่บ้านนางก็ทำเป็นรักและดูแลเด็กน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี ราวกับลูกแท้ ๆ ของตนเอง แต่พอยามเกิดศึกสงคราม สามีต้องออกไปรบ นางก็จะหาทางกลั่นแกล้งทำร้ายเด็กทั้งสองสารพัด

ใช้ให้เด็กชายทำงานบ้านที่ควรจะเป็นหน้าที่ของนางทุกอย่าง หากไม่ยอมทำตาม นางก็จะใช้ไม้เรียวฟาดตามแผ่นหลังแผ่นขาของเด็ก จนเป็นริ้วรอยแดง

จนกระทั่งเมื่อหลายเดือนก่อน ทหารหลายนายได้หามร่างของสามีกลับมาบ้าน ในสภาพที่ขยับร่างกายไม่ได้ นอกจากบริเวณศีรษะ

จากความรักที่มีต่อรูปลักษณ์ภายนอก ก็ค่อย ๆ หมดลง ไหนจะเงินทองที่เริ่มจะขาดมือ นางจึงได้แสดงธาตุแท้ แสดงนิสัยจริง ๆ ของนางออกมาให้สามีเห็น นอกจากนี้ ตั้งแต่สามีป่วย นางยังไม่เคยดูแล ไม่เคยทำอะไรให้สักอย่าง

วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวออกนอกบ้าน ไปติดพันชายหนุ่มขายเกลือ จนถึงขั้นขนเสื้อผ้าหอบหิ้วเงินทองที่สามีเคยส่งมาให้ ไปกับชายชู้

แต่ไปได้แค่สามวันก็ต้องซมซานกลับมา เมื่อชายหนุ่มขายเกลือนั่น หลอกเอาแต่เงินของนางแล้วหนีไป ตอนแรกนางก็อับอายชาวบ้านหมู่บ้านต้าหนิงที่ถูกหลอก จึงได้กลับไปหาบ้านเดิมของนางก่อน แต่ว่าบิดามารดากลับไม่ยอมเปิดประตูบ้านยอมรับนางกลับไป

หลางกุ้ยตานจึงต้องแบกหน้า พร้อมกับเงินอีกไม่กี่ตำลึง มาหาสามีพิการและลูกเลี้ยงทั้งสองของนาง แต่ก็ยังมิวายที่จะใจร้ายใจดำกับทุกคนเช่นเดิม

“จิตใจทำด้วยอะไร ถึงทำกับเด็ก ๆ ได้ลงคอ”

มินตราพึมพำออกมา หลังจากความคิดภายในหัวกลับมาเข้าที่เข้าทางดีแล้ว หญิงสาวรู้สึกสะอิดสะเอียนในความเป็นแม่เลี้ยงใจมาร เป็นภรรยาใจดำของหลางกุ้ยตานมาก มากเสียจนไม่อยากอยู่ในร่างกายของนางอีกต่อไป

ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่สตรีร่างใหญ่ทำ ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่ดีทั้งนั้น จนมินตรารับไม่ไหว รีบปิดกั้นเรื่องชั่วช้านั้นออกไปจากหัวสมองของนางเสีย

เมื่อเลือกไม่ได้ ได้ตายจากโลกปัจจุบัน วิญญาณเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้แล้ว หญิงสาวก็ต้องทำใจยอมรับและอยู่กับปัจจุบันให้ได้

แต่ว่าต่อจากนี้ นางจะขอลิขิตชีวิตของตนเอง จะไม่มีหลางกุ้ยตาน แม่เลี้ยงใจร้ายอีกต่อไป แต่นี่สำหรับนางเท่านั้น สำหรับคนอื่น ก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

“เอาล่ะ ข้าจัดระเบียบความคิดเข้าที่เข้าทางแล้ว เรามาเปิดอกพูดคุยอะไรกันสักหน่อยดีกว่า อนาคตยังจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันอีก”

สตรีร่างใหญ่ ที่นั่งเงียบมานาน หันใบหน้าไปสนใจคนสามคนที่อยู่บนเตียง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel