ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น อันนาก็พยายามหลบหน้ามอร์แกนตลอด เธอพยายามหลีกเลี่ยงการไปทำงานใกล้กับเขา อย่างที่มิรันตาบอก ก้อนกรวดต่อให้มันอยู่ในร้านเพชรมันก็คือก้อนกรวดอยู่วันยังค่ำ และเธอเองก็ไม่อยากถลำลึกลงไปมากกว่านี้อีกแล้ว ขนาดมิรันตาทั้งสวยทั้งรวยมอร์แกนยังไม่สนใจ แล้วประสาอะไรกับลูกหนี้อย่างเธอ ถ้าเกิดวันหนึ่งเขาเบื่อขึ้นมา เขาก็คงเขี่ยเธอทิ้งเหมือนก้อนกรวดไร้ค่านั่นแหละ
กริ๊ง ๆ ๆ อันนาสลัดความคิดทิ้ง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เธอก็รู้สึกเหมือนเรื่องแย่ๆกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
“ค่ะ”
“พรุ่งนี้เย็น ออกมาเจอกันหน่อยสิ” เสียงทุ้มของไททันดังจากปลายสาย ถ้าเธอทำงานให้ไททันจบเร็วเท่าไหร่ แสดงว่าเธอและครอบครัวจะได้เป็นอิสระจากเขาเร็วเท่านั้น
“ที่ไหนคะ”
“TT Grand” เธอไม่รู้จักสถานที่ที่ว่านั่นเลย
“เอ่อ ที่นั่นคือที่ไหนหรอคะ”
“โบกแท็กซี่มาเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ หรือจะให้ฉันไปรับ”
“ไม่ค่ะ” เธอปฏิเสธทันควัน
“ฉันไปเองดีกว่าค่ะ”
“ห้าโมงเย็น ห้ามมาสายล่ะ” เขาตัดสายทิ้ง มีอะไรให้เธอทำกัน แต่เรื่องนั้นไม่ทำให้เธอคิดหนักเท่ากับว่าจะไปบอกมอร์แกนยังไงต่างหาก เธอยิ่งไม่อยากเจอหน้าเขาอยู่ด้วย แผลที่มือก็ยังเป็นรอยไม่หาย เธออาศัยใส่ถุงมืออยู่ตลอดเวลา จนวันรักหาว่าเธอบ้าไปแล้ว
“อันนา” ป้ารตีเรียกเมื่อเห็นเธอยืนทำหน้ามุ่ย
“ค่ะ”
“เอาพายเบอร์รี่ไปให้คุณมอร์แกนหน่อยสิ เมื่อวานเกิดเรื่อง เลยไม่ได้เอาขึ้นไปให้เลย” หญิงสาวพยายามหาข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการไปเจอหน้าชายหนุ่ม
“หนูต้องไปรดน้ำต้นไม้ข้างนอกค่ะ ป้ารตีเอาขึ้นไปให้เองดีกว่านะคะ”
“ป้าทำน้ำใบเตยต้มอยู่ อันนานั่นแหละเอาขึ้นไปให้หน่อย”
“คือ...ว่า”
“มีอะไรรึป่าว” หญิงสาวส่ายหัว
“ไม่มีค่ะ” เธอรับถาดขนมมาไว้ในมืออย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอแอบถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสาม เธอยืนทำใจสักพักก่อนจะเคาะประตูห้อง
ก๊อก ๆ ๆ เพียงชั่วครู่ร่างที่คุ้นตาก็มาเปิดประตู
“ป้ารตีให้เอาขนมมาให้ค่ะ” เธอยื่นถาดไปให้ชายหนุ่ม แต่เขากลับยืนกอดอกเอาไว้
“เอาไปวางไว้ข้างในสิ” มอร์แกนว่าพลางเปิดประตูให้กว้างขึ้น
“ฉัน..ค่ะ” ถึงจะหาข้ออ้างอะไรไปเขาก็คงบังคับเธออยู่ดี เพราะงั้นทำตามที่เขาบอกจะดีกว่า ร่างสูงปิดประตูก่อนจะล็อกกลอนเอาไว้ อันนารีบวางถาดขนมไว้บนโต๊ะ เธอเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย มอร์แกนเดินมาอยู่ข้างหลังเธอ ร่างเล็กเบี่ยงตัวหนีเพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้
“เจ็บตรงไหนรึป่าว” เธอส่ายหัวขณะก้มหน้ามองไปยังพื้น เธอไม่อยากจะหันไปสบตาเขาเท่าไหร่นัก
“.....”
“แล้วไปทำท่าไหนถึงได้ตกลงไปแบบนั้น”
“.....” หญิงสาวยังคงก้มหน้าอยู่อย่างงั้น
“ฉันถามไม่ได้ยินรึไง”
“ฉันขอตัวนะคะ” เธอพูดตัดบทแล้วทำท่าจะเดินออกไปแต่ชายหนุ่มเขาคว้าตัวเธอเอาไว้ก่อนจะดันร่างบางให้ชิดผนัง ร่างสูงกักตัวเอาไว้แม้ร่างเล็กตรงหน้าจะพยายามดิ้นก็ตาม
“อย่านะคะ” มือเล็กดันร่างสูงเอาไว้เมื่อชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“หลบหน้าฉันทำไม” มือหนาจับใบหน้าเรียวของหญิงสาวให้หันมามองเขาตรง ๆ
“ฉัน..ฉัน”
“เกิดอะไรขึ้นอันนา”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นค่ะ”
“รู้ตัวรึป่าวว่าเธอโกหกไม่เก่ง” เธอมองแววตาของชายหนุ่มตรงหน้า แววตาที่ดูห่วงใยของเขากำลังส่งมายังเธอ ไม่ได้นะอันนา เธอจะเผลอไปใจไปไม่ได้ หญิงสาวหลบสายตาเขาอีกครั้ง จนชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด
“ถ้าเธอไม่ตอบก็ไม่ต้องออกไป”
“ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ” แม้มอร์แกนจะไม่เชื่อที่เธอพูด แต่เธอคงพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
“ปล่อยฉันเถอะนะคะ” ร่างสูงค่อยๆปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“พรุ่งนี้ตอนเย็น ฉันขอออกไปทำธุระข้างนอกนะคะ” หญิงสาวพูดจบก่อนจะเดินออกไป มอร์แกนมองตามร่างเล็กไปจนสุดสายตา
“ทำไมถึงไม่ยอมบอกฉันล่ะอันนา” ชายหนุ่มหยิบมือถือออกมา ภาพหน้าจอกำลังโชว์เทปจากกล้องวงจรปิดบริเวณริมสระน้ำ เขารู้ว่ามิรันตาเองก็ร้ายใช่เล่น เธอถูกตามใจตั้งแต่เด็ก และยิ่งเขารู้จักมิรันตานานเท่าไหร่ เขาก็ไม่สามารถที่จะรักมิรันตาได้เลย แล้วยิ่งเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเขายิ่งแน่ใจว่ามิรันตาจะไม่ยอมปล่อยอันนาไปง่ายๆแน่
เสียงฟ้าร้องดังคำรามไปทั่วทุกสารทิศ หญิงสาวรีบเก็บผ้าที่ตากอยู่นอกชายบ้านอย่างรีบร้อน เพียงชั่วครู่ฝนก็เทลงมาอย่างบ้าคลั่ง หญิงสาวนั่งมองฝนที่ตกผ่านทางหน้าต่าง เธอหยิบสร้อยคอรูปกุญแจออกมาดูก่อนจะใส่มันไว้ที่คอ ให้เหมือนกับว่าพ่อเธออยู่ข้างเธอตลอดเวลา ก่อนหน้านี้เธอเคยทำมันหายแต่ยังโชคดีที่เก็บมันคืนได้ เธอเลยไม่อยากใส่มันเท่าไหร่นักเพราะกลัวว่ามันจะหายไปอีก
ก๊อก ๆ ๆ
“อันนา” เสียงวันรักดังขึ้นที่หน้าห้อง เธอลุกไปเปิดประตู วันรักแทรกตัวเข้ามาในห้องเหมือนอย่างเคย ในมือเธอถือขนมพายเบอร์รี่เอาไว้
“ป้ารตีให้เอาขนมมาให้” หญิงสาวรับมันเอาไว้
“มือเธอ” วันรักดึงมือของอันนาไปดู เธอลืมสนิทเลยว่าเธอถอดถุงมือทิ้งไปแล้ว
“ไปโดนอะไรมาอันนา ที่เธอใส่ถุงมอเอาไว้เพราะแบบนี้ใช่ไหม” หญิงสาวชักมือกลับก่อนจะรีบปฏิเสธ
“ป่าวๆ แค่เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยเอง”
“เรื่องเมื่อวานใช่ไหม” ร่างเล็กเงียบไป ถึงเธอจะพูดเรื่องจริงออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อเธอหรอก
“ฉันซุ่มซ่ามเอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานหรอก”
“ฉันถามจริงๆนะ เธอก็รู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เก่ง แล้วลงไปทำไม”
“ฉันแค่คิดว่าฉันจะเอาต่างหูขึ้นมาได้ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแบบนั้น” วันรักยีหัวเธอเบาอย่างหมั่นไส้
“ทีหลังอย่าทำแบบนั้นอีกนะ ฉันละห่วงแทบแย่” เธอพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้เพื่อนสาว เธอทั้งขอบคุณและขอโทษวันรักอยู่ในใจ อย่างน้อยก็ยังมีวันรักที่จริงใจกับเธอเสมอ
“พักผ่อนเถอะ ฝนตกแบบนี้หลับสบายแน่ๆ ฉันไปละ”
“ขอบใจนะ” เธอเอ่ยบอกก่อนวันรักจะเดินออกไป กลิ่นพายเบอร์รี่คลุ้งไปทั่วห้อง เบอร์รี่ลูกโตบนจานทำให้ขนมนี่น่ากินมากขึ้นไปอีก
“เอามานี่นะ”
“ถ้าอยากได้ต้องขอดีๆสิ”
“อันนา แย่งขนมพี่เขาทำไมล่ะ ของตัวเองก็มี”
“ก็อันนาอยากกินพายเบอร์รี่ของพี่เขามากกว่า”
“งั้นพี่แบ่งให้”
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอบใจนะมันตรา”
“มันตรา” เธอเอ่ยชื่อเด็กชายในความทรงจำขึ้นมา ทุกครั้งที่เห็นขนมนี่มันทำให้เธอคิดถึงทุกครั้ง ป่านนี้เขาคงจะโตเป็นหนุ่ม แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ไหนกันนะ
งานบ้านถูกจัดแจงจนเสร็จเรียบร้อย มอร์แกนออกไปกับมิรันตาตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ทำให้เธอคลายความกังวลไปได้ อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องเจอมิรันตา หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาพบว่านี่เป็นเวลาสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว เธอขออนุญาตป้ารตีก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา หญิงสาวโบกแท็กซี่ก่อนจะบอกจุดหมายคือ TT Grand แท็กซี่แล่นออกมาราวครึ่งชั่วโมงก็มาจอดอยู่หน้าโรงแรมใจกลางเมือง โรงแรมขนาดใหญ่ที่มีแขกพักอยู่มากมาย ตัวอักษรหน้าตึกขนาดใหญ่ TT Grand ทำให้รู้ว่าเธอมาไม่ผิดที่ เธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ อย่างน้อยเขาก็ควรจะบอกว่าที่นี่คือโรงแรมระดับห้าดาว เธอจะได้แต่งตัวให้ดีกว่านี้สักหน่อย เธอหยิบโทรศัพท์โทรหาไททัน แต่ชายหนุ่มไม่รับสาย ครั้นจะให้เดินเข้าไปรอข้างในเธอก็ไม่กล้าพอ
“คุณอันนารึป่าวครับ” พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินมาถามเธอด้วยท่าทางสุภาพ หญิงสาวพยักหน้ารับ
“เชิญทางนี้ครับ” ชายคนดังกล่าวพาเธอขึ้นมายังชั้น 30 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด เขาพาเธอเดินไปยังห้องริมสุด เมื่อประตูเปิดออกก็พบว่าเป็นห้องกระจก มีเก้าอี้พร้อมเครื่องสำอางครบชุด กลางห้องมีหุ่นที่สวมชุดเดรสสีขาวความยาวถึงตาตุ่ม ผ่าข้างขึ้นมาจนถึงต้นขา ด้านบนเป็นแขนยาวปิดส่วนหน้าทั้งหมดแต่ผ่ากลางหลังเอาไว้จนเกือบถึงเอว
“สวยจัง” เธอมัวแต่ชื่นชมชุดนั่น จนไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนเดินเข้ามาในห้อง
“ชอบรึป่าว” อันนาหันกลับไปยังต้นเสียงก็พบว่าไททันยืนกอดอกมองเธออยู่หน้าประตู
“ค่ะ” ไททันเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วหยิบบัตรเชิญยื่นให้เธอ เธอรับมันมาก่อนจะเปิดออก หญิงสาวอ่านรายละเอียดชั่วครู่ก่อนจะหันไปยังร่างสูง
“งานคลาวไนท์” เธอเอ่ยยด้วยความสงสัย เธอเคยไปงานนี้กับพ่อเธอเมื่อตอนยังเด็ก แต่จำรายละเอียดไม่ได้มากนัก
“หมายความว่ายังไงคะ”
“งานคลาวไนท์ เป็นงานใหญ่ของนักธุรกิจ เพราะเป็นที่เอาไว้แรกเปลี่ยนความคิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในรูปแบบของงานเลี้ยง แต่คนส่วนใหญ่มักจะไปอวดความรวยของตัวเองซะมากกว่า” ไททันพูดพร้อมแสดงสีหน้าเซ็งๆออกมา
“ฉันอยากให้เธอเป็นคู่ควงฉันในงานนี้หน่อย แค่เดินอยู่ข้างๆฉันจนจบงาน แค่นั้นเอง” เธอมองไปยังชุดกลางห้องอีกครั้ง
“นี่ชุดที่ฉันต้องใส่หรอคะ”
“ใช่”
“งานนี้เป็นงานใหญ่ ฉันกลัวว่าฉันจะทำให้คุณอายมากกว่า หาคนอื่นเถอะนะคะ”
“ไม่ได้ ฉันขี้เกียจไปหาคนอื่น แค่เดินอยู่ข้างฉันมันคงไม่ยากเกินไปหรอก” หญิงสาวอยากปฏิเสธงานนี้ เพราะไททันเป็นถึงเจ้าของโรงแรม แต่จะมาควงผู้หญิงที่มีหนี้ แถมยังเป็นเพียงแม่บ้านอีก
ก๊อก ๆ ๆ
“ช่างแต่งหน้าทำผมมาแล้วครับ” พนักงานคนเดิมเอ่ยขึ้นเมื่อเปิดประตู หญิงสาวสามคนเดินเข้ามาในห้องก่อนจะโค้งให้ไททันเล็กน้อย
“ผมมีเวลาให้สามชั่วโมง ช่วยจัดการให้ด้วยครับ” เขาพูดจบแล้วเดินออกไปทันที ปล่อยให้เธอยืนวิตกกังวลอยู่อย่างนั้น ถ้าเธอทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาต้องแย่แน่ๆ หญิงสาวนั่งนิ่งหน้ากระจกราวกับหุ่นยนต์ที่ปล่อยให้สามสาวรุมแปลงโฉม อย่างน้อยจบงานนี้เธอก็จะได้เป็นอิสระจากเขา
ร่างของไททันกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องส่วนตัว หน้าท้องที่เป็นลอนสวยบ่งบอกว่าเขาเองออกกำลังกายมาอย่างหนัก ผิวสีน้ำผึ้งทำให้เขาดูหล่อราวกับพระเอกหนังดัง เขาเช็ดตัวลวกๆก่อนจะสวม ชุดทักสิโด้สีดำสนิท ผมเผ้าพร้อมใบหน้าถูกจัดโดยช่างผมคนสนิท เมื่อถึงเวลาเขาเดินไปยังห้องแต่งตัวของหญิงสาว ร่างบางเดินออกมาหาเขาที่หน้าห้อง ชุดที่สวมอยู่บนหุ่นตอนนี้มันมาอยู่บนร่างของเธอแล้ว ดวงตาของชายหนุ่มไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้ ชุดสีขาวดูกลืนไปกับผิวขาวนั่นอย่างไร้ที่ติ ผมของเธอถูกปล่อยยาวไปถึงกลางหลัง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยโทนสีชมพูอ่อนๆ เข้ากับใบหน้าเธอยิ่งนัก ร่างบางระหงส์ยืนนิ่งๆมองมายังเขา เขาแสร้งมองไปทางอื่นก่อนจะหันมาหาเธอ
“เรียบร้อยดีนะ”
“คุณจะให้ฉันไปงานนี้กับคุณจริงๆหรอคะ” ไททันไม่พูดอะไร เขาเดินมาที่ร่างเล็กก่อนจะสวมสร้อยจี้รูปยักษ์เล็กๆให้แก่เธอ
“ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ” เขาจับมือร่างบางก่อนจะพาเดินไปยังหน้าโรงแรม เธอพยายามจะเอามือออกแต่ไม่เป็นผล เขาจับมือเธอเอาไว้แน่น ทั้งพนักงานและแขกเหรื่อต่างมองมายังเขาและเธอเป็นตาเดียว เธอรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูกจึงก้มหน้าเดินไป
“อย่าก้มหน้าสิ เดี๋ยวก็สะดุดล้มหรอก” เหมือนเขาจะรู้ เธอเลยเงยหน้าขึ้นมานิดหน่อย รถลีมูซีนคันสีดำจอดรออยู่ทางด้านหน้าแล้ว ชายหนุ่มเปิดประตูให้เธอเอง หญิงสาวก้าวขึ้นรถตามด้วยร่างของไททัน รถลีมูซีนมุ่งหน้าไปยังงานคลาวไนท์ทันที ร่างเล็กรู้สึกประหม่าอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ต้องกลัว จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้” ไททันเอ่ยขณะมองไปยังนอกตัวรถ ในงานคงไม่มีใครรู้จักเธอ ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร เธอปลอบใจตัวเองตลอดการเดินทาง หวังว่าคงจบงานนี้ได้ด้วยดีนะ...
ร่างนวลในชุดสีแดงเพลิงกำลังก้าวขึ้นรถสปอร์ตคันสีดำของมอร์แกน เขาตัดสินใจขับรถไปด้วยตัวเองเพราะอยากจะกลับไปพักที่คอนโดในคืนนี้ ชายหนุ่มอยู่ในชุดทักสิโด้สีดำสนิท เขามองไปยังมิรันตาที่กำลังส่งยิ้มมายังเขา มิรันตาเกล้าผมขึ้นลวกๆให้พอดูยุ่งๆนิดๆเพื่อเพิ่มความเซ็กซี่เล็กน้อย ทั้งใบหน้าและทรงผมถูกจัดทำโดยช่างมืออาชีพชื่อดัง
“งานเมื่อปีที่แล้ว รันยังจำความรู้สึกได้อยู่เลยค่ะ เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อไม่นานนี้เอง ปีนี้คนคงเยอะเหมือนปีก่อนๆ”
“มีนักธุรกิจหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย การที่ได้มาหาประสบการณ์จากผู้ใหญ่คนอื่นๆ เป็นเรื่องที่ใครๆก็อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง” มอร์แกนว่าพลางขับรถ
“รันดีใจนะคะที่ได้มากับคุณอีก รันอยากมากับคุณทุกๆปีเลย” ชายหนุ่มไม่ตอบโต้อะไร เขาเพียงแต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปเท่านั้น
พื้นที่ขนาดใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง K Group กินเนื้อที่เกือบห้าสิบไร่ บริษัทส่งออกน้ำมันและสินค้าอีกเกือบร้อยชนิด ไม่แปลกเลยที่เขาจะประสบความสำเร็จได้มากขนาดนี้ ทั้งสองเดินไปยังหอประชุมขนาดใหญ่ของบริษัท ภายในงานตกแต่งด้วยดอกไม้นานาพรรณ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆทั่วงาน เวทีขนาดใหญ่มีป้ายตัวโตเขียนเอาไว้ว่า คลาวไนท์ ครั้งที่ 40 เขายังคงจำตอนเป็นเด็กได้แม่น เด็กชายคนหนึ่งวิ่งเล่นในงานอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ เด็กคนนั้นไม่ได้สนใจผู้คนรอบกายเสียเท่าไหร่ สนแต่ของกินและเพื่อนๆที่เล่นด้วยเท่านั้น
พลั่ก ร่างเล็กของเด็กชายล้มลง
“เจ็บรึป่าว ค่อยๆลุกนะ” ชายวัยกลางคนพยุงเด็กชายให้ลุกขึ้น
“ขอโทษครับ”
“ในนี้มีผู้ใหญ่อยู่เต็มไปหมดเลยนะ ถ้าจะวิ่งเล่นต้องระวังนะครับ” เขาเอ่ยอย่างเอ็นดู
“ครับ คุณลุง”
“เมื่อกี้เจ็บรึป่าว” เด็กชายส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ
“ยื่นมือมานี่สิ” เด็กชายทำตามอย่างว่าง่าย สร้อยรูปแม่กุญแจถูกวางลงบนมือเขาอย่างแผ่วเบา
“ให้ผมหรอครับ”
“เก็บเอาไว้ให้ดีล่ะ เผื่อโตขึ้นเราจะได้ไม่ลืมกันไง” เขาลูบหัวเด็กชายอย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินจากไป เด็กชายเก็บมันเอาไว้ในกระเป๋าก่อนจะหันไปวิ่งเล่นกับเพื่อนต่อ
ชายหนุ่มมองไปรอบๆงาน ทุกคนต่างจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส มีคนเข้ามาคุยกับเขาไม่น้อยเช่นเดียวกัน เป็นเพราะเขาอายุยังน้อยแต่กลับมีธุรกิจเป็นของตัวเองมากกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก ไม่แปลกที่เขาจะถูกจับตามองจากหลายๆคน มือหนาจับแก้วไวท์จิบเป็นระยะๆ สายตาของเขาพลันมองไปยังหน้าประตูทางเข้า ร่างสูงของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในงาน เขาจำชายคนนั้นได้ดี คนที่ทรยศหักหลังเขาราวกับคนแปลกหน้า แม้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาลืมได้เลย แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้เขาได้มากยิ่งกว่าคือหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆชายคนนั้นต่างหาก
“อันนา”