10 ความกังวลของพ่อแม่
เมื่อพูดถึงบุตรชายคนเดียว น้ำเสียงสาครเริ่มดีขึ้น แสดงออกถึงความภาคภูมิใจที่ลูกเป็นเด็กดีขยันเรียน ผู้มาเยือนทั้งสองหันมามองหน้ากันแล้วยิ้ม ครู่เดียวเปลี่ยนเป็นหมองเศร้า เมื่อนึกถึงบุตรสาวคนสวย รู้ว่าเป็นคนเรียนเก่งแต่ขี้เกียจ ไม่สนใจการเรียนเท่าที่ควร ห่วงแต่เที่ยว รักสนุกไม่สนใจอะไร ถือว่าพ่อแม่ตามใจทุกอย่าง
“ดีใจด้วยนะที่มีลูกดีขนาดนั้น”
“ครับ ชีวิตผมเวลานี้ก็ขอมอบให้แก่เจ้าธนาเพียงคนเดียว ถ้าเรียนจบเมื่อไหร่ผมก็คงหมดห่วง นอนตายตาหลับ เชิญครับ ถึงห้องดีเลย ผมจะไปจัดน้ำดื่มกับผลไม้มาให้ท่าน”
สาครผายมือไปที่ห้องหนึ่ง โดยลูกจ้างเปิดประตูออกจากกัน ทั้งสองก้าวเข้าไปโดยเร็ว แต่รัฐมนตรีพิเศษได้หันมาพูดด้วยท่าทางเกรงใจเต็มที่
“ไม่ต้องเอาอะไรมาทั้งนั้น เราแค่ขอมาพักชั่วครู่เท่านั้น”
“ไม่ได้หรอกครับ ผมเตรียมเอาไว้แล้ว ผมมีกุนเชียงปลาด้วยนะครับ ที่นี่ทำเอง ผมดูแลทุกขั้นตอน ขึ้นชื่อมากจนได้โอทอป”
สาครพูดจบได้หายไปชั่วครู่และกลับมาพร้อมกับถาดที่วางเหยือกบรรจุน้ำเย็น พร้อมด้วยแก้วสองใบ และเบื้องหลังลูกน้องประคองจานใส่ผลไม้รวมตามมา จากนั้นเอามาวางบนโต๊ะเล็กๆข้างเตียงไม้สัก โดยที่รัฐมนตรีกับภรรยานั่งเคียงคู่กันดูรายการโทรทัศน์ด้วยใบหน้าชื่นมื่น
“ขอบใจมากนะ แหมรบกวนจังเลย”
“อย่าคิดอย่างนั้นครับ ผมเต็มใจมากและมีความสุขถ้าท่านรับประทานจนหมด แล้วนี่กุนเชียงปลาครับ ของฝากจากเมืองสิงห์”
เขาส่งถุงใส่กุนเชียงชั้นดีให้รัฐมนตรีที่ยื่นมือออกมารับ จากนั้นได้ออกไปนั่งคุยกับลูกน้องข้างนอก ปล่อยให้แขกพักผ่อนตามสบาย
“น่าสงสารคุณสาครนะ ท่าทางจะเหงา คนอื่นๆมีภรรยาอยู่เคียงข้าง แต่เขาไม่มีเลย ลูกก็อยู่ไกล”
ดวงพรมองไปที่สาครเห็นถึงความเหงาจากอาการเหม่อๆ รู้ว่ากำลังคิดถึงภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ รัฐมนตรีพิเศษเห็นคล้อยตามไปกับภรรยา เมื่อเปรียบกับตัวเอง เวลานี้มีความสุขเต็มที่ เพราะมีคนรู้ใจ ถ้าหากว่าวันหนึ่งวันใด ดวงพรมีอันต้องล้มหายตายจาก เขาคงมีสภาพไม่ต่างจากสาครสักเท่าไหร่
“นั่นสินะ ผมก็ใจหายเหมือนกัน ถ้าคุณเป็นอะไรไป ชีวิตนี้คงจบสิ้น อยู่ด้วยกันไปนานๆนะ อย่าทิ้งผมให้อยู่กับความเหงา”
คว้ามือนุ่มนิ่มของภรรยาขึ้นมาบีบกระชับเอาไว้แน่นๆ แล้วมองเข้าไปในดวงตาคู่สวย ดวงพรรู้สึกถึงความรักที่สามีมอบให้ ดีใจที่เจอคนดี ต่างจากคนอื่นๆ เมื่อร่ำรวย มีเกียรติยศชื่อเสียง เริ่มที่จะเฉออกนอกทาง กล้าที่จะมีผู้หญิงคนใหม่ๆเข้ามาในชีวิต ทำให้เกิดปัญหายุ่งยากตามมา เพราะภรรยารับไม่ได้
“เรื่องอนาคต เราไม่สามารถรู้ได้เลย แต่คุณจำเอาไว้เถอะว่า ฉันจะรักษาชีวิตเอาไว้ให้นานที่สุดเพื่ออยู่กับคุณและลูกตลอดไป”
เมื่อดวงพรพูดถึงลูก รัฐมนตรีพิเศษคิดถึงพิมาลาขึ้นมาทันที อยากรู้ว่าเวลานี้กำลังทำอะไร อาจจะนอนอยู่ในห้องหรือออกไปเที่ยวข้างนอกเหมือนเคยปฏิบัติ
“ผมอยากรู้จังว่าตอนนี้มาลาทำอะไรอยู่”
เขาได้เอาโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขของลูกด้วยความชำนาญ ดวงพรได้แต่ลุ้นด้วยอาการใจหายใจคว่ำเพราะกลัวว่าลูกสาวออกไปเที่ยวข้างนอก เธอคงห่วงมากกว่าเดิม เพราะกลัวเจอคนไม่ดี หลอกไปในทางที่เสียหาย ครู่หนึ่งเสียงสามีคุยกับลูกด้วยสีหน้าไม่ดีนัก รู้ในทันทีว่าลูกสาวคงออกไปเที่ยวเหมือนเคย
“อะไรนะ งานวันเกิดลูกคุณหญิงสุดาหรือ แล้วจะกลับกี่โมง ทำไมต้องห้าทุ่ม มันดึกเกินไปนะ เราดื่มไวน์หรือเปล่า”
ความกังวลของผู้เป็นพ่อแม่เกิดขึ้นเมื่อรู้ว่าลูกเที่ยวกลางคืนและดื่มไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ผสม เสียงถอนใจดังๆออกจากริมฝีปากรูปกระจับ ใบหน้าหม่นลงอย่างชัดเจน และเอนร่างบึกบึนลงนอนอย่างคนสิ้นแรง ดวงพรรู้สึกหดหู่ใจตามไปด้วย ได้แต่ถามตัวเองว่าเมื่อไรพิมาลาจะเลิกสนุกกับชีวิตกลางคืนและหันมาตั้งใจเรียนเสียที
“พอเราไม่อยู่ก็เป็นเหมือนเดิม ออกเที่ยวไม่เว้นแต่ละคืน เตือนก็ไม่ห้ามปรามเอาไว้บ้าง ทำไมไม่ตั้งใจเรียนเหมือนลูกคนอื่น เกิดมาก็ดีกว่าอีกหลายๆคน”
“อาจจะเป็นช่วงระยะหนึ่งก็ได้ค่ะ”
ดวงพรพยายามปลอบใจสามีไม่ให้คิดมาก ทั้งที่ตัวเองเป็นกังวลต่อความประพฤติของลูก ไม่ต่างจากกันสักเท่าไหร่
รู้ว่านับว่าลูกเริ่มทำตัวห่างจากพ่อแม่ออกไปทุกที ชวนไปออกงานด้วยกันจะไม่ยอมไป ขอเที่ยวกับเพื่อนหรือออกไปตามลำพัง โดยไม่กลัวอันตราย บางครั้งต้องให้ลูกน้องสะกดรอยตาม กลัวว่าจะมีคนคิดไม่ดี