บทที่3. ต้อนลูกแกะเข้าคอก 2/3
ทิชา แม่สาวเสิร์ฟร่างแคระที่เจอเมื่อคืนก่อน คาร์ลรู้สึกได้เอง เจ้านายของเขากำลังสนใจหล่อนเป็นพิเศษ
ก่อนที่ใครจะทันได้คิด ประตูด้านที่แม็กซิมัสนั่งก็เปิดผ่าง!
กรอบประตูกระแทกจักรยานที่จอดนิ่งๆ และมันเป็นเหตุสุดวิสัยเมื่อคนปั่นจักรยานคันนั้นไม่ได้ปักหลักให้แน่นหนาอะไรเลย หล่อนคร่อมจักรยาน ใช้ขาดันพื้นไว้เฉยๆ รถจักรยานคันเก่าๆ จึงเอียงกระเท่เล่ และล้มลงไปบนพื้นในที่สุด
“โอ้ย!”
เหล็กบางๆ แต่แรงกระแทกไม่เบาสักนิด ทำให้ทิชาเจ็บตัวไม่น้อย
หลังตั้งสติได้ หญิงสาวดันจักรยานที่ล้มทับตัวไว้ขึ้น พยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล เจ็บแปลบที่หัวเข่า เมื่อก้มมองจึงเห็นรอยแผลถลอกที่มีเลือดซึมออกมาตรงหัวเข่า เนื่องจากกางเกงยีนส์ช่วงนั้นมีรอยขาด เนื้อของเธอจึงเสียดสีกับผิวคอนกรีตของท้องถนนจนเกิดรอยแผลที่มาพร้อมเลือด
“คุณเปิดประตูไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนะ!”
เสียงแหวแหลมปรี๊ด! ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำ ทิชาเขย่าประตูด้านข้าง ตำแหน่งที่คนในรถยนต์คันนั้นเปิดออกมาจนทำให้เธอเจ็บตัว
มุมปากสีเข้มมีรอยยิ้มเยาะ เขาเตรียมจะเปิดประตูลงไปเจรจา แต่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวเสียก่อน
ทิชากัดฟันกรอดๆ มองตามท้ายรถจนต์หรูที่ทำให้ตนเองเจ็บตัวด้วยสายตาขึ้งโกรธ
เธอเข็นจักรยานเข้าแอบชิดริมถนน “ขับรถแพ๊งแพง แต่ไม่มีน้ำใจเลย!! คนอะไรวะ” หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่ง สูดปากเบาๆ เมื่อแผลสดที่เกิดขึ้นตอนที่ขยับตัวมันจึงส่งผลให้เกิดอาการเจ็บ “อูยยย ซวยอะไรแต่เช้าเลยฉัน!”
ทิชาควานหาผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเป้สะพายหลัง เธอใช้ผ้าชุ่มน้ำแตะเบาๆ กับรอยแผลเพื่อทำความสะอาดและซับเลือดที่ไหลซึมออกมา “ซี๊ดดดดด เจ็บเหมือนกันแฮะ!” หญิงสาวบ่นพึมพำ สนใจแต่ตัวเอง ไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงรอบตัว
เงาดำๆ บังแสงแดดยามสาย ทิชาเหลือบตามองปลายรองเท้าหนังดำเป็นมันตรงหน้า
เธอกำลังจะเงยหน้ามอง แต่...ใครก็ไม่รู้รั้งให้เธอยืนขึ้น โดยไม่ได้สนเลยว่าเธออยู่ในสภาพไม่พร้อมแค่ไหน!! จน ทิชาแทบกระเด็นจักรยานเจ้ากรรมที่พิงไว้หมิ่นๆ ล้มโครมลงไปอีกครั้ง หญิงสาวผวา! เธอเขย่งปลายเท้าเลยทำท่าจะล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง ในขณะที่คน คนนั้นเร็วมากพอที่จะตวัดวงแขนล่ำสันรัดร่างของเธอเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มหน้าคมำลงไปบนพื้นคอนกรีตซ้ำ
วงหน้าเล็กๆ เอนซบแผ่นอกกว้าง มือใหญ่โอบรัดอยู่ที่รอบเอวของเธออย่างวิสาสะ
ทิชาย่นปลายจมูก กลิ่นอาฟเตอเชฟเข้มข้นโชยอยู่รอบคนตัวใหญ่ มันมีกลิ่นความแข็งแกร่งและแฝงไว้ด้วยความเซ็กซี่ที่ทำให้ทิชารู้สึกมึนเมาอย่างไม่มีเหตุผล
หญิงสาวเงยหน้ามองคนโอบ ตาพร่าไปชั่วขณะ เมื่อใบหน้าคมเข้มนั่นก้มต่ำลงมา และกำลังจ้องมองมาที่เธอเช่นกัน
“เธอนี่ ทั้งโง่! แล้วก็ซุ่มซ่ามวายร้าย”
เสียงติดดุบ่นเบาๆ ทิชาชักฉุน เธอนั่งอยู่ดีๆ เขาต่างหากที่เดินเข้ามาฉุดกระชากเธอ ทำให้เธอเจ็บตัวมากขึ้น ที่สำคัญเขาเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาตำหนิเธอ
“ฉันไม่ได้โง่ค่ะ คุณลองคิดดีๆ ใครกันแน่ที่โง่”
หญิงสาวเถียงเสียงขุ่น ยกมือดันแผ่นอกหนาหนั่นตรงหน้า พยายามขืนตัวออกห่าง แต่คนตัวใหญ่ไม่ยอม แม็กซิมัสเกร็งตัวกดมือกับสะโพกของทิชาหนักขึ้น เขาแสยะยิ้ม พร้อมทั้งโน้มใบหน้าลงมาอีกนิด จนปลายจมูกของเขาเกือบชนหน้าผากของเธอ
“ผมก็ไม่ใช่คนโง่ คนที่เซ่อน่ะคือเธอยัยตัวเล็ก!”
“เอะ!” ทิชามองแม็กซิมัสตาขวาง เธอกัดริมฝีปากล่างแรงๆ
แต่คนบ้าที่แข็งแรงกว่ายื่นปลายนิ้วมากดริมฝีปากเธอไว้ แถมยังเกลี่ยปลายนิ้วไปมาบนริมฝีปากของเธอจนเธอรู้สึกแปลกๆ
“ที่ดีที่สุดในตัวเธอก็คงเป็นปากนี่แหละ จะกัดปากทำไม ช้ำพอดี”
สายตาอ่อนเชื่อมมองที่กลีบปากอิ่ม เขากดปลายนิ้วแรงขึ้นจนทิชาเลิกกัดปากตนเองในที่สุด หล่อนโก่งตัวจนแผ่นหลังแอ่น การที่หล่อนทำแบบนั้นเพราะอยากให้ใบหน้าตนเองขยับห่างจากหน้าของเขา แต่กลับเป็นการดันส่วนอื่นให้แนบชิดกับแผ่นอกเขามากขึ้น แม็กซิมัสสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นใต้เสื้อยืดแขนยาวสีน้ำตาลไหม้ เนินอกขนาดไม่เล็กเลยหากเทียบกับขนาดเรือนกาย ทรวงอกแตกผลินั่น ใหญ่จนเขาอยากสัมผัสด้วยมือตนเอง
แม็กซิมัสทำได้แค่คิด หากเขายื่นมือไปจับเนินทรวงของหล่อนเข้าตอนนี้
ยัยตัวเล็กที่ทำท่าขู่ฟ่อๆ เหมือนแมวเหมียวนี่ คงได้ตะกุยใบหน้าเขา เป็นการเอาคืนอย่างแน่นอน
ทิชาได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง มันดังตึกๆ ตักๆ
เธอเงี่ยหูฟังจนได้ยินเสียงนั่นชัดขึ้น เสียงจังหวะเต้นของหัวใจนั่นเอง แต่มันสรุปไม่ได้ว่ามันเป็นเสียงหัวใจของเธอคนเดียว เมื่อเสียงที่ได้ยินนั้นมันก้องสะท้อน ฟังดูดีๆ แล้ว มันดังมาจากคนตัวใหญ่ตรงหน้าเธอด้วย ทิชาขมวดคิ้ว เธอมัวแต่คิดหาสาเหตุ จนทำให้การขืนตัวที่ทำมาตั้งแต่แรกหยุดลง แม็กซิมัสเลยฉวยโอกาสนั้น ดันแผ่นหลังของทิชา แนบลำตัวของตนเองมากขึ้น
กว่าทิชาจะรู้ตัวว่าตนเองเสียเปรียบ เวลาก็ผ่านไปหลายนาที
“ปล่อยได้แล้วค่ะ คุณจะกอดฉันอีกนานแค่ไหนคะ?”
หญิงสาวกล่าวเสียงขุ่น ยกมือดันแผ่นอกหนาที่เดิม จนสัมผัสได้กับการเคลื่อนตัวใต้ฝ่ามือ
เธอไม่ได้คิดไปเอง คนตรงหน้าหัวใจเต้นแรงไม่แพ้เธอเลย
แม็กซิมัสกดยิ้มมุมปาก เขายอมปล่อยมือแต่โดยดี ทิชาขยับถอยหลังห่างกันหนึ่งช่วงแขน
หญิงสาวไม่พูดไม่จา คว้าจักรยานที่ล้มบนพื้นขึ้นมา และตั้งท่าจะคร่อมจักรยาน แต่มือใหญ่เอื้อมมารั้งไว้ ทิชาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ชำเรืองมองชายหนุ่มที่ยืนยื้อเรียวแขนตนเองเอาไว้ ด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย
“คู๊ณ!” ทิชาใช้เสียงสูง เธอยื่นมือตนเองไปปัดมือของแม็กซิมัส “ฉันสายแล้วค่ะ ฉันมีเรียน”
มุมปากสีเข้มกดลงจนปากได้รูปบิดเบี้ยว “เธอบาดเจ็บนี่” เสียงเย็นชา แต่มือเขากลับจับเรียวแขนเธอแน่นขึ้นอีก
“นิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวฉันไปทำแผลที่ห้องพยาบาลในมหาลัย’ เอง วันนี้ฉันซวยแต่เช้า ถูกไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้เปิดประตูชน แถมยังไม่หยุดรถมาดูดำดูดีฉันสักนิด สมัยนี้คนรวยแต่แร้งน้ำใจมีเยอะเกลื่อนโลกไปหมด”
หญิงสาวไม่วายแควะแม็กซิมัส เขาหล่อเหลาดูดีในชุดสูทเรียบกริบ ในขณะที่เธอสวมกางเกงยีนส์ขาดๆ กับเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำตาลไหม้ รองเท้าผ้าใบเก่าจนแทบมองไม่เห็นสีเดิม เมื่อมายืนประจันหน้ากันแบบนี้ มันเหมือนเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ กับเด็กอนาถาที่ยากจนข้นแค้นยังไง ยังงั้นเลย
เสียงจิปากเบาๆ แต่เสียงขลุกขลักในลำคอเหมือนคนกลั้นเสียงหัวเราะไว้ดังกว่า ทิชาชะเง้อมอง เธอเห็นผู้ชายใส่สูทสีดำที่ยืนอยู่ด้านหลังแม็กซิมัส กำลังกลั้นเสียงหัวเราะจนหน้าตาแดงไปหมด หญิงสาวขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจ คนเหล่านั้นหัวเราะอะไรกัน?
ดวงตาคมดุเบิกโตมากขึ้นกว่าเดิม “ไอ้บ้าที่เธอด่าอยู่น่ะ...ผมเอง” เสียงเย็นเฉียบกล่าวเบาๆ
ทิชาเอียงคอมอง เธอชะเง้อมองรถยนต์หรูที่จอดอยู่เยื้องๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
“ตอนนั้นสัญญาณไฟเปลี่ยนพอดีครับ เราไม่สามารถหยุดรถได้ แต่เจ้านายผม สั่งให้กลับรถมาเพราะเป็นห่วงคุณครับ”
คาร์ลพูดสอด เขายิ้มให้ทิชา หญิงสาวเลยยิ้มตอบแหยๆ
“เธอควรไปหาหมอ” แม็กซิมัสพูดต่อ ปลายตามองรอยถลอกที่หัวเข่าของทิชา เขาเห็นเลือดสีแดงๆ ไหลซึมออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่อยากไปเรียนสาย” ทิชาเงยหน้ายิ้มกร่อยๆ ให้แม็กซิมัส
แต่... “คาร์ลจัดการรถพังๆ คันนี้ให้ฉันด้วย” ปลายนิ้วชี้ ชี้ไปที่จักรยานสุดโทรมของทิชา
ก่อนจะจ้องหน้าผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้า และสิ่งที่ทิชาคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น
แม็กซิมัสรวบเอวบางของทิชาด้วยมือข้างเดียว เขาตวัดหล่อนขึ้นพาดไว้บนบ่า ทำเหมือนกับว่าเธอเป็นแค่ตุ๊กตาไร้น้ำหนัก มือแข็งแรงกดลงที่ก้นโด่งๆ พร้อมทั้งฟาดมือเสียงดังตั่บ เมื่อทิชาเริ่มดิ้น
“ผมจะพาเธอไปหาหมอ และถ้าไม่อยากอาย เลิกโวยวายได้แล้ว!”
เสียงห้าวเข้มดุสำทับ เดินดุ่มๆ ตรงไปยังรถยนต์หรูที่จอดอยู่ไม่ไกล
คาร์ลมองตามเจ้านายหนุ่มตาค้าง บนบ่ากว้างของแม็กซิมัสมีร่างเล็กบางของทิชาดิ้นกระแด๋วๆ อยู่บนนั้น หลังถูกฟาดด้วยฝ่ามือถึงสองครั้งติดกัน เสียงแหลมๆ ที่โวยลั่นก็สงบลง หล่อนมองไปรอบๆ ตัวด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด เมื่อมีผู้คนเริ่มให้ความสนใจ ทิชาเลยกดใบหน้าลงกับแผ่นหลังของชายหนุ่ม เลิกร้องโวยวายตัดปัญหาเรื่องคนอยากรู้อยากเห็น
“ลูกพี่!” การ์ดอีกคนกระซิบถามคาร์ลเสียงแผ่วๆ เมื่อรถยนต์หรูทะยานออกจากที่ ทิ้งการ์ด3คนไว้เบื้องหลัง รวมทั้งคาร์ลด้วย
“จัดการเอาจักรยานเก่าๆ นี่ไปทิ้งซะ” คาร์ลออกคำสั่ง เขาต้องเคลียร์พื้นที่ตรงนี้ จะได้ตามไปดูแลแม็กซิมัสต่อ
“เอาซากไปทิ้ง...แล้วต้องทำไงต่ออีกครับ?”
คาร์ลถอนใจเฮือก “ซื้อคันใหม่สิวะ ไม่เห็นเหรอว่าคุณผู้หญิงคนนั้นใช้จักรยานตลอด!”
“ครับ”
การ์ดหนุ่มโบกรถแท็กซี่คันแรกที่ผ่านมาใกล้จุดที่ตนเองยืนอยู่ เขาล้วงโทรศัพท์กดแอพพิเคชั่นค้นหาที่อยู่เจ้านายและรีบตามไปก่อนที่ทิชาจะก่อเรื่อง นาทีนี้ คาร์ลยอมรับ เขาเดาใจเจ้านายไม่ถูก ยังตั้งตัวไม่ทันนับตั้งแต่เจ้านายหนุ่มเปิดประตู กระแทกใส่ทิชา จนเจ้าหล่อนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า