บทที่ 2 จุดเริ่มต้น 1.1
ติณณพัฒน์อยากจะเอาหัวโหม่งกำแพงตาย อาหนุ่มของเขาคิดได้ยังไงเนี่ย เขาไม่ใช่พวกจิตสับสนเสียหน่อย จึงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหญิงหรือชาย
“อาตุลย์ครับ ผมเป็นผู้ชาย ชอบผู้หญิง มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงครับ ไม่ได้มีจิตใจเบี่ยงเบนอย่างที่อาตุลย์กับน้าพั้พท์พูดเลย” ติณณพัฒน์อธิบายให้ทุกคนได้รับฟังอย่างชัดเจน สีหน้าและน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจเต็มที่
“อย่าไปว่าลูกต้นเลย พั้นช์ไม่มีวาสนาเองแหละ ไม่มีวาสนาได้อุ้มหลานที่เกิดจากลูกชายคนโต ฮือ พั้นช์ไม่มีวาสนาเองค่ะ อย่าไปว่าลูกต้นเลย ฮือ”
จณิสตาพูดทั้งน้ำตา โดยมีสามีคอยเช็ดน้ำตาให้ตลอดเวลา การบีบคั้นในครั้งนี้ทำให้ลูกชายคนโตถึงกับอึ้ง ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นมานั่งบีบน้ำตาให้เขาสงสารและเห็นใจ เขาจะเดินหนีทันที แต่นี่คนที่ร้องไห้คือมารดาของเขา ติณณพัฒน์ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เลย ติณณ์เริ่มมองเห็นเขาของความสำเร็จ มองเห็นความลังเลของลูกชายจึงพูดเสริมไปบ้าง เพื่อให้ติณณพัฒน์ตัดสินใจได้เร็วขึ้น
“ต้นไม่สงสารแม่บ้างเลยเหรอลูก ดูสิ แม่เขาทุกข์มากจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ ต้นทำเพื่อแม่ไม่ได้หรือไง แค่หาผู้หญิงที่ลูกถูกใจมาแต่งงานด้วย แค่นี้แม่เขาก็ดีใจแล้ว” ติณณ์พูดเสียงเข้ม น้ำเสียงคล้ายไม่พอใจลูกชาย
“นั่นสิหลานต้น ถ้าไม่ได้ชอบไม้ป่าเดียวกันแค่มีเมียคงไม่เกินความสามารถของหลานต้นแน่ๆ” ลลิตาเอ่ยสำทับอีกแรงหนึ่ง
“โอเคครับ โอเค ผมจะหาผู้หญิงมาเป็นสะใภ้คุณแม่ให้เร็วที่สุด แล้วจะรีบผลิตหลานมาให้คุณแม่อุ้มเร็วๆ ทุกคนจะได้รู้ว่าผมแมนทั้งแท่ง น้ำยาก็ดียิงครั้งเดียวได้แฝดห้า” ติณณพัฒน์พูดอย่างยอมแพ้แกมประชดประชัน
จณิสตาที่นอนหันหลังให้ลูกชายยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำพูดของเขา แต่ต้องสงวนท่าทางดีใจเอาไว้เพราะไม่อยากให้แผนเสีย
“พ่อดีใจนะที่ได้ยินต้นพูดแบบนี้ ลูกก็อายุมากแล้ว พ่อกับแม่ก็แก่ลงทุกวัน ไม่รู้ว่าจะได้ดูหลานๆ เติบโตถึงอายุเท่าไหร่ เป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องหาเมียให้ได้ภายในหนึ่งเดือน แล้วก็ทำให้เมียของต้นตั้งท้องให้ได้ภายในสองเดือน ตกลงตามนี้นะ” ผู้เป็นพ่อพูดเรื่อยๆ เหมือนไม่เดือดร้อนกับคำพูดที่พูดออกมา แต่คนที่ฟังต่างหากที่เดือดร้อน จนร้องเสียงหลง
“หา! อะไรนะครับคุณพ่อ หนึ่งเดือนต้องหาเมียให้ได้สองเดือนต้องทำให้เมียท้อง หาแม่ของลูกนะครับไม่ใช่หาซื้อผักในตลาดที่เห็นกองไหน สดๆ สวยๆ ก็เลือกซื้อมา ของอย่างนี้มันต้องดูให้ลึกต้องมองให้นาน มันถึงจะได้ของดีของที่สดจริงๆ สวยแบบปลอดสารพิษ” ติณณพัฒน์รีบโต้ทันควัน
“ที่พ่อเร่งรัดเพราะแม่ต่างหาก ต้นดูแม่สิดูว่าแม่ป่วยหนักขนาดไหน หมอบอกว่าไม่รู้จะจากไปตอนไหน ถ้าลูกไม่รีบตอนนี้แล้วจะไปรีบตอนไหน อาการป่วยของแม่ไม่รอให้ต้นเลือกผู้หญิงได้นานเป็นปีสองปีหรอกนะ ไม่รู้ล่ะ ถ้าลูกหาเมียไม่ได้ พ่อจะหาให้เอง พ่อจะให้ลูกแต่งงานกับหนูเง็กซึม”
เง็กซึมคือลูกสาวเพื่อนสนิทของติณณ์ที่คบหากันมาตั้งแต่วัยรุ่น ติณณ์มีความตั้งใจไว้ว่าหากติณณพัฒน์ยังหาคู่ครองด้วยตัวเองไม่ได้ เขาจะให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวของเสี่ยเกษมศักดิ์ แซ่หวัง
“หา! ให้แต่งงานกับเง็กซึม ไม่เอาหรอก ผมไม่แต่งหรอก คนอะไรก็ไม่รู้ร้องไห้ได้ทุกวี่ทุกวัน ร้องมันได้ทุกสถานการณ์ มดกัด เสี้ยนตำมือก็ยังร้อง ดูละครก็ร้องไห้ ฟังเพลงเศร้าก็น้ำตาซึม สมแล้วที่ถูกเรียกว่าเง็กซึม ซึมเศร้าไปตลอดชีวิต ถ้าขืนผมแต่งงานกับคุณหนูจอมเศร้าคนนี้ มีหวังชีวิตผมต้องมืดหม่นแน่ๆ ไม่เอาด้วยหรอกครับ บรื๋อ แค่คิดก็ขนลุก”
ติณณพัฒน์รู้สึกขนหัวลุก ปวดศีรษะขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อของลูกสาวตระกูลหวัง นามว่าหยกแก้ว แซ่หวัง ที่มาของคำว่า เง็กซึม นั้นมาจากชื่อเล่นของหยกแก้ว หยก ภาษาจีนเรียกว่า ‘เง็ก’ ส่วน ‘ซึม’ มาจากอาการซึมเศร้าเจ้าน้ำตาของเธอ จึงถูกเรียกติดปากว่าเง็กซึม
เขารู้จักหยกแก้วมาตั้งแต่เธอยังเด็ก ยังจำภาพของเด็กหญิงผิวขาวจัด ถักเปียสองข้าง ขี้แยมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา ครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นเธอคือตอนที่ไปส่งหยกแก้วไปเรียนต่อที่สนามบิน จนกระทั่งถึงวันนี้ก็เจ็ดปีแล้ว จากกันนานขนาดนี้ยังตามมาหลอกหลอนเขาอีกหรือนี่
“ถ้าลูกไม่อยากแต่งงานกับหนูเง็กซึม ลูกก็ต้องหาเมียให้ได้ในเวลาที่พ่อกำหนด พ่ออยากให้แม่เห็นหน้าหลานไวๆ หรือว่าต้นอยากเห็นแม่ตาย” เจอคำพูดนี้เข้า ติณณพัฒน์ถึงกับพูดไม่ออก เถียงไม่ได้ ชีวิตของมารดาอยู่ในมือของเขา ถ้าไม่อยากให้มารดาต้องตรอมใจตาย เขาต้องหาภรรยาเร็วๆ
“คุณติณณ์คะ อย่าไปบังคับลูกอย่างนั้นเลยค่ะ พั้นช์ไม่อยากให้คุณติณณ์เอาชีวิตของพั้นช์ไปกดดันลูก ลูกต้น ลูกต้น”
จณิสตาเรียกชื่อลูกชาย ก่อนจะหันมาหาติณณพัฒน์ที่ตอนนี้นั่งอยู่ริมเตียง มือบางยกขึ้นแนบแก้มของลูกชายติณณพัฒน์ยกมือขึ้นทาบทับมือของมารดา มองดวงหน้าของจณิสตานิ่ง ความรู้สึกผิดและความสงสารวิ่งเข้ามาในหัวใจ
“ลูกต้น ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรนะลูก แม่ไม่ว่า แม่มันบุญน้อยเอง แม่ไม่อยากกดดันลูก” นางพูดเสียงเครือสั่น น้ำตาคลอ
“ไม่หรอกครับแม่ ผมจะแต่งงานภายในหนึ่งเดือนครับ แล้วก็จะรีบมีหลานให้คุณแม่ภายในสองเดือน รับรองน้ำยาของผมดีกว่าคุณพ่อแน่นอนครับ คุณพ่อกว่าจะมีผมกับน้องๆ ใช้เวลาตั้งหลายปี คอยดูผมนะครับ รวดเร็วทันใจปานติดจรวดแน่ครับ”
ติณณพัฒน์พูดความจริงโดยไม่มีเจตนาว่ากระทบบิดาเลย เขา เพียงแต่พูดให้มารดาเกิดรอยยิ้มบ้างก็เท่านั้น แต่พอเหลือบสายตาไปมองใบหน้าของบิดา ติณณพัฒน์ยิ้มแหยทันทีเพราะติณณ์ส่งสายตาดุๆ มาให้เขา
“แม่ดีใจที่ลูกต้นคิดได้อย่างนี้ ไปเถอะลูก ไปหาสะใภ้ให้แม่ ไม่ต้อง ห่วงแม่นะ แม่จะเข้มแข็ง จะอยู่เพื่อรอดูหน้าหลาน” จณิสตาพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครับคุณแม่ คุณแม่ต้องทานข้าวเยอะๆ อย่าคิดมากนะครับ ระดับผมแล้วเรื่องหาเมียเรื่องจิ๊บๆ ผมจะกลับมาอยู่ที่บ้าน จะได้ดูแลคุณแม่ด้วย”
“จ้ะ คนเก่งของแม่”
“ผมไปก่อนนะครับคุณแม่ คุณพ่อ คุณน้า คุณอา” ติณณพัฒน์หอมแก้มมารดาทั้งสองข้าง ก่อนจะพนมมือไหว้บุพการี ลลิตาและตุลา จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องเพื่อไปปฏิบัติภารกิจสำคัญ หาเมียหาแม่ของลูก
“ไชโย แผนของพั้พท์ได้ผลด้วย”
ลลิตาตะโกนออกมาด้วยความดีใจ หลังจากเดินไปปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้ว แผนนี้เป็นแผนการของลลิตา นางคบคิดหาวิธีให้ชายหนุ่มรักสนุก หวงชีวิตโสดอย่างติณณพัฒน์ยอมหาผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ครองอยู่ กันจนแก่เฒ่า ในบรรดาลูกๆ ของพี่สาว มีเพียงติณณพัฒน์เท่านั้นที่ยังไม่มีคู่ครอง แล้วไม่มีทีท่าว่าจะมีด้วย ส่วนลูกๆ อีกสามคนของพี่สาวแต่งงาน มีครอบครัวตั้งแต่อายุไม่ถึงสามสิบปี มีหลานให้พี่สาวของนางได้เชยชมไปแล้ว มีแต่ติณณพัฒน์ลูกคนโปรดเท่านั้นที่ยังไม่มี ทุกคนก็เลยต้องหาแรงกระตุ้นให้ และมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่พอจะมองเห็นความสำเร็จ ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ เสียด้วย
“แต่พั้นช์สงสารลูกต้น ดูสีหน้าไม่ดีเลย สงสัยป่านนี้ต้องกลุ้มใจอยู่แน่ๆ” แม้ว่าแผนจะสำเร็จ ติณณพัฒน์ยอมทำตามความต้องการของนาง แต่พอจณิสตาเห็นหน้าของลูกชายคนโต คนเป็นแม่ก็จิตใจห่อเหี่ยวไปด้วย
“พั้นช์ครับ เราไม่ได้ทำร้ายลูกนี่ ที่เราทุกคนทำไปทั้งหมดเพราะอยากให้ลูกต้นมีชีวิตที่สมบูรณ์ มีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ใช่ลอยไปลอยมา เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เจ้าชู้ไปวันๆ อย่างที่เป็นอยู่” ติณณ์ให้เหตุผล จณิสตารู้สึกดีขึ้นเมื่อคิดตามคำพูดของสามี
“คุณติณณ์จะให้ลูกต้นแต่งงานกับหนูหยกจริงๆ เหรอคะ” มีเพียงจณิสตาเท่านั้นที่เรียกหยกแก้วว่าหนูหยก คนอื่นๆ จะเรียกว่าเง็กซึม ตามเกษมศักดิ์บิดาของหยกแก้ว
“ถ้าต้นหาไม่ได้จริงๆ คุณติณณ์ก็จะให้ต้นแต่งงานกับเง็กซึม” เขาตั้งใจไว้อย่างนั้น แต่เขาจะรอ รอจนกว่าจะถึงกำหนดเส้นตาย
“ลูกต้นบอกว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พั้นช์ไม่ต้องนอนป่วยพะงาบๆ บนเตียงไปตลอดเหรอคะ” จณิสตาพูดขึ้นเมื่อนึกถึงคำพูดของลูกชาย
“เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะพี่พั้นช์ เดี๋ยวพั้พท์จะโทรไปบอกหลานต้นเองว่าไม่ต้องกลับมาอยู่ที่นี่ ให้หาเมียให้ได้ก่อนแล้วค่อยกลับมา จะได้พาว่าที่เมียในอนาคตมาด้วย เพราะถ้ากลับมามือเปล่าประเดี๋ยวอาการของพี่พั้นช์ก็จะกำเริบ” ลลิตาเป็นคนเสนอตัวสกัดไม่ให้ติณณพัฒน์กลับมาบ้าน ให้อยู่ที่คอนโดฯ จนกว่าจะหาภรรยาได้แค่นี้พี่สาวของเธอก็ไม่ต้องแสดงละครอีกต่อไป
“แหม คุณติณณ์ว่าไหมคะ นับวันพั้พท์ยิ่งมากแผนการขึ้นไปทุกวัน ทำให้หลานต้นยอมหาเมียแล้ว ก็คิดวิธีให้ต้อมหาเมียบ้างสิ รายนั้นนะยากพอๆ กับหลานต้นเลยนะ” ต้อมหรือตุลาการ คือลูกชายคนเล็กของตุลากับลลิตา ผู้มีนิสัยเหมือนติณณพัฒน์ไม่มีผิด แต่เหตุผลนั้นต่างกัน ตุลาการรอการกลับมาของกชกร หญิงสาวที่ตุลาการปักใจรัก ไม่มองผู้หญิงคนไหนเลย ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของตุลาการเป็นได้แค่ดอกไม้ริม ทางเท่านั้น
“พั้พท์กำลังหาวิธีอยู่ค่ะ แต่รับรองไม่รอดมือพั้พท์แน่”
ลลิตาเป็นห่วงลูกชายคนสุดท้องมากที่สุด ตุลาการเป็นคนรักแรงเกลียดแรง ลองได้ปักใจรักใครแล้ว จะไม่ถอนสลักรักเด็ดขาด เวลาผ่านไปแปดปีแล้ว แต่ตุลาการยังไม่ลืมรักแรกของตัวเอง และรอคอยรักนั้นกลับคืนมา ลลิตาจึงต้องวางแผนให้แนบเนียนและรัดกุม เพราะถ้าพลาดแล้วนางจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สอง