13 อาเขยลวนลาม
ในที่สุดกฤษณาก็ได้ตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกจัดซื้อ ซึ่งทำให้เธอกร่างไม่กลัวใคร และให้คมเวทย์กับเคนนี่มาทำงานด้วยกัน แต่ละคนพยายามที่จะยักยอกเงินสุดฤทธิ์ แต่ทำไม่สะดวกเพราะฝ่ายบัญชีของทนายเทพคอยกันเอาไว้
กฤษณากับสามีโกรธมากที่ไม่ได้ผลประโยชน์ เธอจึงหันมาเล่นงานมาริสาแทน โดยแอบซุ่มดูความประพฤติของสามีเห็นว่าเขาเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน แล้วโอบข้างหลังมาริสาที่อยู่ในชุดคลุม หญิงสาวสะดุ้งหันมามองทำท่าตกใจ
สาวใหญ่ทำเป็นใจเย็นไม่ปรากฏตัว รอโอกาสเหมาะๆ ที่จะเล่นงานหลานสาวให้สมแค้นที่ไม่มอบตำแหน่งใหญ่โตให้ และหาทางกำจัดให้พ้นไปจากบ้านหลังนี้ เธอคิดว่าโอกาสดีๆ กำลังมาถึงแล้ว แค่เพียงเล่นให้สมบทบาทเท่านั้น
“อุ๊ย! อาคมเวทย์ ปล่อยค่ะ”
หญิงสาวพยายามแกะมืออาเขยออกสุดกำลัง เวลานั้นเธอกลัวว่าจะพลาดเสียที ซึ่งเป็นเรื่องอัปยศที่สุดในชีวิต แต่เขากลับรัดแน่น ซ้ำร้ายกว่านั้นปลายจมูกจูบซุกไซ้บริเวณแก้ม หญิงสาวตกใจต่อสู้สุดชีวิต ยกเท้ากระแทกลงบนหลังเท้าเขาเต็มแรง
“นี่แน่ะ คนฉวยโอกาส”
“โอ๊ย หนูริสาทำอาทำไม”
เขาตกใจ มองหญิงสาวอย่างไม่เชื่อสายตาว่าจะกล้าทำอย่างนี้ และก็เห็นสายตาเด็ดเดี่ยวซึ่งเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ อย่าลืมสิคะว่าริสาเป็นหลานอาณา เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ และออกค่าใช้จ่ายของทุกคนในบ้านทั้งหมด”
“ไม่ต้องย้ำหรอกน่าว่าเลี้ยงอาน่ะ”
หนุ่มใหญ่ทำเสียงไม่พอใจ มองหน้าเธอด้วยสายตาขุ่นเขียว
“แล้วมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าละคะ อาคมเวทย์ทำอย่างนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติริสาเลย”
หญิงสาวพูดทั้งน้ำตาคลอใบหน้าด้วยความเสียใจที่ผู้อาศัยในบ้านจ้องปลุกปล้ำ ทำให้เธอมีอคติกับผู้ชายว่าเลวเกือบทุกคน
“แต่อามีความจริงใจกับหนูริสาจริงๆ นะ ไม่เชื่อใช่ไหม อาจะพิสูจน์ให้ริสาดูว่าผู้ชายแก่ๆ คนนี้พูดจริงทำจริง”
คมเวทย์อาศัยทีเผลอ เมื่อเห็นมาริสาร้องไห้ โผร่างใหญ่เข้าไปกอดอีกครั้ง หญิงสาวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเขาทำท่าจะจูบ ทว่า...
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณคมเวทย์”
เสียงประกาศิตที่ทำให้หนุ่มใหญ่สะดุ้ง หน้าซีดเผือด ปล่อยร่างมาริสาทันที แล้วหันไปมองกฤษณาด้วยใบหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
ขณะที่มาริสาดีใจสุดขีด เหมือนถูกดึงให้ขึ้นจากขุมนรก แต่คำพูดของหนุ่มใหญ่ แก้ตัวเพื่อให้พ้นผิด ทำให้เธอโกรธจนแทบจะเอาปลายเล็บข่วนหน้าให้แหกเสียเดี๋ยวนั้น
“คุณกฤษณา ไม่มีอะไร แค่อากับหลานหยอกกันเท่านั้น”
“ไม่จริงค่ะอาณา อาคมเวทย์เขาลวนลามริสา”
มาริสาฟ้องผู้เป็นอาทันที หวังว่าจะได้รับความเห็นใจ และลงโทษคมเวทย์ให้เข็ดหลาบ แต่กลับถูกจ้องหน้าด้วยสายตาไม่พอใจ
“ริสา...อาบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้เห็นแบบนี้อีก แต่ก็ยังจะทำ ริสาเห็นทีว่าเราคงจะต้องเด็ดขาดกันเสียทีแล้วมั้ง”
“อาณา ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจนะคะ”
หญิงสาวพยายามชี้แจงว่าไม่ได้เต็มใจให้อาเขยกอดจูบ แต่เธอถูกกระชากแขนเต็มแรงจนร่างบางปลิว คมเวทย์หลับตาปี๋ รู้ถึงฤทธิ์รักแรงหึงของภรรยาดี เขาได้แต่โมโหตัวเองไม่น่าที่จะผลีผลามบุกหลานภรรยาแบบนี้เลย
“คุณณาครับ ฟังผมก่อน”
“คุณหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วกลับเข้าห้อง ฉันจะชำระความทีละคน คุณไปได้แล้ว ส่วนยายริสานั่งตรงนี้”
มาริสาเจ็บปลาบเมื่อถูกผลักให้นั่งลงบนเก้าอี้เหล็ก หน้าแข้งกระแทกกับขาเก้าอี้อย่างจัง แต่เธอฝืนความเจ็บปวดเอาไว้ และมองคมเวทย์ที่ก้าวเร็วๆ ออกไป
“อาคมเวทย์ปล้ำริสาค่ะ”
“ถ้าเธอไม่ยั่ว ไม่ให้ท่าผู้ชายที่ไหนจะกล้าทำอย่างนั้น อาเสียใจจริงๆ ที่เธอไม่ทำตามคำพูด เผลอไม่ได้จะใช้ผัวคนเดียวกันแล้ว”
“อาณาเข้าใจผิดแล้วค่ะ”
“อย่ามาทำเป็นตีหน้าใสซื่อหน่อยเลย อารู้เช่นเห็นชาติเธอแล้ว เห็นนิ่งๆ อย่างนี้ฟาดเรียบ ทั้งอาทั้งหลาน เมื่อคืนก่อนก็พาเคนนี่ไปนอนในห้อง ทำไมเธอถึงร่านนัก”
“อาณา กล่าวหาอย่างนี้ริสาเสียหายนะคะ”
มาริสาร้องไห้ น้ำตาไหลพราก เธอไม่อยู่ให้คนใจร้ายใช้วาจาหยาบคายให้เจ็บปวดอีกแล้ว หญิงสาววิ่งหนีไปจากตรงนั้นด้วยความเสียใจ และรู้ว่ากฤษณาจงใจหาเรื่องด่าเธอให้มีแต่ความทุกข์ ซึ่งแต่ละข้อกล่าวหาเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต เธอไม่อยากเห็นหน้าคนพวกนี้อีกต่อไป