9 ช่วยเหลือคนรวย
ความเป็นห่วงที่มีต่อภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากนั้น สำหรับเขาแล้วมีอยู่ตลอดเวลา เมื่อก่อนเป็นหนุ่มสาวเคยมีความรักต่อกันเช่นไร ทุกวันนี้ยังมีเหมือนเดิมทุกอย่าง จึงเป็นที่กล่าวขานในวงสังคมว่าเป็นคู่ที่ควรเอาเยี่ยงอย่าง
“แค่นี้เอง ไม่เป็นไรค่ะ”
ทั้งสองยังคงสนทนาเหมือนเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอาการตื่นตกใจแต่อย่างใด ครู่หนึ่งสังข์ทำหน้าครุ่นคิดแล้วยิ้มด้วยใบหน้าสดชื่น
“ผมนึกออกแล้วครับ มีลูกพี่ลูกน้องอยู่ไม่ห่างจากที่นี่ ทำงานเป็น อบต.ครับ บ้านน่าอยู่มาก ผมขอเรียนเชิญท่านกับคุณดวงพรไปพักผ่อนก่อน ถ้ารถติดแล้วผมจะไปรับนะครับ”
“จะทำให้เขาลำบากใจหรือเปล่าล่ะ เราสองคนอยู่ในรถได้นะ”
รัฐมนตรีผู้มีนิสัยติดดินกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจเต็มที่ เวลาไปไหนมาไหนไม่ต้องการให้เอิกเริกเหมือนคนอื่นๆ ที่จะต้องมีรถนำขบวนและมีผู้ติดตามคุ้มกันภัย ต่างจากเขาชอบความเรียบง่าย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
“โธ่ ท่านครับ น้องผมคงดีใจด้วยซ้ำที่ได้ดูแลท่าน ผมจะโทรศัพท์ถามดูก่อนครับว่าอยู่ที่บ้านหรือเปล่า ตามปกติแล้วเจ้าสาครมักจะไปช่วยงานที่โน่นที่นี่เสมอ”
สังข์พูดไปด้วย กดเบอร์โทรศัพท์หาญาติผู้น้องไปด้วย กระทั่งได้ยินเสียงตอบรับ แววตาฉายแววดีใจออกมา เมื่อรู้ว่าสาครอยู่ที่บ้านและได้สนทนากันพักหนึ่ง จึงหันมาแจ้งข่าวแก่เจ้านายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด
“สาครอยู่บ้านพอดี มันดีใจมากเลยที่ท่านจะไปพักที่บ้าน เดี๋ยวจะขับรถมารับและให้ลูกจ้างอยู่เป็นเพื่อนผมที่นี่ พอรถสตาร์ตติดผมจะไปรับครับ”
“ขอบใจมากนะสังข์ ขอบใจจริงๆ”
ดวงพรหันมาขอบคุณคนขับรถผู้มากไปด้วยน้ำใจ โดยไม่ถือตนว่าอยู่เหนือกว่า เพราะรู้ว่าทุกวันนี้ชีวิตแขวนอยู่บนความตายตลอดเวลา ไม่รู้ว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไร เมื่อมีลมหายใจจะต้องทำความดีให้มากๆ ไม่ยึดติดกับลาภยศสรรเสริญ
หลังจากยืนรออยู่ครู่หนึ่ง แสงไฟจากรถกระบะได้สาดส่องเข้ามา แล้วจอดต่อท้ายรถราคาแพง เสียงเปิดประตูรถ พร้อมกับชายวัยเดียวกับรัฐมนตรีเดินเข้ามาใกล้ ตามด้วยเด็กวัยรุ่นหนึ่งคน ทั้งสองยกมือไหว้ชายผู้มีตำแหน่งใหญ่โตกับภรรยาด้วยท่าทางนอบน้อม
“สวัสดีครับท่าน เชิญขึ้นรถไปพักผ่อนที่บ้านผมก่อน พี่สังข์ครับผมให้เจ้าแกวมันมาอยู่เป็นเพื่อน ถ้าเครื่องติดเมื่อไหร่ก็ไปที่บ้านได้เลย พี่จะกินข้าวต้มร้อนๆหรือเปล่า ผมจะเตรียมไว้ให้”
สาครมีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในสภาวะลำบาก ทุกคนซาบซึ้งเป็นอย่างดี ได้แต่ขอบคุณ ต่อความเอื้ออารีในครั้งนี้
“ไม่ต้องหรอกสาคร ขอบใจมาก พี่ฝากช่วยดูแลท่านทั้งสองก็แล้วกัน”
“ได้เลยพี่ ไม่ต้องห่วง เชิญครับท่าน”
สาครหันมาเชื้อเชิญสองสามีภรรยาอีกครั้ง รัฐมนตรีพิเศษไม่รีรอที่จะจูงมือดวงพรเข้าไปนั่งทางตอนหลังของรถ ส่วนตัวท่านนั่งเคียงคู่กันทางด้านหน้า และชวนคุยเพื่อแสดงความเป็นกันเองยิ่งขึ้น
“บ้านอยู่ไกลจากที่นี่ไหมครับ”
“ไม่หรอกครับ เลยโค้งตรงนั้นไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว ผมให้คนจัดเตรียมห้องเอาไว้สำหรับท่านแล้วครับ แต่คงไม่สะดวกสบายสักเท่าไรนัก”
สาครออกตัวด้วยเสียงที่นอบน้อม สร้างความซึ้งใจให้แก่ผู้ที่มากด้วยตำแหน่งทางการเมือง ถ้าจะเปรียบไปแล้วเหมือนราชสีห์ที่ต้องขอความช่วยเหลือจากหนูตัวน้อยๆ
“ไม่เป็นไร ขอแค่พักใต้ถุนบ้าน ผมก็พอใจแล้ว”
“โธ่ท่าน พูดอะไรอย่างนั้นครับ แค่ท่านมาพักที่บ้าน ผมถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง น้อยคนนักที่จะได้รับเกียรติเหมือนผม”
อบต.ผู้มากด้วยน้ำใจเอ่ยขึ้นและขับรถเข้ามาจอดใต้ร่มไม้หน้าบ้านทรงไทยหลังกะทัดรัด เปิดไฟสว่างจ้า มีผู้ชายวัยเดียวกันมายืนรอรับอยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นรัฐมนตรีกับภรรยาได้ยกมือไหว้แล้วเดินนำขึ้นไปบนเรือน
“เชิญครับท่าน ผมให้คนทำความสะอาดรอเอาไว้แล้ว”
“ภรรยาคุณล่ะ ไม่อยู่หรือไง”
เมื่อรัฐมนตรีถามถึงภรรยา ใบหน้าสาครหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงพรรู้ในทันทีว่าจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแก่ชายผู้นี้อย่างแน่นอน รู้สึกใจหายตามไปด้วย
“เธอไปสบายแล้วครับ เสียชีวิตเกือบสิบปีแล้ว ผมอยู่กับลูกชาย แต่ตอนนี้ลูกไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ พักอยู่กับหลวงตา เขาแอดฯ ติดคณะวิศวะครับ”