บทที่ 4 ข่าวลือ
วันผ่านเวลาผ่าน เผลอชั่วจิบชาเดียวสองนายบ่าวสกุลจงก็มาอาศัยใบบุญพักอยู่ที่บ้านสกุลตงได้ครบหนึ่งสัปดาห์ สถานการณ์โดยรวมถือว่าดีถึงดีมาก ตงโปและตงป๋ายปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับญาติสนิทมิตรสหาย นอกจากนี้แผลบนศีรษะอันเป็นสาเหตุการตายของจงอี้หยางก็ดีวันดีคืนจนกระทั่งหายสนิท
แผลเล็กนิดเดียวแต่ที่ร้ายแรงคือการกระทบกระเทือนภายใน
ก่อนหน้านี้วิญญาณชายหนุ่มในร่างเด็กยังมีความรู้สึกปวดหัวหรือมึนงงระหว่างวันอยู่บ้างแต่ก็ลดน้อยลงจนวันสองวันนี้ไม่มีอาการแทรกซ้อน
คลับคล้ายกับว่ายึดร่างนี้สำเร็จแล้วอย่างไรอย่างนั้น
พุทโธ.. ธัมโม.. สังโฆ..
เวรหนอกรรมหนอ
อย่างไรก็ดีแม้สถานะกายละเอียดยังไม่มั่นคงหรือหาคำอธิบายได้แต่พุทธคุณถือคติอยู่บ้านท่านไม่นิ่งดูดาย เนื่องจากปั้นวัวปั้นควายไม่มีประโยชน์อะไรเด็กชายจึงช่วยงานทุกอย่างเท่าที่ร่างกายของคุณชายบ้านคหบดีคนหนึ่งจะทำได้
ทว่าสิ่งที่ทำให้ตงโปปลื้มปิติที่สุดคือที่ตลาดเมืองเหวินโจวเด็กชายตัวเล็กหน้าตาดีดึงดูดลูกค้ามากเป็นพิเศษในวันที่เขาออกไปช่วยที่แผงหน้าร้านซาลาเปา
จงอี้หยางในสมัยที่ยังเป็นพุทธคุณก็คุ้นเคยกับการทำงานทำให้หยิบจับอะไรล้วนคล่องแคล่ว โชคดีที่เด็กชายเจ้าของกายหยาบไม่ใช่นายน้อยประเภทนั่งกินนอนกิน โดยปรกติแล้วเด็กคนนี้วิ่งตามบิดาออกทำการค้าเสมอ บุญเก่านี้เองที่ทำให้มีพละกำลังอยู่บ้าง
น่าเสียดายที่ร่างกายของเด็กคนหนึ่งต่อให้ดีอย่างไรก็ไม่ได้มีแรงกายมากมาย
หลังจากเก็บแผงซาลาเปาตกเย็นเด็กชายก็เหมือนกับโทรศัพท์มือถือที่แบตอ่อนจนไม่มีแรงทำอย่างอื่น
ตงโปหัวเราะร่วน หยอกล้อเจ้าของร่างเล็ก ๆ ที่กินข้าวได้ไม่กี่คำก็ทำท่าจะสัปหงกบนโต๊ะอาหาร “อาหยาง เจ้าหนูน้อยใช้แรงดึงดูดโชคจนหมดแล้ว เอ้า! กินให้มากหน่อย ไม่เช่นนั้นจะหิวกลางดึก!”
“ลุงตงท่านพูดผิดแล้ว” ซินซินส่ายศีรษะ สาวใช้ตระกูลคหบดียิ้มหวาน นั่งข้าง ๆ ปรนนิบัตรนายน้อยของนางเป็นอย่างดีขณะเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ
“นายน้อยของข้าไม่ได้ใช้แรงดึงโชคสักนิด เพราะใบหน้าของนายน้อยล้ำค่า เรียกว่าโหงวเฮ้งเรียกทรัพย์ต่างหาก!”
“โฮ่ ๆ เช่นนั้นยิ่งต้องกินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ เจ้าหนูจะได้ใช้หน้าตาเรียกทรัพย์ได้มาก ๆ”
“ลุงตงเป็นท่านที่ฉลาดปราดเปรื่อง”
“ฮ่า ๆ ๆ”
จงอี้หยางกับตงป๋ายมองสองลุงกับหลานคนละสายเลือดพูดคุยกันถูกคอเงียบ ๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านสายตาวูบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตาสนใจชามข้าวกับตะเกียบของตนเองต่อ
ไม่ว่าอะไร ถ้าไม่อันตรายเกินไปหากพวกเขามีความสุขก็ปล่อยให้ทำไปเถอะ
เคราะห์ไม่ดีที่ความสุขสงบอยู่ได้ไม่นานนัก..
โบราญว่าไว้ห้ามอะไรก็ห้ามได้แต่ห้ามปากคนนั้นห้ามยาก ด้วยความสัตย์จริงมันแทบไม่ต่างจากการห้ามน้ำไม่ให้ไหล ห้ามไฟไม่ให้มีควัน การที่เด็กชายกับหญิงสาวมาอยู่ในบ้านของบุรุษสองคนไม่นานก็ตกเป็นที่ติฉินนินทาสนุกปากทั้งในละแวกข้างเคียงและตลาดท่าเรือ
ส่วนใหญ่ล้วนเป็นไปในทิศทางฉาวโฉ่
ทว่าแม้จะไม่พอใจแต่ก็ยากที่จะหาข้อแก้ตัวให้หลุดพ้นจากขี้ปากของนักกินแตง[ กินแดง เป็นสำนวนจีน หมายถึง การนินทา]เน่า
คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือซินซินผู้เป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียว นางถูกเขาใจผิดอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของนาง บ้างว่านางเป็นแม่หม้ายหอบลูกมาพึ่งพิงตระกูลตง บ้างว่านางและเด็กชายเป็นเมียเก็บลูกเก็บของตงป๋าย บ้างก็ว่านางเป็นแม่เลี้ยงของคนหนุ่ม!
ยิ่งปล่อยไว้ไม่แก้ไขความเข้าใจความรุนแรงจากปากของคนยิ่งมากขึ้นทุกวัน
ย่ามใจจนถึงกับพ่นสิ่งปฏิกูลไม่น่าฟังออกมาจากปากแล้ว
“อ้าว เจ้าหนูแม่นางโลมของเจ้าไปไหนเสียเล่าทำไมปล่อยให้ลูกชายมาขายซาลาเปากับครอบครัวตงแค่คนเดียว คงไม่ใช่ว่ากำลังใช้หน้าตาจิ้งจอกนั่นทำสิ่งที่นางถนัดอยู่หรอกนะ กลางค่ำกลางคืนก็ปิดหูซะล่ะ อย่าใช้หน้าตาดี ๆ นี่เดินตามรอยแม่ไปอีกคน แค่นี้ก็น่ารังเกียจมากแล้ว”
หญิงวัยกลางคนหน้าตอบคางแหลมค่อนแคะเสียงสูงที่หน้าร้านซาลาเปาประหนึ่งพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ
อย่างที่เขาว่าสำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล
คำพูดไม่น่าฟังซึ่งหลุดออกมาเพราะต้องการประจานผู้อื่นไม่ต่างอะไรไปจากการประจานความน่าสะอิดสะเอียนของตัวเองเลยสักเสี้ยวเดียว
ตงโปฉุนขาดจนหน้าแดงก่ำ “เจ้าสิน่าขยะแขยง คิดดีไม่ได้ก็พยายามพูดให้ดีเสียบ้าง!”
“เถ้าแก่เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย! กล้าพูดเช่นนี้กับลูกค้าได้อย่างไร!!”
“ข้าไม่มีลูกค้าสันดานต่ำเช่นเจ้า ไปไหนก็ไป อย่าเอาเสนียดมาติดหน้าร้านข้า!”
“เจ้าสิเสนียด! ครอบครัวเจ้าเสนียด! บรรพบุรุษเจ้าเสนียด!!”
สถานการณ์แย่ลงอย่างรวดเร็วเมื่อต่างฝ่ายต่างมีน้ำมันกับไฟอยู่ในมือ จงอี้หยางเชิดหัวคิ้วขึ้น ผ่อนลมหายใจอ่อนขณะจับแขนของชายวัยกลางคนเอาไว้เบา ๆ อีกด้านมีตงป๋ายห้ามบิดาไม่ให้พุ่งออกไปบีบคอมนุษย์ป้าหนังหน้าหนาให้ตาย
เด็กชายก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านป้า ท่านพูดอย่างนี้ไม่ถูกต้อง”
“ดู! ดู! ครอบครัวเลวอย่างไรก็เลวอย่างนั้น! กล้าเถียงผู้ใหญ่ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!”
“ท่านป้า ท่านใจเย็นลงก่อน ข้าเพียงต้องการแก้ความเข้าใจผิด” อดีตไรเดอร์ผู้ผ่านการดีลกับลูกค้าปากร้ายค่อย ๆ พูดอย่างใจเย็น
“มารดาของข้าเพิ่งเสียไป ไม่แปลกที่ท่านจะไม่เห็นท่านแม่ของข้า เพราะหากท่านเห็นเกรงว่าท่านคงตาฝาดหรืออาจจะต้องฝากตัวเป็นศิษย์นักพรต”
“ไม่สิ บางทีท่านอาจต้องการบวชชี เผื่อจิตใจจะได้สงบลงบ้าง”
ประเด็นคือเขาดีลไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่
อนิจจัง
ถูกเลี้ยงมาในวัดก็ยังมีอารมณ์ มีเลือด มีเนื้อ
“ข้าขอบคุณที่ท่านชื่นชมข้ากับพี่สาวว่าหน้าตาดี แต่ท่านป้าดวงตาของพี่สาวข้ากลมโตไม่อาจเรียกว่าจิ้งจอกได้ ส่วนดวงตาของข้าแม้จะเรียวรีสักหน่อยแต่เรียกว่าดวงตาหงส์ขอรับ แต่ว่าท่านป้ากล่าวถูกอย่างหนึ่งขอรับ ที่ข้ามาขายซาลาเปากับครอบครัวผู้มีพระคุณเพียงลำพังเพราะพี่สาวข้ากำลังทำสิ่งที่นางถนัดอยู่”
“เห-”
“ท่านป้าได้โปรดฟังข้าพูดให้จบก่อน”
จงอี้หยางยิ้มบาง “พี่สาวของข้าเก่งกาจงานบ้านงานเรือน ปัดกวาดเช็ดถู ทำอาหาร ปักผ้า จัดดอกไม้ ทั้งยังรู้อักษร นางต้องดูแลบ้านตอบแทนผู้ให้ข้าวให้น้ำจึงไม่มีเวลาออกมาเดินเล่นที่ตลาดท่าเรือเช่นท่านหรอกขอรับ ท่านป้าช่างน่าอิจฉายิ่งนัก”
“...” ยิ่งพูดยิ่งแย่แต่กลับทำให้สตรีวัยกลางคนพูดไม่ออกสักคำ
นางรู้สึกเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้อง!
หน้าของนางชาแต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร!!
“แล้วก็ท่านป้า คำว่านางโลมหมายความว่าอย่างไร ข้าความรู้น้อยไม่เข้าใจ ไม่ทราบว่านี่ใช่คำชั้นสูงที่เหล่าบัณฑิตใช้กันหรือไม่”
“...” ไม่ มันเป็นคำหยาบคาย!
ตงป๋ายปิดใบหูอี้หยางด้วยมือใหญ่และอบอุ่นทั้งสองข้าง “ไม่ใช่คำพูดที่ดี อย่าจดจำ”
“ข้าเชื่อท่านขอรับ” เด็กชายพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หลังจากเชิญคนบ้าออกไปพร้อมกับความงุนงงในชีวิต ในค่ำคืนที่กำลังจะมาถึง ห่างออกไปในบ้านหลังหนึ่งหญิงวัยกลางคนผุดลุกขึ้นกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเมื่อนางย่อยข้อความทั้งหมดแล้วตระหนักรู้ว่าตนเองถูกเด็กซึ่งนางสบประมาทว่าปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมด่าทอ
ในขณะที่ด้านของบ้านสกุลตงพวกเขาตัดสินใจที่จะให้ตงป๋ายกับซินซินแต่งงานกันแต่ในนามเพื่อสยบข่าวลือ
นอกจากนี้ยังรับจงอี้หยางเป็นลูกให้ชื่อว่าตงหยาง
แม้คุณชายตระกูลจงจะไม่เห็นด้วย แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องยอมจำนนต่อเจตจำนงของสาวใช้ข้างกายมารดาที่ต้องการจะปกป้องเขาอย่างถึงที่สุด
โดยเฉพาะวิธีนี้จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถใช้เพื่อปกปิดตัวตนของพวกเขาจากนักฆ่าที่จ้องจะเล่นงาน
ไม่กี่วันต่อมาข่าวว่าลูกขายเถ้าแก่ร้านซาลาเปาตระกูลตงแต่งงานใหม่ก็แพร่สะพัด พวกเขาจัดพิธียกน้ำชาเล็ก ๆ เพื่อหลอกตาผู้อื่น ถือโอกาสปิดร้านหนึ่งวันเพื่อทำพิธีมงคลสมรส มีเวลาเหลือตอนบ่ายก็หิ้วตะกร้าขึ้นเขาไปสักการะเทพธิดาที่ศาลเจ้า
“นี่มัน..”
จงอี้หยางหรือตงหยางมองที่รูปปั้นเหลือจะเชื่อ
เค้นคำพูดไม่ได้อยู่พักใหญ่
เขาจะไม่ตกใจเลยหากใบหน้าบนรูปปั้นประณีตของเจ้าแม่ฮุ่ยซินไม่คล้ายคลึงกับหญิงชราที่เขาช่วยข้ามถนนกว่าแปดในสิบส่วน!