บทที่ 2
บทที่ 2
“นังเด็กสารเลว!”
“นังคนสารเลวกล้าแย่งคู่หมั้นคุณหนูลู่!”
“นังลูกนางโลม!”
ผั๊วะ!!
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
“คุณชายฉีท่านหลงนังจิ้งจอกนี้หรือ!”
เสียงคุณหนูลู่ดังขึ้นมาและข้าพึ่งรู้ว่าอีกฝ่ายก็มาในครั้ง หึ มาได้ประจวบเหมาะเสียจริงคนสารเลวเช่นนี้ย่อมอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นแน่ ข้าจะรอโอกาสเอาคืนเจ้าให้สาสมกับการกระทำของเจ้า
“พวกเจ้าเป็นคนดีนักนะ แห่กันมาที่นี้อย่างกับนัดหมายกันเอาไว้แถมยังมาทำร้ายนางต่อหน้าข้าถึงอย่างไรนางก็คือภรรยาของข้าแล้วพวกเจ้าใครกล้ารังแกนางข้าจะจัดการพวกเจ้าให้หมดทุกคน”
“คุณชายฉี!”
“หุบปากพวกเจ้าอย่าแส่หาเรื่องของคนอื่น ด่าทอคนมากมายปากมากเสียจริงกิริยาเช่นนี้ยังกล้าออกจากบ้านอีกไสหัวกันกลับไปได้แล้ว!”
“คุณชายฉี!”
“ข้าบอกให้พวกเจ้ากลับไป!”
เขาเข้ามาพยุงข้าขึ้นมาอย่างเบามือก่อนที่จะอุ้มข้ากลับบ้านของข้าเองอย่างถนุถนอมเสียยิ่งกว่าไข่ในหินเสียอีก เมื่อมาถึงบ้านก็พบกับมารดาที่ทำแผลให้กับลุงจ้าวอยู่นั้น สภาพของลุงจ้าวมีบาดแผลมากมายจนข้าดิ้นลงจากอ้อมแขนของฉีเฟยไปหาลุงจ้าวกับมารดาของข้า
“ท่านลุง”
“กลับมาแล้วหรือเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้าไม่เป็นไร ฉีเฟยมาช่วยข้าได้ทันแต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร!”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
“นางเป็นภรรยาของข้าแล้ว เมื่อกลับบ้านไปข้าจะให้ท่านพ่อมาสู่ขอนางที่นี้”
“คุณชายฉีเหตุใด”
“เมื่อคืนนี้ข้าโดนผงปลุกสวาทเลยล่วงเกินนางเป็นข้าผิดเองที่เป็นต้นเหตุที่นางโดนทำร้าย”
“ต่อไปนี้ข้าจะดูแลนางให้ดีที่สุดเองขอรับ”
“อาหนิงเจ้าว่าอย่างไร”
“แล้วแต่ท่านแม่เลยเจ้าค่ะ”
“คุณชายฉีเฟยฝากดูแลอาหนิงด้วย”
“ขอรับ”
การที่ข้าจะแต่งเข้ามาในตระกูลฉีนั้นโดนเหล่าผู้อาวุโสคัดค้าน แต่จนแล้วจนรอด ตัวข้าเองก็ได้แต่งเข้ามาในฐานะฮูหยินเอก แม้ว่าฉีเฟยจนได้ ข้าที่กำลังขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวมาที่บ้านเจ้าบ่าวต่างมีชาวบ้านมากมายที่ไม่พอใจจนขวางปาสิ่งของใส่เกี้ยวเจ้าสาวของข้าจนต้องมีคนคอยมากันคนพวกชาวบ้านเอาไว้
“เจ้าสาวมาแล้ว!!”
“ให้นางเข้าประตูเล็กมา”
“ท่านแม่ ไม่ได้นะนางเป็นฮูหยินเอกจะข้าประตูเล็กได้ยังไงกันขอรับ”
“นี้เจ้ากล้าต่อว่าแม่หรืออาเฟย!”
“นางคือภรรยาของข้า ท่านแม่อย่าทำอย่างนี้เลย ให้นางเข้าประตูใหญ่เถอะขอรับ”
“อาเฟย!!”
“ท่านแม่”
“ให้นางเข้าประตูเล็กมา”
“เจ้าค่ะ”
ในท้ายที่สุดฉีเฟยก็ไม่อาจที่จะขัดคำสั่งของมารดาตนเองได้ ข้าจึงก้าวเดินเข้าทางประตูเล็กแทนคุณหนูใหญ่ลู่ ลู่เหมยลี่ก็มาด้วยเช่นกันสีหน้าไม่พอใจมากล้น ทำเอาคนในงานต่างหวาดกลัวกันท้วนหน้า พิธีการแต่งงานของข้ากับฉีเฟยต่างพากันทำพิธีจนเสร็จเรียบร้อยและก็ได้เวลาเข้าห้องหอ ข้านั่งรอในห้องหอเพียงไม่นานก็มีคนเข้ามาแล้วคนที่เข้ามาคือ ฉีเฟยที่เมามายมานั่งข้างกายข้า
“เพราะเจ้า”
“เพราะข้า?”
“ใช่เพราะเจ้า เจ้าทำให้ข้าต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ถ้าข้าไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเจ้าป่านนี้ข้าคงแต่งงานกับคนที่ข้ารักไปแล้ว”
“เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้าหรือ สตรีแต่งงานกับใครก็ต้องเป็นของคนนั้นข้าแต่งงานกับท่านข้าย่อมเป็นภรรยาท่านที่จะอยู่กับท่านตลอดชีวิต ท่านจะด่าจะว่าข้าอย่างไรสุดท้ายข้าคนที่ท่านเกลียดก็ยังเป็นของๆ ท่านอยู่ดี”
“ข้าเกลียดเจ้าซินเพ่ยหนิง”
“แต่ข้าเป็นภรรยาท่านฉีเฟย”
แม้ข้าจะต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย แต่สุดท้ายการเข้าหอของสามีภรรยาก็ต้องเกิดขึ้น ความขมขื่นที่ได้รับไม่ต่างจากคืนนั้นที่ข้าได้รับจากฉีเฟย ข้าตื่นในช่วงเช้าข้าก็ต้องมาคำนับพ่อแม่สามี ข้าเองก็เลยต้องยกน้ำชามาให้พ่อแม่สามี บัดนี้พ่อแม่สามีไม่แม้แต่จะรับชาของข้าเลยแม้แต่น้อย ข้านั่งยกชาอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไปจนเกือบ 1 ชั่วยาม แต่ก็ไม่มีใครรับเลยสักคน จนตัวของคุณลู่เหมยลี่มายกน้ำชาให้พ่อแม่สามีเช่นกันเพียงแค่เวลาไม่นานก็รับน้ำชาของนางไป ข้าเลยรู้ว่าที่ข้านั่งนานถึงเพียงนี้ข้าไม่ได้ถูกยอมจากครอบครัวของฉีเฟยเลยสักคน ข้าเองก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่ชอบข้าและข้าเองก็ไม่ชอบเขาเช่นกัน
“นั้นเจ้าจะลุกขึ้นเช่นนี้ได้อย่างไรกันไร้มารยาทยิ่งนัก มารดาเจ้ามิสั่งสอนหรืออย่างไร หรือจะสอนเพียงแค่ยั่วยวนผู้อื่น”
“ฮูหยินฉีกล่าวเกินไป มารดาของข้ามิเคยสอนให้ยั่วยวนผู้อื่น แต่มารดาของข้าล้วนสอนข้าให้รู้จักการไม่เอาเปรียบผู้คนไม่เหยียกดหยามผู้คน ข้ามีบิดามารดา แม้บิดาของข้าจะไม่ได้อยู่ร่วมกันแต่ข้าเป็นผู้ที่มีบิดา มารดาของข้าไม่ได้ขายตัวแต่อยู่หอนางโลมเป็นเรื่องจริง นางขายศิลป์ให้กับผู้อื่นที่อยู่ในหอนางโลม ตั้งแต่เด็กมีผู้คนรังเกียจพวกเราสองแม่ลูก รังเกียจนางโลมแต่เหตุไฉน ขุนนางชั้นสูงจึงเข้าหอนางโลมเป็นว่าเล่น ท่านฉีเองก็เคยไปมิใช่หรือ อนุภรรยาบ้านท่านก็ไถ่ตัวมาจากหอนางโลมผ่านบุรุษมามากมายท่านยังยอมรับได้ เหตุใดถึงตราหน้ามารดาข้าและตัวข้า”
“เจ้านังเด็กสามห้าว!!”
“ข้าไม่ได้รับสินสอดจากท่านแม่แต่แดงเดียวข้าไม่มีบุญคุณแก่ท่านทั้งสอง”
“เจ้าอวดดีเช่นนี้สมเป็นลูกนางโลม...”
เพี๊ยะ!!!!!!
“ปากฮูหยินเน่าแล้ว ล้างปากเสียหน่อยนะเจ้าคะ”
“เจ้า!!!!!”
“ข้าทำไมหรือ หยิ่งจองหองถือเป็นการอวดดีสำหรับข้า แต่นางคือคนสูงศักดิ์หากวันใดที่ข้านั้นอยู่เหนือพวกท่าน ข้าจะเหยียบย้ำพวกท่านจนกว่าจะสิ้นลมเช่นกัน นับแต่นี้ต่างคนต่างอยู่เกลียดข้า อย่ายุ่งกับข้าลูกของท่านอยากมีอนุหรือภรรยากี่คนก็ช่าง ข้าไม่สนอย่ายุ่งกับข้าเป็นพอ”
ข้าเดินออกมาโดยไม่สนใจผู้ใด ข้ารู้ดีว่าการทำเช่นนี้จะทำให้คนอื่นไม่พอใจ แต่สุดท้ายข้าก็เลือกที่จะทำเช่นนั้น เพราะข้านั้นไม่ต้องการที่จะปิดบังความคิดและความรู้สึกของตนเอง
“ท่านแม่”
“เจ้ากลับมาหาแม่เช่นนั้นหรือ เด็กดีของแม่เจ้าแต่งงานแล้วนะ”
“ข้าคิดถึงท่านแม่เจ้าค่ะ”
“เจ้าโดนพวกเขาต่อว่ามาหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าน่ะอย่าร้องไห้และอย่าเก็บเรื่องพวกนั้นมาใส่ใจอีกเลย ครอบครัวของแม่เองก็ไม่มีใครสนใจและรังเกียจแม่มาตลอด ตอนนั้นเพราะความจนครอบครัวถึงขายแม่เข้าไปในหอนางโลม แม่ใหญ่ที่เอ็นดูแม่ให้แม่เรียนรู้การเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ นางเคยมีลูกแต่เพราะโรคระบาดลูกแม่ใหญ่ถึงตายไป พอเห็นแม่ที่หน้าตาคล้ายบุตรสาวของแม่ใหญ่นางจึงให้แม่ขายศิลป์การทำเช่นนั้นเพื่อที่จะทำให้แม่ออกมาโดยที่ไม่ต้องถูกตราหน้าเช่นนี้
“บิดาเจ้าบังเอิญพบแม่ที่ตลาดและรู้ว่าแม่ขายศิลป์ที่หอนางโลม ไถ่ตัวแม่ออกมาแต่งงานกันโดยที่แม่ใหญ่เป็นผู้จัดงานให้มอบที่ดินให้แม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน บ้านหลังนั้นแม่ได้สร้างเอาไว้ให้เจ้านะ ส่วนที่นี้แม่นั้นสร้างมาเพราะเป็นที่สุดท้ายที่บิดาเจ้าหายไปบ้านหลังนั้นใหญ่มาก หอนางโลมที่ตอนนี้มีแม่ใหญ่คอยดูแลเจ้าไม่มีที่ไปก็ไปหาแม่ใหญ่ที่นั้น แม่ใหญ่มอบที่นั้นให้แม่”
“ท่านแม่ท่านเหนื่อยหรือไม่”
“การรอคอยมันเหนื่อยมากแต่แม่ก็ยินดีที่จะรอ เพราะในใจของแม่มีเพียงพ่อของเจ้า”
“ท่านลุงจ้าวรักท่านแม่มากนะเจ้าคะ ท่านพ่อหายไปนานแล้วหากเขารักเราจริงเขาคงกลับมานานแล้ว ไม่รอจนถึงตอนนี้ ท่านแม่จะตัดสิ้นใจอย่างไรก็ตามแต่ท่านแม่จะตัดสิ้นใจเลยนะเจ้าคะ”
“แม่ขอรออีกหน่อยหากท่านพ่อเจ้ามีคนอื่นแล้ว แม่จะถอยออกมาและจะอยู่กับคนรักแม่และแม่ก็รักเขา”