ตอนที่ 9
ตอนที่ 9
กลิ่นหอมของดอกไม้พร้อมเสียงไวโอลินที่ดังก้องอยู่ในห้องทำเอาร่างเล็กใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอรู้สึกตื่นเต้นปนหวาดกลัว เธอควงแขนไททันเอาไว้ราวคู่รักคู่ใหม่ เธอมองไปรอบๆงาน ราวกับเด็กเจอของเล่นใหม่ เมื่อตอนยังเด็กเธอไม่เคยสนใจบรรยากาศพวกนี้เลย เอาแต่วิ่งเล่นไปมาราวกับที่นี่เป็นสนามเด็กเล่น ที่นี่เปลี่ยนไปจากเดิมราวกับคนละที่
“ไม่เจอกันนานเลยนะไททัน” ชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันเดินเข้ามาทักทายไททัน
“พอดีเพิ่งกลับจากอังกฤษได้ไม่นาน ไม่นึกว่าจะได้เจอที่นี่” ไททันและชายหนุ่มคนดังกล่าวจับมือทักทายกัน หญิงสาวเริ่มรู้สึกเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที เธอก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวเองไปด้านหลังของไททัน แต่ชายหนุ่มเกร็งแขนแล้วดึงเธอกลับมายังที่เดิม
“นั่นมาคัสเป็นเจ้าของโรงงานกระเป๋าหนัง ส่วนนี่อันนา” ชายหนุ่มแนะนำเขาให้รู้จักพร้อมแนะนำเธอให้เขารู้จักเช่นกัน อันนาส่งยิ้มให้เล็กๆ
“คุณดูดีมากครับ” มาคัสเอ่ยชม
“ขอบคุณค่ะ” เธอรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ผู้คนมากมายต่างเข้ามาคุยกับไททันไม่ขาดสาย และเขาเองก็แนะนำเธอให้คนอื่นๆรู้จักราวกับว่าเธอเป็นคนสำคัญของเขา
“ไม่ต้องเกร็งหรอกน่า จบงานนี้ก็ไม่มีคนจำเธอได้หรอก” เขาเอ่ยขณะจิบไวท์ไปด้วย
“คุณไม่ต้องแนะนำฉันให้คนอื่นรู้จักหรอกค่ะ ฉันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น” เธอบอกพลางทำหน้ามุ่ย
“ไม่รู้ตัวเลยรึไงว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่” เธอมองหน้าไททันอย่างไม่เข้าใจ ก่อนดวงตากลมโตจะมองไปรอบงาน สายตาของชายหญิงในงานมองมายังเธอก่อนจะจับกลุ่มคุยกัน
“เขามองฉันทำไมคะ”
“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะมากับคนหล่อๆอย่างฉันไง” เธออึ้งกับคำตอบของเขาเล็กน้อย คนอะไรหลงตัวเองชะมัด เสียงปรบมือดังขึ้นรอบๆห้องก่อนปรากฏร่างพิธีกรชายหนุ่มบนเวที
“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่งานคลาวไนท์ ครั้งที่ 40 อย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ ” พิธีกรกล่าวทักทายแขกอย่างมืออาชีพ ร่างบางรับไวท์องุ่นมาจิบพลางๆ เธอแทบไม่เคยแตะต้องของพวกนี้เลยตั้งแต่เงินที่มีเริ่มหมด เธอจิบมันทีละนิด เพราะเธอเองเป็นพวกคออ่อนมากๆ
“มือเธอไปโดนอะไรมา” หญิงสาวมองรอยถลอกบนมือ ตอนนี้มันเริ่มจางลงไปมากแล้ว
“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ” เธอจิบไวท์ในมือต่อไปเพื่อไม่ให้ไททันซักไซ้ให้มากความ
“วันสำคัญแบบนี้ คุณฮ็อบส์ตั้งใจจัดงานคลาวไนท์ขึ้นอย่างดีที่สุดในทุกๆปี และปีนี้ก็เช่นเดียวกันครับ” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่อกล่าวถึงฮ็อบส์ เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตสินค้ากว่าร้อยชนิด และเป็นผู้จัดงานคลาวไนท์มานานกว่า 40ปี
“ฮ็อบส์” หญิงสาวเอ่ยพึมพำ เธอเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ไม่สิ เขาคือเพื่อนของพ่อเธอต่างหาก เมื่อยังเด็กเธอเคยเจอฮ็อบส์สองสามครั้ง ร่างชายอายุราวห้าสิบปลายๆเดินขึ้นบนเวทีพร้อมเสียงปรบมือ เขาดูไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ใบหน้าละมุนราวคุณลุงผู้แสนดีของเขาทำให้เธอรู้สึกคิดถึงพ่อขึ้นมาทันที
“ฮ็อบส์เป็นคนอาวุโสในวงการธุรกิจ เขาเก่งและฉลาดมาก” ไททันพูดแนะนำเมื่อเห็นอันนาจ้องไปยังเวทีตาไม่กระพริบ
“คุณรู้จักคนเยอะเหมือนกันนะคะ”
“จะว่างั้นก็ได้ แต่เธอรู้ไหม” เขาเงียบไปราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
“มีอะไรรึป่าวคะ”
“ยิ่งเรารู้จักคนเยอะเท่าไหร่ ความวุ่นวายมันจะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น คนพวกนั้นก็แค่ต้องการหาตัวช่วยเอาไว้ เวลาที่พวกเขาเดือดร้อนเท่านั้นแหละ” ชายหนุ่มกระดกไวท์จนหมดแก้ว ทำไมเขาถึงดูเศร้าได้มากขนาดนี้
“....” หญิงสาวไม่พูดอะไร เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไททันเป็นคนแบบไหน ถ้าจะให้ปลอบเขาก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
“ขอบคุณทุกคนมากที่มางานคลาวไนท์ ผมหวังเพียงว่าจะได้เห็นนักธุรกิจจากทุกซอกทุกมุมของประเทศมารวมตัวกัน เพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับประเทศของเรา ทุกๆปีจะมีนักธุรกิจหน้าใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็หายไปเพราะพิษเศรษฐกิจ ผมยินดีกับพวกคุณทุกคนที่ยังยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้” ฮ็อบส์เอ่ยราวกับกำลังพูดคุยกับเพื่อน คำพูดและท่าทางที่แสดงออกมานั้น สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่เคยเห็น
“ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เราสนิทกันมาก” เสียงจอแจของผู้คนเงียบสนิทราวกับต้องมนต์สะกดเมื่อฮ็อบส์เอ่ยขึ้น
“เขาเป็นเจ้าของธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แต่น่าเสียดายที่เขาจากผมไป เขาจากไปเร็วกว่าที่ผมคิดเอาไว้มาก เขาทั้งเก่ง และเข้มแข็ง ผมเองก็หวังว่าจะได้เห็นนักธุรกิจทุกคนเก่งเหมือนเขา ผมอยากให้ทุกคนดื่มเพื่อเขา” ทุกคนภายในงานต่างยกแก้วในมือของตัวเองขึ้น
“แด่สันติสุขของทุกคน” เสียงโห่ร้องดังขึ้น ก่อนทุกคนจะกระดกแก้วไวท์ในมือจนหมดแก้ว
“ขอบคุณทุกคนมากครับ เชิญดื่มด่ำคืนนี้กันให้เต็มที่” เขาโค้งเล็กน้อยก่อนจะเดินลงจากเวที ผู้คนต่างรุมล้อมเขาราวกับผึ้งตอมดอกไม้ หญิงสาวมองไปยังร่างของเขาที่กำลังทักทายผู้คนในงาน
“อันนานี่ลุงฮ็อบส์ เพื่อนสนิทพ่อเอง” เด็กหญิงไหว้อย่างน่าเอ็นดู ฮ็อบส์ลูบหัวเธอเบาๆ
“น่ารักจังเลยหนูอันนา โตขึ้นคงสวยได้แม่ และเก่งได้คุณพ่อแน่ๆ”
“อันนาอยากเก่งแบบคุณพ่อค่ะ” เสียงหัวเราะดังขึ้น รอยยิ้มอบอุ่นใจดีนั้นเธอจำไม่เคยลืม
“อันนา อันนา” เสียงของไททันปลุกเธอให้ตื่นจากอดีต
“ค่ะ"
"เป็นไรรึป่าว” เธอส่ายหัวไปมา หญิงสาวรู้สึกวิตกเมื่อเห็นว่าฮ็อบส์กำลังเดินมาทางเธอและไททัน หญิงสาวก้มหน้านิดๆ เธอรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
“สบายดีนะไททัน”
“ครับ” ไททันและฮ็อบส์ทักทายกันอย่างสนิทสนม
“คนข้างๆนั่นใครกัน จะไม่แนะนำกันหน่อยหรือไง” ไททันยิ้มเล็กๆก่อนหันมายังร่างบาง เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงข้าม สายตาของเขาดูนิ่งงันไปเมื่อเจอหน้าเธอ
“เธอชื่ออะ...”
“แองจี้ค่ะ หนูชื่อแองจี้” ไททันมองร่างเล็ก เขาทำหน้างงเล็กน้อย
“แองจี้ ชื่อน่ารักเชียว ตามสบายนะทั้งคู่เลย” ฮ็อบส์ตบบ่าไททันเบาๆก่อนเดินไปทางอื่น
“แองจี้หรอ ทำไมล่ะ”
“ฉัน....ฉันไม่อยากให้ใครรู้จักฉันมากกว่านี้แล้ว คุณบอกเองไม่ใช่หรอคะว่ายิ่งรู้จักคนเยอะ ความวุ่นวายยิ่งมีเยอะ” ไททันดูไม่เชื่อเธอสักเท่าไหร่ แต่ยังดีที่เขาไม่ถามอะไรมากมาย
“ฉันขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ” ร่างบางแยกตัวออกมา เธอมองนาฬิกานี่ก็เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว กลับดึกๆแบบนี้มีหวังมอร์แกนดุเธอเอาแน่ๆ แค่นึกถึงหน้าดุๆของเขาเธอก็อยากจะร้องไห้ออกมาเสียตรงนี้ เธอมองไปยังเบื้องหน้าก่อนจะพบร่างนวลที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงสดกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างบางหาที่หลบอย่างรวดเร็ว หัวใจเธอเต้นระส่ำราวกับกำลังเจอสงคราม
“มิรันตา” เธอเอ่ยออกมาอย่างตก หญิงสาวโผล่หน้าออกไปเมื่อเห็นว่ามิรันตาเดินลับไปแล้ว ถ้ามิรันตาอยู่นี่ แล้วมอร์แกนจะอยู่นี่ด้วยรึป่าว ถ้าเธอเจอเขาขึ้นมาจะทำยังไง
“ตายแล้วอันนา” หญิงสาวกุมขมับ ถึงเธอจะอนุญาตเขาแล้ว แต่ถ้าหากมาเจอเขาที่นี่คงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ อันนารีบเดินกลับเข้าไปในงาน เธอสอดสายตามองหาไททันเพื่อที่จะชวนเขากลับ เมื่อเจอเป้าหมายเอเดินตรงดิ่งไปยังเขา เธอคว้าแขนไททันก่อนจะเอ่ยบอกเขาทันที
“เรากลับกันเถอะ” ไททันหันมองเธอ สายตานิ่งๆของเขามองเธอชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองชายตรงหน้าเขา ร่างสูงที่เธอคุ้นเคยดีกำลังมองมายังเธอด้วยสายตาดุดัน
“มอร์แกน” ร่างเล็กเอ่ยชื่อของเขาอย่างแผ่วเบา มิรันตาที่ยินอยู่ข้างมอร์แกนมองมายังเธอด้วยสายตาที่ประหลาดใจ ไททันใช้มือมาโอบเอวเธอเอาไว้ก่อนจะดึงเข้าหาตัว
“ยินดีที่ได้เจอนะ มอร์ แกน เพื่อน รัก” ไททันเอ่ยที่ละพยางค์อย่างจงใจ อันนาประหลาดใจที่เขาสองคนรู้จักกัน แต่ดูท่าแล้วคงจะชังกันน่าดู
“ซวยจริงๆเลยนะ ที่ต้องมาเจอคนอย่างแกในงานแบบนี้” ชายหนุ่มเองก็ตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งๆเช่นกัน แต่ดูท่าแล้วคนที่ซวยจริงคงเป็นหญิงสาวที่กำลังยืนสั่นอยู่ต่างหาก
“น่าแปลกใจจังเลยนะคะที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่หรอคะ” มิรันตาถามด้วยสีหน้าใสซื่อ แต่นั่นเหมือนเธอกำลังจุดชนวนระเบิด
“ทำไมล่ะ หน้าแปลกใจหรอ” ไททันดันตัวหญิงสาวให้แนบชิดกับเขามากยิ่งขึ้น อันนาพยายามดันตัวเองออกแต่ไม่เป็นผลเลย
“ปล่อยมือแกออกจากอันนาซะ” เสียงทุ้มดังขึ้น นั่นทำให้อันนาอยู่ไม่เป็นสุข แต่ไททันกลับรัดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม
“ปล่อยเถอะนะคะ” อันนาขอร้องชายหนุ่ม
“ฉันบอกแล้วไงว่าจะไม่มีใครทำอะไรเธอได้”
“อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ” ไททันยิ้มเย้ยหยันส่งให้มอร์แกน ข้างในใจของชายหนุ่มเดือดดาลเหมือนกับภูเขาไปที่พร้อมปะทุ
“นิสัยชอบแย่งของคนอื่น ต่อให้นานขนาดไหนก็คงรักษาไม่หาย” มอร์แกนพูดพร้อมเดินเข้ามาหาไททัน
“ของของฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาต ใครก็เอาไปไหนไม่ได้” ชายหนุ่มพูดเบาๆข้างหูของไททัน เขาดึงตัวหญิงสาวเข้าหาตัวก่อนจะพาเธอเดินออกไปยังรถสปอร์ตสีดำที่จอดรออยู่ หญิงสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ทันชายหนุ่มที่กำลังฉุดกระชากเธอมายังรถ
“คุณฟังฉันก่อนได้ไหม นี่ มอร์แกน” ร่างเล็กที่กำลังเดินอยู่บนส้นสูงเดินด้วยความลำบาก ถ้าล้มมาคงเป็นเรื่องยุ่งอีก
“คุณมอร์แกน” ร่างสูงเหวี่ยงเธอเบาๆด้วยความโมโห เมื่อถึงรถ หญิงสาวเสียหลักเล็กน้อยก่อนจะตั้งตัวได้
“คุณฟังฉันอธิบายก่อน”
“ฉันฟังแน่ เตรียมคำอธิบายเธอเอาไว้ให้ดีๆล่ะ..อันนา” มอร์แกนจับร่างเล็กเข้าไปนั่งในรถก่อนจะนั่งประจำที่คนขับ รถสปอร์ตคันหรูทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวจับเบาะเอาไว้แน่นไม่กล้าแม้แต่จะลืมตา เธอรู้ว่าเขาคงโกรธมาก แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาทำกับเธอขนาดนี้ หญิงสาวลืมตาเมื่อรถจอดนิ่ง มอร์แกนพาเธอมายังคอนโดของเขา มือหนาดึงเธอให้เดินตามไป
“ฉันเจ็บนะ” ร่างเล็กพยายามแกะมือของเขาออก แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่เขายิ่งบีบมันแรงขึ้นเท่านั้น
“ปล่อยนะมอร์แกน ฉันเจ็บ” เมื่อลิฟต์เปิดออกยังชั้นบนสุด ร่างสูงกระชากร่างเล็กให้เดินตาม อารมณ์ของเขาตอนนี้เดือดยิ่งกว่าน้ำร้อนเสียอีก
“ปล่อยฉันนะ” ร่างสูงปล่อยเธอให้เป็นอิสระ หญิงสาวมองเขาด้วยตาที่กำลังร้องขอความเห็นใจ
“คุณฟังฉันก่อนนะ ฉันกับไททันไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“เธอคิดว่าฉันโง่มากรึไง กล้าดีนะ กล้าที่ไปกับมัน”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณกับไททันบาดหมางอะไรกันมาก่อน แต่ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่สิ่งที่ฉันเห็นมันไม่ใช่แบบนั้นนะอันนา” สายตาของชายหนุ่มตอนนี้ดูหน้ากลัวราวกับเสือที่กำลังคลุ้มคลั่ง
“ฉันจะกลับบ้าน” อันนาทำท่าจะเดินออกไปจากห้องแต่มอร์แกนอุ้มเธอเอาไว้ก่อนจะพาร่างเล็กมายังห้องน้ำ เขาวางเธอไว้ในอ่างอาบน้ำก่อนจะเปิดฝักบัวราดเธอให้เปียกทั้งตัว
“คุณจะทำอะไร” หญิงสาวร้องโวยวาย มือบางพยายามจะปิดมัน แต่ชายหนุ่มรวบมือทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
“ล้างสิ่งสกปรกออกจากตัวเธอไง” มือหนาอีกข้างกระชากเสื้อผ้าเธอออกอย่างป่าเถื่อน ก่อนจะใช้มือถูไปตามลำตัวราวกับกำลังขัดสิ่งสกปรกออกไป
“หยุดนะมอร์แกน ฉันเจ็บนะ”
“มันจับตรงไหนบ้าง” เขาเทครีมอาบน้ำลงบนตัวเธอก่อนจะใช้มือถูไปตามร่างกายของหญิงสาว
“คุณบ้าไปแล้วรึไง”
“เธอนั่นแหละที่ทำฉันบ้า กล้าดียังไงถึงไปกับมัน”
“ฉันจะไปกับใครมันก็เรื่องของฉัน” หญิงสาวตอบด้วยความโกรธ เธอรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว แต่ในใจเธอเจ็บเสียยิ่งกว่า
“เธอเป็นของของฉัน และฉันไม่อนุญาตให้เธอไปกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น” มือหนากระชากชุดเธอออกจนหมด เหลือเพียงชุดบางๆที่ปกปิดร่างกายเธออยู่เท่านั้น
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” ร่างสูงตวาดลั่น ร่างเล็กยามดิ้นแต่ดูไม่เป็นผลเสียเลย
“ฉันเจ็บนะมอร์แกน” น้ำตาของหญิงสาวไหลลงมาแข่งกับสายน้ำในฝักบัวที่กำลังรดร่างกายเธอ เธอกระชากมือออกเมื่อเขาเผลอก่อนจะตบลงไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม
เพลียะ มอร์แกนเม้มริมฝีเอาไว้ราวกับกำลังสยบความโกรธเอาไว้
“ฮึ” เขาหัวเราะในลำคอ ใบหน้าคมของชายหนุ่มเริ่มรุกล้ำร่างกายหญิงสาว เขาไซ้อกคอขาวนวลด้วยความรุนแรง มือหนากระชากสร้อยคอที่เธอสวมอยู่ทิ้ง ก่อนจะระดมจูบมันลงไปยังซอกคอขาว เขาสร้างรอยเอาไว้สองสามรอยก่อนจะกระชากชุดซับในออกจนหมด
“ปล่อยฉันนะ” เธอพยายามทุบตีคนตรงหน้า แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดมันง่ายๆ มอร์แกนอุ้มร่างเธอเอาไว้ก่อนจะพาเดินมายังห้องนอน เขาเหวี่ยงร่างเล็กลงบนเตียงก่อนจะคร่อมเธอเอาไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะมอร์แกน” เธอพยายามร้องขอ เขารวบแขนทั้งสองข้างเอาไว้ก่อนจะสร้างรอยความเป็นเจ้าของเอาไว้บนเนินอกของเธอ น้ำตาของหญิงสาวค่อยๆไหลรินลงมา เธอเจ็บไปทั้งตัวทั้งหัวใจ คนที่อันตรายที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเขาต่างหาก
“ฮึก ฮือ” หญิงสาวร้องไห้ออกมาเบาๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้มอร์แกนหยุดการกระทำนี้ได้เลย
“จำเอาไว้ ว่าเธอเป็นของของฉัน” เขากระซิบเบาๆข้างหู ก่อนจะแทรกแก่นกายเข้ามา ความอ่อนโยนของเขาแทบไม่เหลือเลย เธอรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของเขาเหลือเกิน รอยความเป็นเจ้าของปรากฏบนร่างกายเธอ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง เขาจับหญิงสาวให้นอนคว่ำก่อนจะทาบทับร่างตัวเองลงมา มือบางกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นจนเกิดรอยยับ เรี่ยวแรงที่มีไม่สามารถต่อกรอะไรกับร่างสูงได้เลย ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขากระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างไร้ความปราณี มือหน้าเค้นคลึงเนินทั้งสองอย่างเอาแต่ใจ
“คุณมันใจร้าย อ๊า” ร่างเล็กกระตุกเล็กน้อยเมื่อเขาดันแก่นกายเข้าจนมิด
“ฉันร้ายได้มากกว่านี้อีกอันนา” ชายหนุ่มเริ่มเกมรักสวาทอีกครั้งจนหญิงสาวแทบหมดเรี่ยวแรง
“อ๊า อ๊า” เธอเผลอครางออกมาเมื่อชายหนุ่มเร่งจังหวะเร้าให้เร็วขึ้น ร่างเล็กกระตุกอีกครั้งพร้อมร่างสูงของมอร์แกนที่ถอนแก่นกายออกอย่างอ้อยอิ่ง
“นี่คือบทลงโทษของเธอ”
“คุณมันใจร้าย”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันร้ายได้มากกว่านี้อีก” เขากระซิบข้างหูเธอเบาๆ
“และฉันไม่ชอบให้ใครมาใช้ของร่วมกับฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาต”
“คุณเห็นฉันเป็นแค่สิ่งของงั้นหรอ” น้ำตาเอ่อคลอดวงตากลมโตอีกครั้ง กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องเสียความรู้สึกแบบนี้
“....” ไม่มีเสียงตอบจากชายหนุ่ม
“ฉันก็เป็นได้แค่สิ่งของไร้ค่าใช่ไหม” ชายหนุ่มมองร่างเล็กที่กำลังนอนร้องไห้ เขาคงรุนแรงกับเธอมากเกินไป แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้หญิงสาวก็จะไม่ฟังและขัดคำสั่งเขาอีก
“ฉันขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ห้ามไปยุ่งกับไททันอีก” สิ้นเสียงเขาก็เดินออกจากห้องนอนไป ปล่อยให้หญิงสาวนอนร้องไห้อยู่ในห้อง อันนาทำเขาโกรธอย่างจริงจัง ยิ่งเห็นเธออยู่กับไททันยิ่งทำให้เขาโกรธจนแทบเสียสติ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอปรากฏชื่อมิรันตาที่โทรหาเขาเกือบยี่สิบสาย ชายหนุ่มโยนโทรศัพท์ทิ้งบนโชฟาก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“ทำไมเธอถึงดื้อนักนะ..อันนา”