บทที่ 3 จุดเริ่มต้น 1.2
“เอ้า...นี่เงินค่าจ้างของเธอ ส่วนนี่เงินพิเศษ ฉันให้ เพราะเธอทำงานได้ผลดีเกินคาด”
คุณนายเจิดจรัสยื่นเงินสองพันบาทให้กับพิมพิชชา เป็นค่าตอบแทนที่นางได้ว่าจ้างหญิงสาวไปวีนใส่หน้าภรรยาน้อย ที่ขึ้นชื่อว่าปากกรรไกร จนนางเถียงแทบไม่ทัน แต่พอเจอฝีปากของพิมพิชชาเข้าไปก็ถึงกับหงายท้องเถียงไม่ออก ด่ากลับไม่ทัน สะใจคุณนายเจิดจรัสจนไม่เสียดายเงินค่าจ้างเลย
“ขอบคุณค่ะคุณนาย คราวหน้าจะให้ไปด่า ไปวีนเมียน้อยคนไหน บอกพิมนะคะ พิมจัดให้” พิมพิชชาพูดด้วยรอยยิ้ม รีบเก็บเงินใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ทันที ไม่ลืมที่จะเสนอตัวทำงานในครั้งต่อไป
“ฉันว่าคงไม่มีคราวหน้าแล้วล่ะ สามีฉันคงเข็ดไปอีกนาน แต่ถ้ามีรับรองฉันเรียกใช้บริการเธอแน่”
“ค่ะ คุณนาย พิมขอตัวกลับก่อนนะคะ”
พิมพิชชาเดินออกมาจากบ้านคุณนายเจิดจรัสด้วยรอยยิ้ม แนบฝ่ามือตรงกระเป๋ากางเกงที่เก็บเงินไว้ไปตลอดทาง ถ้าหากเธอมีงานอย่างนี้ทุกวัน เงินค่าเทอมของน้องสาวที่ค้างกับทางมหาวิทยาลัยไว้ ต้องหามาจ่ายทันกำหนดก่อนพิมวดีสอบแน่นอน
เดิมทีภาระค่าเล่าเรียนของน้องสาวเป็นความรับผิดชอบของบิดามารดาเธอ แต่ท่านทั้งสองจากสองพี่น้องไปเมื่อสี่ปีก่อน ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่กับพิมพิชชาเพียงคนเดียว ตอนที่บุพการีเสียชีวิต เธอมีอายุเพียงสิบเก้าปีเท่านั้นและกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่สองในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ส่วนน้องสาวอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก พิมพิชชาต้องแบกรับภาระทั้งค่าผ่อนบ้านที่ยังคงเหลืออีกห้าปี ค่ากินอยู่ ค่าเล่าเรียน
เธอจึงเสียสละลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อออกมาหางานทำ หาเงินมาใช้จ่ายภายในบ้าน ส่งเสียน้องสาวให้ได้ร่ำเรียนหนังสือจนถึงทุกวันนี้ งานแรกที่หญิงสาวทำนั้นคือพนักงานในห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีรายได้ไม่มากนัก ไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้จ่ายภายในบ้านที่ต้องใช้เงินแต่ละเดือนร่วมสองหมื่นบาท เพราะแค่ค่าผ่อนบ้านก็ตกเดือนละหนึ่งหมื่นสามพันบาทเข้าไปแล้ว เธอจึงมองหางานพิเศษอย่างอื่นทำ ไม่ว่าจะรับจ้างเป็นพนักงาน ล้างจานในร้านข้าวต้มโต้รุ่ง ร้อยมาลัยขายในวันโกนและวันพระ รับจ้างซักรีดเสื้อผ้า ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
จนกระทั่งเธอมาค้นพบตัวเองกับงานที่เธอทำในปัจจุบันคือการรับจ้างวีนทั่วราชอาณาจักร ไม่ว่าจะให้เธอไปด่าราวีใคร เมียน้อย บรรดากิ๊กทั้งหลาย ลูกหนี้ แม่ค้าปากตลาด ที่ใครด่าไม่ทันแต่เธอสวนกลับชนิดที่แม่ค้าอ้าปากค้างและแม้แต่รับจ้างประท้วง แต่ไม่ใช่ประท้วงทางด้านการเมือง เป็นการเข้าไปเสริมกำลังมากกว่า อย่างเช่นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งกำลังประท้วงเรื่องการขึ้นเงินเดือน พวกแกนนำจะต้องรวบรวมคนให้มากที่สุด พนักงานบางคนไม่กล้าที่จะลุกฮือขึ้นมาประท้วง ทำให้จำนวนคน ที่มาประท้วงไม่มากพอ การว่าจ้างจึงเกิดขึ้น งานนี้รับเหนาะๆ ห้าร้อยบาท พิมพิชชาจึงยึดอาชีพนี้เป็นงานเสริม ส่วนงานหลักก็ไม่ทิ้งแม้ว่าเดือนเดือนหนึ่งรายได้จะน้อยกว่างานเสริมก็ตาม
“ว่าไงยายโน้ต อย่าบอกนะว่าที่แกโทรมาหาฉันเนี่ย จะบอกว่ามาตามนัดไม่ได้”
พิมพิชชากรอกเสียงใส่โทรศัพท์มือถือ หลังจากมันดังหลายครั้ง ระหว่างที่เธอกำลังนั่งรถประจำทางไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“ขอโทษทีนะ พอดีคุณต้อมไม่ค่อยสบายน่ะ ฉันเลยต้องดูแลเขา แกไม่โกรธฉันนะ” เบญจวรรณให้เหตุผลที่ไม่สามารถมาตามนัดได้ พิมพิชชากลอกตาขึ้นสูงคล้ายกับเบื่อหน่ายที่ได้ยินชื่อนี้
“งั้นก็ไม่เป็นไร ฉันไปเอาของคนเดียวก็ได้”
“เย็นนี้ฉันไปหาแกที่บ้านก็แล้วกันนะ”
“อืม เอาอย่างนั้นก็ได้ แค่นี้นะ ฉันจะลงรถเมล์แล้ว”
พิมพิชชาตัดสายทิ้ง ก่อนจะเดินไปที่ประตูรถเมล์เพื่อเตรียมตัวลงในป้ายถัดไป หญิงสาวก้าวเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแล้วเดินตรงไปยังร้านรับสกรีนภาพถ่ายลงบนเสื้อ หรือสิ่งของต่างๆ ตามแต่ลูกค้าจะสั่ง
“มารับปลอกหมอนที่สั่งสกรีนไว้ค่ะ”
พิมพิชชายื่นใบรับสินค้าให้เจ้าหน้าที่ของร้าน เธอยืนรอสักครู่ พนักงานคนนั้นก็กลับมาที่เคาน์เตอร์พร้อมกับปลอกหมอนที่เธอสั่งทำไว้ สาวร่างเล็กตรวจดูความเรียบร้อยของสินค้าที่สั่งทำ รอยยิ้มสวยประทับบนใบหน้า เมื่อมองเห็นภาพของนายแบบหนุ่มรูปงามนามเพราะ เจ้าของดวงตาสีฟ้าคู่นั้น คู่ที่สะกดให้เธอเคลิบเคลิ้มได้ในครั้งแรกที่เห็น อยู่บนปลอกหมอนสีขาว รวมทั้งปลอกหมอนข้างที่พิมพิชชาสั่งทำไว้ คืนนี้แหละเธอจะได้นอนกอดนายแบบหนุ่มคนนี้เสียที
“เรียบร้อยนะคะ” พนักงานเอ่ยถามเมื่อเห็นพิมพิชชาจ้องมองรูปภาพที่สกรีนบนปลอกหมอนนิ่ง เหมือนถูกมนตร์สะกดอย่างไรอย่างนั้น
“ค่ะ เรียบร้อยค่ะ” พิมพิชชาเอ่ยตอบหลังจากที่เมื่อครู่เธอหลงเคลิ้มไปกับดวงตาสีฟ้าคู่สวยของนายแบบหนุ่ม ระหว่างที่เธอพับปลอกหมอนหนุนศีรษะและหมอนข้าง ลูกค้าสาวสองคนก็เดินเข้ามาในร้านมาหยุดยืนใกล้ๆ กับเธอ พิมพิชชาจะไม่สนใจสองสาวคู่นั้นเลย หากหัวข้อสนทนาไม่ใช่ เดวิส แคนดี้ นายแบบหนุ่มแห่งเกาะอังกฤษขวัญใจสาวๆ
“ฉันกะว่าจะสั่งซื้ออัลบั้มรูปของเดวิส แคนดี้สักหน่อย เขาเปิดจองทางอินเทอร์เน็ตแล้วนะ” สาวร่างเล็กพูดกับเพื่อนร่างอวบ
“อ้าว ไหนบอกว่าเปิดจองเดือนหน้าไง”
“เขาเลื่อนกำหนดการณ์น่ะ จัดโปรโมชั่นพิเศษด้วย ซื้ออัลบั้มแถมลายเซ็น ยังไม่พอ เดือนหน้าเป็นวันเกิดของเดวิสสุดหล่อของฉัน ข่าววงในเขาว่ากันว่าเดวิสจะเดินทางมาเมืองไทย พิเศษสุดๆ ด้วยการฉลองวันเกิดกับหนึ่งผู้โชคดีที่สั่งซื้ออัลบั้มรูป โดยจะสุ่มจากหมายเลขสั่งซื้อ ไปฉลองกันที่โรงแรมหรูที่สุดในกระบี่เชียวนะ โรแมนติกสุดๆ ฉันก็เลยต้องรีบไปสั่งจอง เขามีจำนวนจำกัดด้วยนะแก เผื่อฉันจะเป็นคนโชคดีคนนั้น ดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับเทพบุตรของฉัน แค่คิดฉันก็แทบบ้าแล้ว”
สาวร่างเล็กพูดกับเพื่อนสาวร่างอวบ แทนที่สาวร่างอวบจะตื่นเต้นกับเรื่องที่ได้ยิน กลายเป็นพิมพิชชาต่างหากที่หูผึ่ง คิดในใจว่าทำไมเธอพลาดเรื่องนี้ไปได้
“เขาเปิดจองกันที่ไหนเหรอคะ พอดีฉันเป็นแฟนคลับของเขาเหมือน กันค่ะ” พิมพิชชาถามสาวร่างเล็กด้วยความสนใจ อะไรที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเดวิส นายแบบหนุ่ม เธอสนใจหมด
“อ๋อ เขาจองที่เว็บไซต์นี้นะคะ เป็นเว็บไซต์ส่วนตัวของเขามีห้องสนทนาด้วยนะคะ เดี๋ยวฉันจะจดชื่อเว็บไซต์ให้นะ ว่าแต่คุณชื่นชอบเขา แต่ทำไมไม่รู้เรื่องนี้ล่ะ” สาวร่างเล็กอดที่จะถามไม่ได้ ถ้าบอกว่าเป็นแฟนคลับก็น่าจะรู้เรื่องนี้
“พอดีคอมพิวเตอร์ที่บ้านเสียน่ะค่ะ ฉันเลยไม่ได้ติดตามข่าวของเดวิสมาเป็นอาทิตย์แล้ว เลยไม่รู้เรื่องนี้”
พิมพิชชาตอบตามความจริง คอมพิวเตอร์รุ่นลายครามของเธอไม่รักดี ใจเสาะเกิดเสียขึ้นมา ต้องยกไปซ่อมที่ร้านประจำ เจ้าของร้านตรวจดูอาการแล้วถึงกับส่ายหน้า แล้วบอกกับเธอว่ามันเกินจะเยียวยาให้ซื้อใหม่จะดีกว่า ทำให้เธอไม่ได้ติดข่าวและ ยลโฉมพ่อหนุ่มรูปงามเดวิส แคนดี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ ครั้นจะไปพึ่งร้านอินเทอร์เน็ตก็ไม่ถนัด เพราะตอนที่เธอมองภาพนายแบบหนุ่มในจอคอมพิวเตอร์ พิมพิชชาจะมีอาการกระดี๊กระด๊า กรีดร้องกรี๊ดกร๊าดกับหน้าตาหล่อเหลา ดวงตามีเสน่ห์ ร่างกายบึกบึน ท่าโพสต์แต่ละท่าที่ทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกไหว กิริยาท่าทางของเขาทำให้เธอใจละลายเสมอ แต่ถ้าเธอไปใช้บริการที่ร้านดังกล่าว อาการทุกอย่างที่กล่าวมาก่อนหน้าพิมพิชชาจะทำไม่ได้เลย เธอต้องสงบเสงี่ยมมองดูแต่ภาพเท่านั้น มันอึดอัดเกินกว่าที่เธอจะรับได้ เธอจึงไม่ไปดีกว่า
“นี่ค่ะ ชื่อเว็บไซต์ที่เขาเปิดสั่งจอง รีบๆ หน่อยนะคะ เพราะมันมีจำนวนจำกัด”
สาวร่างเล็กยื่นกระดาษโน้ตที่จดชื่อเว็บไซต์ให้อีกฝ่าย พิมพิชชายิ้มเมื่อยื่นมือมารับกระดาษแผ่นนั้น
“ขอบคุณมากค่ะ ว่าแต่อัลบั้มรูปที่ว่านี้มันราคาเท่าไหร่คะ”
“ราคาเจ็ดพันห้าร้อยบาทค่ะ มีภาพของเดวิสหนึ่งร้อยห้าสิบภาพ เป็นภาพตั้งแต่ครั้งแรกที่ถ่ายแบบจนถึงปัจจุบันค่ะ”
พิมพิชชาถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินราคาของอัลบั้มรูป เจ็ดพันห้าร้อยบาท ทำไมราคามันแพงแสนแพงอย่างนี้ แต่พอคิดถึงเหตุผลที่มันมีราคาแพง ทำให้เธอเกิดอยากได้ขึ้นมาใจแทบขาด ฝันหวานไปไกลว่าได้ดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับเดวิส ได้สบตา ได้มองเขาใกล้ๆ ป้อนอาหารให้เขา
โอ๊ย...แค่คิดเธอก็กรีดร้องอยู่ในใจ ความอยากได้จึงมีมากขึ้นไปอีก แต่พอนึกถึงราคาของมันใจก็ห่อเหี่ยวในบัดดล หญิงสาวถอนใจ ก่อนเดินออกจากร้านไปด้วยอาการเหม่อลอย ครุ่นคิดเรื่องนี้ไปตลอดทาง