ตอนที่ 2 แองเกิลผับ
4 ปีต่อมา
ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มหรี่ลงอย่างสงสัยเมื่อไล้สายตาไปตามตัวเลขในแฟ้มรายงานสรุปยอดสิ้นเดือน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องสาวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม แล้ววางแฟ้มลงอย่างกระแทกกระทั้น
ปึก!
“ทำไมรายได้ของผับเรามันลดลงแบบนี้ล่ะคุณแก้ว หกเดือนแล้วนะที่เป็นแบบนี้ คุณพอจะอธิบายให้ผมฟังได้ไหม” เขาเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ทำงานพร้อมกับจ้องผู้จัดการสาวของผับอย่างรอคำตอบ
“คือว่า...ช่วงหลังๆ มานี่แขกประจำของเราหายหน้าหายตาไปหลายคนเลยค่ะ แล้วที่หายไปก็เป็นพวกกระเป๋าหนักทั้งนั้นเลยนะคะ สาเหตุมากจากไหนดิฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
คำตอบที่ได้รับจากลูกน้องสาวยิ่งทำให้ความเครียดของเขาพุ่งขึ้นมากกว่าเดิม มันเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ เพราะในย่านนี้ดาร์โกผับถือว่าเป็นผับที่มีชื่อเสียงที่สุด ทั้งความหรูหรา ทั้งความสวยความหล่อของพนักงานทั้งหมดที่เขาเป็นคนคัดกรองเองกับมือ มันก็น่าจะไม่มีข้อบกพร่องใดๆ แล้วนะ แต่ทำไมรายได้ครึ่งปีหลังมานี่ถึงตกวูบลงอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ล่ะ
“เออ...อาจจะมาจากผับที่เปิดใหม่แถวๆ พระราม 9 ก็ได้นะครับ” อานนท์ลูกน้องคนสนิทของจิณณวัตรเอ่ยขึ้น
“ผับเปิดใหม่งั้นเหรอ” คิ้วหนาเลิกสูงขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะในแถวย่านรัชดาและพระราม 9 ผับที่ดีที่สุด มีแขกมากที่สุดก็คือผับดาร์โกของเขาเท่านั้น แล้วผับเปิดใหม่แบบนั้นมีอะไรดีถึงได้ดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ของเขาไปได้
“ครับ เห็นว่าชื่อแองเกิลผับครับ เพิ่งเปิดมาได้หนึ่งปีคนของเราที่ผ่านไปแถวนั้นบอกว่ามีลูกค้าเข้าไปอุดหนุนกันหนาตาเลยละครับ ถ้าเจ้านายอยากทราบรายละเอียดเพิ่มผมจะจัดการให้ครับ”
“แองเกิลผับ” จิณณวัตรทวนชื่ออีกครั้งพร้อมกับลูบคางสากๆ ของตัวเองไปมาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะยกมุมปากด้านซ้ายขึ้นอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม แล้วหันมาสั่งลูกน้องหนุ่ม “นายไปจัดการสืบมาให้ละเอียดว่าใครเป็นเจ้าของ แล้วมันทำยังไงถึงดึงลูกค้าของเราไปได้”
“ครับ” อานนท์ก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป สายตาคมเย็นชาของจิณณวัตรมองตามหลังลูกน้องหนุ่มไปก่อนจะหรี่ลง ใครที่คิดจะมาเทียบรัศมีกับเขามันก็ต้องลองของกันสักตั้งให้มันรู้ดีรู้ชั่วกันไปเลย
สองหนุ่มสาวนั่งยิ้มหน้าบานอยู่ภายในห้องทำงานส่วนตัวเมื่อเห็นยอดรายได้ที่พุ่งสูงขึ้นตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
“ข้าวบอกพี่เอกแล้วว่าทำธุรกิจแบบเนี่ยรายได้ดีจะตาย ทีนี้พี่เอกเชื่อข้าวหรือยัง” ขวัญข้าวหันมาคลี่ยิ้มกว้างให้กับเพื่อนหนุ่มรุ่นพี่ที่เป็นหุ้นส่วนร่วมธุรกิจกัน
“เห็นแล้วจ้ะ พี่เองก็ไม่คิดเลยนะว่ามันจะทำเงินให้เป็นกอบเป็นกำแบบนี้” เอกทัศน์ยิ้มตอบพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมมือเรียวของหญิงสาวเอาไว้ เขากับขวัญข้าวเป็นเด็กที่เติบโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยกัน หลังจากเรียนจบเขาก็เข้าไปทำงานที่บริษัทกุลธาราซึ่งเป็นบริษัทส่งออกอัญมณีในตำแหน่งพนักงานบัญชี หนึ่งปีต่อมาเขาก็ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีและการเงิน เพียงเวลาไม่นานเขาก็มีเงินก้อนใหญ่สำหรับที่จะลงทุนกิจการของตนเองได้ แล้วเมื่อขวัญข้าวเรียนจบและเอ่ยถึงความฝันที่อยากจะเปิดผับ เขาจึงลาออกจากบริษัทมาลงทุนทำความฝันของหญิงสาวที่เขารักให้เป็นความจริง
“นี่ถ้าไม่ได้พี่เอก ความฝันของข้าวก็คงจะไม่เป็นจริงไปได้ ข้าวขอบคุณพี่เอกมากนะคะที่ทำให้ฝันของข้าวเป็นจริง” ขวัญข้าวกุมมือหนาพร้อมกับตบลงบนหลังมือของชายหนุ่มเบาๆ
“ไม่ต้องมาขอบคุณพี่หรอก พี่กับข้าวก็เหมือนกับคนในครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว พี่ทำได้ทุกอย่างเพื่อข้าว” เขาดึงมือบางมากุมพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง แต่แล้วการสนทนาของทั้งคู่ก็ถูกขัดขึ้นเมื่อหญิงสาวนางหนึ่งเดินผ่านประตูห้องทำงานเข้ามา ร่างบางที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่หยุดชะงักไปนิดหนึ่ง
“อ้าว...อรมาพอดีข้าวมีข่าวดีจะบอก” ขวัญข้าวหันไปคลี่ยิ้มให้เพื่อนสาวพร้อมกับดึงมือกลับมาจากมือของชายหนุ่ม อรวดียิ้มหวานให้เพื่อนสาวก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อหันไปเห็นแววตาดุดันของเอกทัศน์
“ตอนนี้ผับของเรามีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลยนะ” ขวัญข้าวลุกขึ้นเดินมาหาหญิงสาวที่เป็นทั้งเพื่อนสาวคนสนิทและเป็นพนักงานฝ่ายบัญชีของผับ เธอกับอรวดีเติบโตมาด้วยกันในบ้านเด็กกำพร้า ทั้งคู่สนิทสนมกันจนเรียกได้ว่าเหมือนฝาแฝดกันเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าเห็นคนใดคนหนึ่งก็จะเห็นอีกคนเสมอ
“จริงเหรอ ดีใจด้วยนะข้าว ต่อไปข้าวก็จะร่ำรวยแล้ว” อรวดียิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ใครว่าข้าวรวยล่ะ พี่เอกต่างหากที่รวยเพราะผับนี้สร้างมาจากเงินของพี่เอก” ขวัญข้าวหันไปยิ้มแซวเพื่อนหนุ่มรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้โต๊ะทำงาน
“ไม่หรอกข้าว ที่อรพูดนะถูกแล้ว เงินของพี่ก็เหมือนเงินของข้าวนั่นแหละ” มุมปากยักลึกกระตุกขึ้นอย่างเยาะๆ เมื่อเห็นสีหน้าที่เจื่อนไปของอรวดี เขารู้ว่าอรวดีชอบเขา แต่หัวใจของเขามีให้ขวัญข้าวเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาที่เย็นชานั้นได้ดีจึงรีบก้มหน้าหลบแววตาเย้ยๆ ที่ส่งมา
“เออ...อรเอาบัญชีมาให้ข้าวตรวจนะ” อรวดียื่นแฟ้มสีดำให้เพื่อนสาวพร้อมกับยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ “อรมีงานค้างอยู่ ขอตัวก่อนนะจ๊ะ” พูดจบหญิงสาวก็รีบหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทันที ก่อนที่น้ำตาแห่งความเสียใจและน้อยใจจะไหลลงมาให้เพื่อนรักได้เห็น เธอแอบรักเอกทัศน์มาตั้งแต่เด็กๆ จนถึงป่านนี้เธอก็ไม่เคยคิดเปลี่ยนใจ แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่เคยชายตาแลมองเธอเลยก็ตาม เธอก็จะขอเก็บรักคุดนี้ไว้ตลอดไป
ร่างสูงในชุดยีนราคาแพงกับแว่นสีชาก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าด้านในผับแองเกิล ก่อนจะหันไปมองเพื่อนหนุ่มที่เดินตามมาทางด้านหลัง ซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังมองสำรวจไปทั่วบริเวณพร้อมกับพยักหน้าไปมาช้าๆ ตามจังหวะของดนตรีที่เปิดคลอเบาๆ
“ทั้งบรรยากาศทั้งสภาพแวดล้อมจัดได้กลมกลืนและลงตัวมาก พอเข้ามาแล้วรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายดีมากเลยว่ะ” เศรษฐ์สัณห์เอ่ยขึ้นเปรยๆ แต่นั่นก็ทำให้จิณณวัตรถึงกับตึงขึ้นแล้วถลึงตาใส่เพื่อนอย่างไม่พอใจ
“ฉันพูดจริง” เศรษฐ์สัณห์เลิกคิ้วสูงพร้อมกับอมยิ้ม ก่อนจะตบไหลเพื่อนรักเบาๆ แล้วครู่ต่อมาพนักงานสาวสวยนางหนึ่งก็เข้ามาเอ่ยเชื้อเชิญให้สองหนุ่มไปนั่งที่โต๊ะ ในระหว่างที่เดินตามพนักงานสาวไปดวงตาคมของจิณณวัตรก็กวาดมองไปทั่วพร้อมกับขบกรามแน่น
ภายในผับเปิดไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสลัวๆ ไปกระทบกับวอลเปเปอร์ลวดลายไทยสีทองอมแดง ตามโต๊ะก็มีต้นไม้และดอกไม้หลากสีจัดวางตามจุดต่างๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่น พนักงานที่นี่สวยไม่แพ้ที่ผับของเขาเลย การแต่งตัวด้วยกระโปรงบานสั้นแค่ต้นขากับเสื้อสีขาวเอวลอยปกทหารเรือก็ล่อตาล่อใจนักเที่ยวทั้งแก่และหนุ่มได้เป็นอย่างดี
ชายหนุ่มได้รับรายงานจากลูกน้องคนสนิทว่าเจ้าของผับแห่งนี้คือเอกทัศน์ หิรัญชัย ซึ่งชื่อนี้เขาจำได้ขึ้นใจตลอดมา เขาไม่เคยลืมเลยว่าผู้ชายคนนี้ได้สร้างบาดแผลในใจไว้ให้เขาได้มากเพียงใด และการที่เอกทัศน์มาสร้างผับขึ้นใกล้ๆ กับเขาก็แสดงว่าอีกฝ่ายต้องการท้าทายเขานั่นเอง แล้วคนอย่างเขาก็ชอบที่จะลองดีด้วยเหมือนกัน
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะพนักงานสาวสวยก็หันมายิ้มให้ ชายหนุ่มทั้งสองจึงเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาสองตัวซึ่งตั้งหันหน้าเข้าหากัน จากนั้นเศรษฐ์สัณห์ก็หันไปสั่งบรั่นดีกับทางพนักงานสาว เจ้าหล่อนส่งยิ้มให้นิดหนึ่งก่อนจะเดินจากไป เขาจึงหันมาทางเพื่อนหนุ่มที่นั่งหน้าตูมอยู่ฝั่งตรงข้าม
“เขาตกแต่งได้ดีนะ เข้าใจใช้ต้นไม้มาตั้งแซมตามโต๊ะเพื่อเพิ่มความสดชื่น”
“ชมมันทำไม แกเป็นเพื่อนมันหรือเพื่อนฉันกันแน่!” จิณณวัตรเน้นเสียงเข้มอย่างขัดใจ
“ก็เพื่อนแกสิว่ะ” เศรษฐ์สัณห์เอนหลังพิงกับพนักโซฟาพร้อมกับกางแขนออกพาดไว้บนขอบพนักพิงอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะพูดต่อ “ฉันสงสัยว่ะว่าคนอย่างนายเอกทัศน์มันเอาเงินที่ไหนมาลงทุนทำผับที่ราคาเป็นสิบๆ ล้านแบบนี่ได้วะ มันเป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นลูกผู้รากมากดี เงินถุงเงินถังอย่างแกก็ว่าไปอย่าง”
“อย่างมันก็คงจะไม่พ้นเกาะชายกระโปรงผู้หญิงกินหรือไม่ก็ฉ้อโกงเขามา!” น้ำเสียงแข็งกระด้างนั้นแฝงเอาไว้ด้วยแววเยาะหยันดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาวโรจน์ขึ้นเมื่อนึกไปถึงหญิงสาวในห้วงความคิดของตนเอง