บทที่ 8 แข่งขันทำซาลาเปา
ปุง! ปุง! ปุง!..
เสียงลูกปะทัดสีแดงระเบิดดัง ‘ปุงปัง’ คลอเคล้าท่วงทำนองกลองและฉาบเชิดสิงโตเปิดงานแข่งขันทำซาลาเปาประจำปีของเมืองท่าเหวินโจวอย่างยิ่งใหญ่ ณ ลานกว้างหน้าศาลาว่าการเมืองซึ่งถูกประดับประดาไปด้วยผ้าแพรสีแดงและมวลบุปผชาติตระการตา ฝูงชนที่มารอรับชมการประชันฝีมือของพ่อครัวแม่ครัวใหญ่ทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยวล้วนเบียดเสียดแออัดกันอุ่นหนาฝาคั่ง
แน่ล่ะ ไม่ใช่ทุกวันที่เสือร้ายจะลุกขึ้นมากัดกันอย่างเป็นทางการ
การแสดงวันนี้น่าสนุกใช่น้อยเสียเมื่อไหร่
เด็กชายผู้มีไส้ในเป็นคนหนุ่มจากยุคสองพันยึดครองพื้นที่แถวหน้าชิดติดขอบสนามอย่างมั่นคง อาศัยช่วงเวลาระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานเยิ่นเย้อยืดยาวของเจ้าเมืองเหวินโจวในวัยสี่สิบเจ็ดปีนาม สือชวน ค่อย ๆ กวาดดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสำรวจกลุ่มผู้เข้าแข่งขันทั้งเจ็ดกลุ่มอย่างรอบคอบ
พ่อครัวแม่ครัวจากเหลาอาหารใหญ่และโรงเตี้ยมสามกลุ่ม ร้านอาหารขนาดกลางสองกลุ่ม และแผงอาหารขนาดค่อนข้างเล็กสองกลุ่ม
ไม่นับแผงอาหารขนาดเล็กซึ่งไม่เป็นที่สนใจแต่ละกลุ่มล้วนมีสมาชิกอย่างน้อยสามคนขึ้นไป
โดยเฉพาะพวกเขาส่วนใหญ่มักจะมีห่อผ้าลวดลายสวยงามหรือกล่องไม้วิจิตรชดช้อยซึ่งต้องสงสัยว่าจะบรรจุอาวุธลับประคองอยู่ในมือด้วยใบหน้ามั่นอกมั่นใจอย่างยิ่ง
อันเป็นไปจากกฎการแข่งขันซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละกลุ่มนอกจากพ่อครัวแม่ครัวหลักแล้วสามารถมีผู้ช่วยได้หนึ่งถึงสามคน นอกจากนี้วัตถุดิบและเครื่องปรุงพื้นฐานจวนเจ้าเมืองจะเป็นผู้รับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เว้นแต่วัตถุดิบพิเศษที่เป็นสูตรลับเฉพาะซึ่งแต่ละร้านจะต้องนำมาเอง
แม้จะค่อนข้างให้ท้ายเหลาอาหารใหญ่อยู่บ้างกระนั้นสำหรับตงหยางนี่ก็ไม่ใช่กฎที่ดีหรือแย่..
การแข่งขันโดยมากก็ไม่ค่อยจะโปร่งใสอยู่แล้ว
ดีเสียอีกภายใต้แรงกดดันของเหล่าสิงสาราสัตว์วงการแป้งนึ่งที่จ้องจะขย้ำกันให้ตายคาหม้อทองแดง ร้านแผงลอยไร้ชื่อเสียงเรียงนามของสกุลตงจะได้ถูกมองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง
นั่นเป็นข้อดี
ท่านปู่กับท่านพ่อจะไม่ถูกเพ่งเล็งขัดแข้งขา
“..ขอให้การแข่งขันเป็นไปอย่างยุติธรรม”
รั้งรออยู่ครู่ใหญ่ในที่สุดเจ้าเมืองเหวินโจวก็กล่าวปิดสุนทรพจน์ก่อนจะลั่นฆ้องให้สัญญาณเริ่มการแข่งขันทำซาลาเปาประจำปี
อย่างไรก็ดีไม่ผิดไปจากที่สมองน้อย ๆ ของเด็กชายวัยไม่กี่หนาวคาด เริ่มการแข่งขันไม่ทันไรเหล่าพ่อครัวแม่ครัวใหญ่ยังอุ่นหม้อนึ่งไม่ทันร้อน ปัญหายิบย่อยทั้งน้อยใหญ่ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผู้จัดงาน วัตถุดิบเน่าเสียไม่เพียงพอ อุปกรณ์ทำครัวขาดหาย ฟืนชื้นจุดไฟไม่ติด และอื่น ๆ อีกมากมายล้วนประดังประเดถาโถมใส่จนทั่วทั้งลานกว้างต่างเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
โกงกันอย่างโจ่งแจ้งไม่มีปกปิดสักนิด
แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้อเสียเสียทีเดียว
เนื่องจากสถานการณ์นี้เปรียบเสมือนเป็นสีสันที่จะเกิดขึ้นทุกปีทำให้โดยทั่วไปแล้วเหล่าพ่อค้าแม่ค้าหัวใสมักจะเรียนรู้ที่จะหาผลประโยชน์จากช่องทางการกอบโกยที่จะมีปีละครั้งนี้กันอย่างหน้าชื่นตาบาน
บ้างขายเนื้อขายผัก บ้างขายฟืน มีแม้กระทั่งขายเครื่องครัวในราคาแพงกระเป๋าฉีก
โชคดีที่ร้านซาลาเปาสกุลตงไม่เป็นที่หมายตา ตงโปและตงป๋ายที่ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันสักครั้งให้เป็นประสบการณ์ชีวิตถึงจะมีติดขัดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้สะดุดจนเสียเวลาไปต่อไม่ได้แต่อย่างใด คนลูกผสมแป้ง คนพ่อเตรียมไส้ ช่วยกันขยับไม้ขยับมือคล่องแคล่วเป็นระบบระเบียบ
แม้ไม่ได้นึ่งซาลาเปาเสร็จเป็นอันดับแรกแต่ก็ไม่นานจนเกินไป
การตัดสินเริ่มต้นขึ้นหลังจากผ่านไปครึ่งวัน
ก่อนตัดสินก็เข้าสูตรเดิม ท่านเจ้าเมืองคนเก่าคนเดิมพูดพร่ำน้ำลายแตกฟองหลายประโยคก่อนจะแนะนำผู้สูงศักดิ์ “..ปีนี้เมืองเหวินโจวของข้าได้รับเกียรติจากจวิ้นอ๋องและจวิ้นอ๋องน้อยร่วมตัดสินซาลาเปารสเลิศประจำปี จงพึงระลึกไว้เสียว่า..”
และอื่น ๆ
หากไม่ใช่เพราะซาลาเปาถูกอุ่นเอาไว้ในหม้อนึ่งเพื่อคงรสชาติที่ดีที่สุดเอาไว้ มัวแต่รั้งรอให้ท่านเจ้าเมืองพ่นน้ำลายจนหมดปากก็เกรงว่าแป้งจะเย็นชืดไปนานแล้ว
กระทั่งจวิ้นอ๋องน้อยวัยหกชันษาที่มีร่างกายผอมซูบไม่สมวัยยังแสดงสีพระพักตร์เบื่อหน่ายเหลือจะทน
การตัดสินเรียงลำดับจากเวลาที่ใช้ในการทำตั้งแต่น้อยไปมาก อันจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป อาทิเช่น ลำดับที่หนึ่งที่ได้เปิดประเดิมอาจจะไม่ใช่ลำดับที่ดีเสมอไปเนื่องจากลิ้นของกรรมการอาจจะยังไม่เปิดรับรสอย่างเต็มที่ กระนั้นลำดับสุดท้ายก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเพราะต้องพะวักพะวงว่ากรรมการจะอิ่มไปก่อนถึงตาของตนหรือเปล่า
ในการตัดสินนี้เจ้าเมืองเหวินโจวมีรูปร่างอ้วนท้วมชื่นมื่นและกินได้มากกว่าใคร ในขณะที่จวิ้นอ๋องชิมพอรู้รสคำถึงสองคำตามประสาเชื้อพระวงศ์ไว้เนื้อไว้ตัวเปี่ยมมารยาท
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับจวิ้นอ๋องน้อยที่หากมีกลิ่นไม่ถูกพระทัยหรือรูปร่างไม่ดีจะถูกปฏิเสธไม่เสวยในทันที และต่อให้พระองค์เสวยไปแล้วก็ต้องลุ้นต่อไปว่าพระองค์มีสีพระพักตร์บิดเบี้ยวเหยเกหรือคายทิ้งหรือไม่
“ซาลาเปาไส้เม็ดบัวสวรรค์นี้กระหม่อมนำเม็ดบัวจากบัวสายพันธุ์ที่ดีที่สุดซึ่งปลูกในแดนเหนือคัดจนได้เม็ดที่สมบูรณ์ที่สุด สะอาดเกลี้ยงเกลา เนื้อแน่น และอวบอ้วนเปี่ยมด้วยคุณค่าทางยาเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรล้ำค่าที่เหมาะแก่การบำรุงร่างกายหลายชนิด..”
พ่อครัวเหลาอาหารใหญ่ท่านหนึ่งได้กล่าวไว้
“เสด็จพ่อ เม็ดบัวนี้มีกลิ่นเหม็น..”
จวิ้นอ๋องน้อยย่นจมูกหนีหลบหลังบิดาท่าทางเหนียมอาย
ไม่เกี่ยงว่าวัตถุดิบที่ใช้จะเลิศเลอมาจากไหน คนที่ทำมีหน้ามีตามีเบื้องหลังอย่างไร ว่าที่อ๋องในอนาคตองค์นี้ล้วนปฏิบัติอย่างเท่าเทียมทั้งสิ้น
น่ากลัวว่าผู้สูงศักดิ์วัยเยาว์จะมีประสาทสัมผัสดีกว่าคนปรกติทั่วไป
เบื่ออาหาร หรือไม่ก็เลือกกินเป็นพิเศษ
จนกระทั่งถึงคราวของซาลาเปาไส้หมูสับไข่เค็ม
“ซาลาเปาของกระหม่อมทำมาจากแป้งนวด เนื้อหมูปรุงรส และไข่แดงขอร- พ่ะย่ะค่ะ” ตงป๋ายเอ่ยแนะนำซาลาเปาลูกกลมกลึงสีขาวนวลของตนเองอย่างเรียบง่าย แม้ไม่ชินกับคำราชาศัพท์แต่ก็สังเกตจากผู้อื่นและนำมาปรับใช้
ดูธรรมดาเสียจนไม่เป็นที่สนใจจนกระทั่งกลิ่นหอมของเนื้อหมูกำจายออกมาจากแป้งขาวเต่งตึงที่ถูกแหวกออกด้วยตะเกียบ
ไม่เพียงแต่มีกลิ่นเยี่ยมยอด แต่ไส้ที่เหมือนกับลูกแก้วสีแดงมงคลตัดกับเนื้อหมูสีน้ำตาลยังดูดีมาก!
“โอ้!” สือชวนห่อปากตาโต ยิ้มแย้มชิมรสอย่างยินดี ทั้งเนื้อสัมผัสของแป้งซาลาเปานุ่มละมุน ทั้งเนื้อหมู และไข่แดงลูกกลม ๆ รสชาติเค็มและมันเข้ากันได้ดี บางครั้งยังมีเนื้อของเห็ดหอมและหงหลัวโปตัดเลี่ยนทำให้เคี้ยวกินได้ไม่เบื่อ
เจ้าของงานชมเปราะ “รสชาติดี!!”
อย่างไรก็ตามการที่เจ้าเมืองกินอย่างเอร็ดอร่อยนั้นไม่เป็นที่แปลกใจ ในทางกลับกันผู้คนที่มาเพื่อชมเรื่องสนุกกลับให้ความสนใจผู้สูงศักดิ์ทั้งสองมากกว่า
“อืม” จวิ้นอ๋องโอวหยางเสวี่ยซานทรงเสวยอย่างละเมียดละไมจนหมด
“อื้ม” แม้แต่จวิ้นอ๋องน้อยโอวหยางจงเทียนก็ไม่มีสีพระพักตร์บิดเบี้ยวเหยเกทรงเสวยไปกว่าครึ่งลูกก่อนที่จะอิ่มจนเสวยต่อไม่ได้
ไม่เพียงแต่พ่อครัวจะเผยยิ้มที่หาได้ยากแล้ว ผลการตัดสินเกรงว่าจะได้ผู้ชนะอย่างเป็นทางการแล้ว