ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
แสงแดดอ่อนๆกระทบเข้าใบหน้าของชายหนุ่ม เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมา ร่างกายเปลือยเปล่าคว้าเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ก่อนจะคลุมด้วยเสื้อคลุมอีกที บนเตียงว่างเปล่ามีเพียงร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น มอร์แกนเดินลงมาชั้นล่างก็พบว่าโต๊ะอาหารถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
“วันนี้คุณทันอยากพบคุณมอร์แกนครับ เขาต้องการคุยเรื่องโครงการใหม่ แล้วก็เงินสำหรับลงทุนทำโครงการนี้ด้วย” มอร์แกนพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงที่ประจำของเขา
“ให้มาเจอที่ร้านเดิมได้เลย หลังจากคุยเสร็จฉันจะเข้าไปดูสถานประกอบการสักหน่อย” อานันรับทราบก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ร่างสูงทานอาหารเพียงลำพัง สายตาของเขากวาดมองไปยังรอบๆบ้าน แต่ไม่พบใครคนนั้นที่เขาอยากเจอ ป้ารตีเดินมาทางเขาด้วยท่าทางอ่อนน้อม เธอถือกาแฟร้อนมาหนึ่งแก้วก่อนนำมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร
“อยากได้อะไรเพิ่มไหมคะ”
“อันนาอยู่ไหน” คนถูกถามมองหน้าเจ้านายอย่างแปลกใจ แต่เธอก็ตอบไปแต่โดยดี เพราะเธอรู้ว่ามอร์แกนไม่ชอบให้ใครมายุ่งย่ามเรื่องส่วนตัวมากนัก
“ทำความสะอาดครัวอยู่ค่ะ” มอร์แกนไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา เขาวางช้อนส้อมแล้วดื่มน้ำจนหมด
“ผมอิ่มแล้ว” เขาพูดก็เดินออกไปทันที ป้ารตีเก็บอาหารบนโต๊ะไปยังครัว เธอเห็นอันนากำลังยืนล้างจานด้วยอาการเหม่อลอย
“อันนา อันนา”
“ค่ะ” อันนาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาขานรับ
“มีอะไรไม่สบายใจรึป่าว” ร่างบางส่ายหัวไปมาก่อนจะหันไปล้างจานต่อ ป้ารตีสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ แต่เธอก็เงียบไว้ เธอเดินออกไปจากห้องครัวเงียบๆ ปล่อยให้สาวเจ้าคิดอะไรเพียงลำพัง อันนาหยิบจานใส่ตู้ก่อนจะเดินไปเก็บส่วนที่เหลือในครัว ภาพเมื่อคืนยังคงวนเวียนในหัว เธอเกลียดตัวเองนักที่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของเขา ใบหน้าคมคายแต่ดูละมุนนั่นยังคงติดตาเธอไม่หาย หัวใจดวงน้อยๆเต้นขึ้นไม่เป็นจังหวะ เธอไม่ควรคิดอะไรกับเขาทั้งนั้น ผู้ชายส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้นกันทั้งนั้น หลังจากเก็บข้าวของเสร็จเธอก็ไปทำความสะอาดบริเวณห้องโถง มือบางเช็ดทำความสะอาดข้าวของอย่างแผ่วเบา แค่นี้หนี้เธอก็พอกพูนมากแล้ว เธอไม่อยากให้มันมากขึ้นไปกว่านี้ ดังนั้นเธอต้องระมัดระวังให้มาก เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินมาเธอ อันนาหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเจ้าของใบหน้าคมคายแต่ดูละมุนคนนั้น เขาเดินมาพร้อมกับอานันที่เดินตามอยู่ด้านหลัง
“ห้ามเธอออกไปข้างนอก ถ้าจะไปไหนต้องขออนุญาตฉันก่อน ช่วยจับตาดูเธอด้วยนะอานัน” เขาพูดพร้อมมองมายังหญิงสาว อันนาก้มหน้าเพราะไม่อาจสู้สายตานั้นได้ ร่างสูงเดินออกไปก่อนเสียงรถจะดังขึ้น อันนาถอนหายใจก่อนจะเช็ดทำความสะอาดข้าวของต่อไป เสียงรถดังขึ้นที่หน้าบ้านอีกครั้ง พร้อมปรากฏร่างสาวสวยในชุดเดรสสีน้ำเงิน ใบหน้าน้อยๆยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี อานันเดินไปต้อนรับเธอดังเช่นวันก่อน
“วันนี้คุณมอร์แกนมีประชุมด่วนน่ะครับ ต้องขอโทษคุณมิรันตาด้วย” มิรันตาส่งยิ้มให้อานันก่อนจะเดินเข้าในบ้าน
“วันนี้รันเอาของฝากจากเมืองนอกมาฝากป้าๆเขาน่ะค่ะ”
“งั้นรอสักครู่นะครับ” อานันเดินหายไปยังบ้านพัก ไม่ถึงห้านาทีก็ปรากฏตัวแม่บ้านทั้งสามคน
“สวัสดีค่ะคุณมิรันตา” ป้ารตีเอ่ยทัก
“สวัสดีค่ะป้ารตี ป้ารันตี แล้วก็วันรัก วันนี้รันเอาของฝากจากเมืองนอกมาให้ค่ะ รันตั้งใจเลือกมาให้เลยนะคะ” ทั้งสามคนต่างตื่นตาตื่นใจกับของฝากจากเมืองนอก อันนายืนมองภาพนั้นพลางชื่มชมมิรันตาที่มีน้ำใจต่อทุกคน สายตาของหญิงสาวมองมายังร่างเล็กที่ยืนมองอยู่ห่างๆ เธอกวักมือเรียกอันนาให้เข้าไปหา อันนาเดินเข้าไปยังวงสนทนาอย่างอ่อนน้อม เธอส่งยิ้มให้มิรันตาเมื่อหญิงสาวส่งยิ้มให้เธอ
“ฉันมีน้ำหอมมาให้เธอด้วยนะ” เธอพูดพลางยื่นถุงน้ำหอมมาให้ อันนารับมาด้วยความเต็มใจ
“คุณมิรันตาสวยแล้วยังใจดีอีกนะคะเนี่ย” วันรักเอ่ยชม
“เล็กน้อยมากเลยค่ะ ยังไงทุกคนก็กลับทำงานได้เลยนะคะ ใช้เวลานาน เดี๋ยวมอร์แกนจะดุเอา”
“คุณมอร์แกนไม่ดุคุณมิรันตาหรอกค่ะ ยังไงพวกป้าขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับของฝากนะคะ” ทุกคนต่างกล่าวขอบคุณมิรันตาก่อนจะแยกย้ายไปทำงาน อันนาเองก็ตรงไปยังสระน้ำ วันนี้ใบไม้ร่วงเยอะเหมือนกับทุกวัน เธอหยิบอุปกรณ์คู่ใจก่อนจะลงมือตักใบไม้ในสระออก แต่ดูเหมือนว่ามิรันตาจะเดินตามเธอมา เธอส่งยิ้มให้ร่างเล็กก่อนที่มิรันตาจะมาหยุดที่ตรงหน้าเธอ
“ฉันอยากคุยอะไรด้วยหน่อยน่ะ” อันนาพยักหน้ารับก่อนทั้งคู่จะนั่งคุยกันตรงเก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำ
“เธอมาทำงานที่นี่ได้ยังไงหรอ ปกติมอร์แกนเขาไม่ค่อยรับคนมาทำงานในบ้าน”
“ฉันติดหนี้เขาค่ะ แต่ว่าไม่มีเงินมาจ่าย”
“ติดเยอะขนาดไหนกันเชียว ถึงต้องรับมาทำงานในบ้าน ฉันชักสงสัยแล้วสิ” ถึงใบหน้าของมิรันตาจะยิ้มแย้มราวกับคนไร้เดียงสา แต่เธอสัมผัสได้ถึงแววตาที่ไร้ความปราณีคู่นั้น ทำไมมิรันตาถึงดูหน้ากลัวได้มากขนาดนี้
“ไม่มากเท่าไหร่หรอกค่ะ ประมาณสี่ล้านค่ะ” เธอจำใจโกหก ถ้าบอกความจริงไป มิรันตาคงตกใจไม่น้อย แววตาดุดันเมื่อครู่ดูผ่อนคลายลง เธอยิ้มอีกครั้งก่อนจะเริ่มรุกคำถามถัดไป
“แล้วเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ”
“คะ”
“ฉันขอโทษที่ต้องถามแบบนี้นะ แต่ว่าหลายๆคนที่เข้ามาในบ้านหลังนี้ต่างมีจุดประสงค์ที่จะมาล้วงความลับของมอร์แกนทั้งนั้น เขาน่ะไม่ค่อยมีเวลาหรอก แต่ต่อจากนี้ฉันกลับมาแล้ว และฉันก็อยากช่วยเขาดูแลบ้านหลังนี้ เธอคงเข้าใจฉันนะ” มิรันตามองหน้าเธอ ตอนนี้อันนามองเธอต่างไปจากตอนแรกมาก มิรันตาตอนนี้ราวกับคนละคนที่เธอเห็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
“พ่อฉันท่านเสียไปตั้งแต่ฉันยังเด็กค่ะ ส่วนแม่ฉันก็มีสามีใหม่ ฉันไม่ค่อยลงรอยกับพวกเขาน่ะค่ะ”
“เธอคงคิดถึงพ่อสินะ” มิรันตาใช้มือตบบ่าอันนาเบาๆ
“ค่ะ ฉันคิดถึงเขา มีแต่คนบอกว่าฉันเหมือนพ่อ ใครๆก็เรียกพ่อฉันว่าท่านโรมัน เพราะท่านเก่งมากๆเลยค่ะ” อันนาอดยิ้มภูมิใจในตัวพ่อเธอไม่ได้
“เมื่อกี้เธอบอกว่า มีคนเรียกพ่อเธอว่าท่านโรมันหรอ”
“ใช่ค่ะ พ่อฉันชื่อโรมัน” มิรันตามองหน้าคนข้างๆอย่างไม่เชื่อสายตา เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีทำเอาร่างบางถึงกับงงตามไปด้วย
“มีอะไรรึป่าวคะ”
“แม่เธอชื่ออะไร”
“คะ”
“ฉันถามว่าแม่เธอชื่ออะไร” อันนามองท่าทีเกรี้ยวกราดของมิรันตา เธอเป็นอะไรไป
“ชะ..ชื่อไอยราค่ะ” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนตรงหน้า มิรันตาแสดงท่าทางราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด เธอเดินออกไปจากการสนทนา อันนาเดินตามเธอไป มิรันตาอาจจะรู้จักครอบครัวเธอก็เป็นได้
“คุณมิรันตา เดี๋ยวก่อนค่ะ” มิรันตาหยุดเดิน เธอปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับอันนาตรงๆ
“คุณรู้จักพ่อแม่ฉันหรอคะ” เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา
“ป่าว ฉันไม่รู้จัก พอดีฉันมีธุระด่วน” สิ้นเสียงเธอก็เดินออกไปทันที อันนามองตามเธอไปอย่างงงๆ ท่าทีเมื่อกี้นี้ราวกับว่ามิรันตารู้จักครอบครัวเธอ แต่พ่อเธอตายไปสิบกว่าปีแล้ว คงไม่มีใครรู้จักครอบครัวของเธอแล้วล่ะมั้ง เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนจะกลับไปจัดการงานบ้านต่อจนเสร็จ ก็พบกับป้ารตีที่เดินลงมาจากชั้นบนพอดี ในมือเธอถือแก้วนมเอาไว้ ร่างบางหันหน้าหนีก่อนจะเดินไปทางอื่น แต่เสียงของหญิงวัยกลางคนกลับเรียกเธอเอาไว้
“อันนา”
“ค่ะ” เธอหันไปตอบ ก่อนจะส่งยิ้มให้
“เมื่อคืนเธอได้เอานมไปให้คุณมอร์แกนรึป่าว”
“ป่าวค่ะ” เธอตอบปัดๆ
“สงสัยจะหิวเพราะไม่ยอมกินข้าว มีไรก็ไปทำเถอะ” อันนาพยักหน้ารับก่อนจะรีบเดินกลับที่พัก ร่างเล็กนอนแผ่หลาลงบนที่นอน เธอมองไปยังปฏิทินก็พบว่าพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อเธอ หญิงสาวถอนหายใจยาว เพราะมอร์แกนพึ่งห้ามไม่ให้เธออกจากบ้าน ทำไมเขาถึงได้ดูใจร้ายนักนะ ดวงตากลมโตค่อยๆปิดลงก่อนจะเผลอหลับลงไปในที่สุด
“เอามานี่นะ” เด็กหญิงในชุดสีขาว ผมเปียข้างแย่งขนมจากเด็กชายคนหนึ่งที่อายุมากกว่าราวห้าปี
“ถ้าอยากได้ต้องขอดีๆสิ” เด็กชายพูดขึ้น
“อันนา แย่งขนมพี่เขาทำไมล่ะ ของตัวเองก็มี” เสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้น
“ก็อันนาอยากกินพายเบอร์รี่ของพี่เขามากกว่า” สาวน้อยทำหน้าสลดต่อผู้เป็นพ่อ
“งั้นพี่แบ่งให้” เด็กชายยื่นขนมพายเบอร์รี่ของตัวเองให้เด็กสาวตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับมันมาก่อนจะยิ้มร่า
“ขอบใจนะมันตรา” ชายหนุ่มขอบคุณ
“ไม่เป็นไรครับ” มือหนาลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“โตขึ้นไป ฉันฝากดูแลหนูอันนาด้วยนะ”
“คุณลุงจะไปไหนครับ”
“ฉันไม่ไปไหนหรอก ฉันจะคอยอยู่ข้างๆลูกสาวฉัน และก็คอยอยู่ข้างๆหนูด้วยนะ” เด็กชายยิ้มให้คนตรงหน้า
“โตขึ้นผมจะเก่งแบบคุณลุงให้ได้ครับ ผมสัญญา”
ก๊อก ๆ ๆ
“อันนา อยู่รึป่าว” เสียงเรียกของวันรักปลุกเธอให้ตื่นจากความฝัน เธอลุกไปเปิดประตูด้วยท่าทางัวเงีย เมื่อประตูเปิดออก วันรักก็แทรกตัวเอข้ามาในห้องทันที
“ดูนี่สิ คุณมิรันตาซื้อกระเป๋ามาให้ฉันด้วยล่ะ ต้องแพงมากแน่ๆเลย” อันนามามองเพื่อนสาวที่กำลังลองสะพายกระเป๋าใบใหม่ด้วยร้อยยิ้มสดใส
“ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ถามมาได้เลย ฉันพร้อมตอบทุกข้อสงสัย”
“คุณมิรันตา เธอเป็นลุกใครหรอ แล้วบ้านเธอทำธุรกิจอะไร”
“ถามทำไมอ่ะ” วันรักวางกระเป๋าลงก่อนจะนั่งข้างเธอ
“ก็เธอทั้งสวย ทั้งรวย ฉันแค่อยากรู้เฉยๆ”
“บ้านคุณมิรันตาทำธุรกิจเกี่ยวกับบ่อน้ำมัน เธอเป็นเพื่อนคุณมอร์แกนมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เธอเข้าออกบ้านหลังนี้บ่อยๆ แต่ช่วงหลังๆเธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศน่ะ นี่ก็เพิ่งกลับมา”
“อื้ม อย่างงี้นี่เอง”
“เธอทั้งสวย ทั้งใจดี ชอบซื้อของมาฝากพวกเราบ่อยๆ ฉันก็หวังว่าคุณมอร์แกนจะใจอ่อนรักเธอสักที” ความรู้สึกผิดแล่นเข้าเต็มอกของหญิงสาว ภาพเมื่อคืนกลับมาสู่หัวเธออีกครั้ง เธออยากจะร้องไห้ออกมาเหลือเกิน
“แล้วทำไมคุณมอร์แกนถึงไม่รักเธอล่ะ”
“คุณมอร์แกนน่ะ รักใครที่ไหนกัน มีผู้หญิงมาให้เลือกตั้งมากก็ไม่สนใจใครสักคน” ทั้งสวยทั้งรวยอย่างมิรันตาเขายังไม่สนใจ กับเธอคงไม่ต้องพูดถึงสินะ
“ไปที่ครัวกันเถอะ” อันนาตัดบท เธอเดินมายังครัวก่อนจะช่วยป้าทั้งสองทำอาหาร กลิ่นขนมในเตาอบส่งกลิ่นยั่วยวนไปทั้งครัว ขนมพายเบอร์รี่ถูกยกออกจากเตาอบ ทำให้เธอนึกถึงฝันเมื่อยามบ่าย เด็กชายคนนั้นตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างนะ เด็กชายที่ยอมแบ่งขนมให้เด็กหญิงเอาแต่ใจคนนั้น ตอนนี้เขาอยู่ไหนกันนะ
“โอ๊ย” มือบางทิ้งมีดในมือก่อนจะกุมนิ้วตัวเองเอาไว้ เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลออกมา
“ตายแล้วอันนา ทำยังไงให้มีดบาดเนี่ย” ป้ารันตีร้องลั่นก่อนจะใช้น้ำเปล่าล้างเลือดของเธอออก
“ขอโทษค่ะ” ร่างบางเอ่ยปากขอโทษ
“ไปทำแผลไป” ป้ารตีแอ่ยขึ้น เธอเดินไปยังห้องพยาบาลก่อนจะทำแผลด้วยตัวเอง อุปกรณ์ในห้องพยาบาลดูครบครันราวกับเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อม เธอหยิบแอลกอร์ฮอมาล้างแผล เธอหลับตาปี๋ด้วยความกลัว เอาจริงๆแล้ว แต่เพราะบาดแผลเล็กนิดแธอไม่ชอบให้ร่างกายมีบาดแผลสักเท่าไหร่ เพราะมันทำให้ใช้ชีวิตลำบาก และเธอก็ไม่ชอบเพราะมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด ไม่มีใครว่างมาทำแผลให้ด้วย ทำให้เธอต้องกลั้นใจมองมันเป็นพักๆ
“หลับตาแบบนั้นคงทำแผลเสร็จ” เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมร่างสูงที่เดินเข้ามา มอร์แกนหยิบแอลกอร์ฮอในมือเธอไปก่อนจะเทราดลงบนแผล
“โอ๊ย นี่คุณ ฉันเจ็บนะ” หญิงสาวชักมือกลับทันควัน
“ใครใช้ให้ซุ่มซ่าม” มือหนาดึงมือเธอออกมาก่อนจะใช้ยาแดงซับเบาๆที่แผล ผ้าก็อตขนาดเล็กถูกพันเข้าที่แผลอย่างประณีต
“ขอบคุณค่ะ” มอร์แกนไม่มีท่าทีตอบรับ เขามองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปเมื่อทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่หญิงสาวเรียกเขาเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวค่ะ” มอร์แกนหันกลับมาหาเธอก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น
“คือว่า พรุ่งนี้ฉันจะขออนุญาตออกไปข้างนอกค่ะ”
“ไปไหน”
“พรุ่งนี้ครบรอบวันตายพ่อฉัน ฉันอยากไปหาท่านค่ะ” ชายหนุ่มมีสีหน้าอ่อนลง
“ได้ เธอจะไปกี่โมง”
“แปดโมงเช้าค่ะ”
“ฉันจะรออยู่หน้าบ้าน”
“ฉันไปเองก็ได้ค่ะ” ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปโดยไม่ฟังเธอด้วยซ้ำ อันนาทำหน้าบึ้งขึ้นมา นี่จะให้เธอไปกับเขาตามลำพังรึไง แค่นี้เธอก็แทบไม่อยากมองหน้าเขาจะแย่อยู่แล้วเชียว
แปดโมงตรงอันนาเดินมาหน้าบ้านก็พบกับมอร์แกนที่ยืนรออยู่แล้ว เธอแจ้งป้ารตีเอาไว้แล้วว่าวันนี้เธอจะออกไปข้างนอก แต่ไม่ได้บอกว่าไปกับใคร แต่ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าเธอจะไปกับมอร์แกน เพราะตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมายังเธอ
“ขึ้นรถสิ” มอร์แกนเอ่ยขึ้น ร่างบางก้าวขึ้นรถอย่างมเต็มใจนัก
“ไม่มีอะไรทำกันรึไง” ดังผึ้งแตกวง ทุกคนต่างเดินไปคนละทิศละทาง รถสปอร์ตสีดำคันเดิมพุ่งทะยานออกไปบนท้องถนนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับขับมันไม่เร็วมากนัก
“ช่วยแวะร้านดอกไม้ข้างหน้าหน่อยนะคะ ฉันอยากจะซื้อดอกไม้” เธอเดินลงไปซื้อดอกกุหลาบหนึ่งช่อใหญ่ พ่อของเธอชอบดอกกุหลาบมากๆ เธอเองก็เช่นกัน เธอกลับขึ้นรถก่อนจะบอกทางกับมอร์แกน
“เธอมาทุกปีหรอ”
“ค่ะ”
“ตามสบายละกัน ฉันจะเดินรอแถวๆนี้” มอร์แกนบอกเมื่อถึงจุดหมายที่ตั้งเอาไว้ อันนาเดินมายังหลุมศพพ่อของเธอ มือบางวางดอกไม้ก่อนจะยืนนิ่งๆ
“ป่านนี้พ่อจะอยู่ที่ไหนแล้วคะ จะยังอยู่ข้างอันนาเหมือนที่พ่อเคยบอกไว้รึป่าว อันนาคิดถึงพ่อนะคะ” น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตา เธอพยายามที่จะไม่ร้องไห้ แต่ทุกครั้งที่มาที่นี่เธอก็ไม่เคยห้ามมันได้เลย เธอเช็ดน้ำตาลวกๆก่อนจะฝืนยิ้มออกมา
“อันนาไปก่อนนะคะ เดี๋ยวอันนาจะมาหาบ่อยๆ” เธอเดินออกมาช้า หัวใจของเธอช่างอ่อนแอเหลือเกิน ถึงแม้พ่อเธอจะเสียไปหลายปีแล้ว แต่เธอรู้สึกราวกับว่าเธอเพิ่งเสียพ่อเธอไปเมื่อวานนี้เอง เธอหยิบสร้อยคอจี้รูปกุญแจขึ้นมา ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่พ่อเธอมอบเอาไว้ให้ก่อนจากไป พลันลมก็พัดขึ้นจนเธอต้องหยีตาลง สร้อยคอพลันหล่นจากมือเธอ หญิงสาวก้มเก็บมันขึ้นมา
ปัง !
“กรี๊ดดด” ร่างบางนั่งลงกับพื้นพร้อมเอามืออุดหู สายตาเธอเหลือบไปเห็นชายชุดดำสองคนที่กำลังเล็งกระบอกปืนมายังเธอ เธอหลบไปหลังต้นไม่ที่บังร่างเธอไว้ได้พอดี
ปัง ! เสียงปืนดังขึ้นอีกนัด เธอพยายามหาทางหนี แต่ตรงนี้เป็นที่โล่งแจ้ง ถ้าเธออกไป เธอตายแน่ๆ
ปัง! ปัง! เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนจะปรากฏร่างของมอร์แกนที่วิ่งมาหาเธอ
“เจ็บตรงไหนรึป่าว” เธอส่ายหัวไปมา มือบางกำกระเป๋าแน่ ดวงตากลมโตเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
“ไม่ต้องกลัวนะ” มอร์แกนจับมอเธอไว้ก่อนจะพาวิ่งอีกทาง เสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ ร่างสูงพาเธอวิ่งเข้าออกตาซอยโดยมีร่างชายฉกรรจ์สองคนวิ่งตาม
“อย่าหันกลับไปมอง วิ่งต่อไป” มอร์แกนเอ่ยขึ้นโดยมีเขาวิ่งตามประกบมาติดๆ เมื่อถึงทางแยกเขาพาเธอเบี่ยงตัวไปหลบในซอกตึกที่มีกล่องกระดาษกองอยู่เต็มไปหมด
“เข้าไป” ทั้งสองเบียดตัวเองเข้าไปยังซอกเล็กๆนั่น พื้นที่เล็กๆทำให้เขาสองคนอยู่ใกล้กันจนแทบจะรวมร่าง หญิงสาวหายใจเหนื่อยหอบจากการวิ่งหนี ทั้งสองรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะเมื่อเสียงฝีเท้าของชายทั้งสองดังขึ้น
“หายไปไหนแล้ววะ”
“ไปทางนู้น” เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะหายไป ทั้งสองถอนหายใจออกมาราวกับนัดกันไว้ สายตาเธอเหลือบมองไปยังแขนของชายหนุ่มก็พบรอยเลือดที่เปื้อนเสื้อของเขาอยู่
“แขนคุณ” มอร์แกนมองรอยเลือดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน
“คุณเจ็บรึป่าว” หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะพันมันไว้เพื่อห้ามเลือด
“เธอเจ็บตรงไหนไหม” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของมอร์แกนดังขึ้น เธอมองเขาก่อนจะส่ายหน้าอีกครั้ง
“คุณเจ็บมากรึป่าว ฉันขอโทษนะ” เสียงรถสามสี่คันดึงขึ้นบริเวณหน้าตึก มอร์แกนพาเธอเดินออกไปก็พบกับอานันพร้อมลูกน้องอีกจำนวนหนึ่ง
“ปลอดภัยทั้งคู่นะครับ” อานันเอ่ยถาม
“มันคงอยู่แถวๆนี้ ตามจับมาให้ได้” สิ้นเสียงลุกน้องของมอร์แกนต่างแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆ อานันขับรถพาทั้งสองกลับมายังบ้าน
“ผมตามหมอให้แล้ว ป่านนี้คงจะถึงแล้วครับ”
“แค่ถากๆน่ะ” เขาตอบเลขาก่อนจะมองไปยังร่างเล็กที่นั่งสั่นด้วยความตกใจอยู่ข้างๆเขา
“เธอไม่เป็นไรแน่นะ” หญิงสาวพยักหน้า
“ฉันทำให้คุณเจ็บ”
“นั่นไม่ใช่ความผิดเธอ แล้วก็เลิกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ด้วย ฉันยังไม่ตายสักหน่อย” มอร์แกนดุคนข้างๆ เขาแอบยิ้มเล็กน้อยที่เห็นท่าทีของเธอแบบนั้น เมื่อถึงบ้านทั้งป้ารตี ป้ารันตีพร้อมวันรักต่างรีบเข้ามาถามไถ่ผู้เป็นเจ้านายด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอเขาถึงต้องเจ็บแบบนี้สินะ
“อันนาไม่เป็นไรใช่ไหม” ป้ารตีเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ฉันตกใจแทบแย่ตอนรู้ข่าว” วันรักเอ่ยขึ้นอีกเสียง
“เธอไปพักผ่อนเถอะ ฝากป้ารตีดูแลเธอด้วย” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินไปทำแผลที่ห้องพยาบาล เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่มีห้องพยาบาลที่ดูเหมือนโรงพยาบาลขนาดย่อมแบบนั้น
“ได้ค่ะ” ป้ารตีรรับคำ ก่อนจะพาเธอไปยังห้องพัก
“ขอบคุณนะคะ”
“พักผ่อนเถอะนะ เธอคงตกใจน่าดู” หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอนั่งลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน เธอยังจำหน้าชายสองคนนั้นได้ดี เขาเป็นใครกันนะ แล้วทำไมถึงจ้องจะฆ่าเธอให้ตายด้วย ใครกัน....