บทที่3. ต้อนลูกแกะเข้าคอก 1/3
บทที่3.
ต้อนลูกแกะเข้าคอก 1/3
หลังลูกค้ากิตติมาศักดิ์เดินพ้นบริเวณร้านอาหาร ทิชาก็รีบเข้าไปจัดการเก็บโต๊ะ
“ขอบคุณนะแอนนา” หญิงสาวกระซิบขอบคุณเพื่อนร่วมงาน เมื่อแอนนาอาสาดูแลแม็กซิมัสและลอร่าแทนเธอ ทิชาวางหน้าไม่ถูก เธอไม่เคยถูก ‘จูบ’ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย หญิงสาวเป็นคนหวงตัว มันเป็นนิสัยที่ติดตัวมา ดังนั้นเธอเลยปรับใจไม่ทัน แม้การถูกจูบครั้งนี้ มันจะมาจากความบังเอิญก็ตาม
“แค่จมูกชนแก้ม เขาไม่เรียกจูบหรอกมั้ง” ขณะที่ขมีขมันเก็บโต๊ะ เหตุการณ์ระทึกขวัญก็ย้อนมาให้ขบคิด เธอเผลอบ่นพึมพำออกมาแบบไม่รู้ตัว จนกระทั่งแอนนาร้องทัก ทิชาเลยเพิ่งรู้ เธอเผลอปูดความลับออกมาตอนเผลอนั่นเอง
“ใครจูบใครเหรอทีร่า?”
“ปะ เปล่า ไม่มีอะไร ฉันกำลังคิดถึงฉากละครที่ดูผ่านตาเมื่อคืนน่ะ” หญิงสาวแก้ตัวพัลวัน เลือดแล่นพล่าน รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้า
“ละครงั้นเหรอ มีฉากสวีทด้วยหรือไง?”
แอนนายังเกาะโต๊ะถามต่อ “อืม...” ทิชาพยักหน้ารับ เตรียมจะเผ่นแต่แอนนาไม่ยอม
“แบบไหนเหรอ มีจูบด้วยใช่ไหม?”
แววตาเพื่อนสาวระยิบระยับเหมือนกำลังอยู่ในห้วงฝัน
“ประมาณนั้นแหละ เพียงแต่...” ทิชากลั้นใจถามต่อเสียงตะกุกตะกักเลยทีเดียว
“แต่อะไรเหรอ?” แอนนาที่ดูเจนโลกกว่ารีบถามกลับ เธอรู้ดีประสบการณ์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ทิชานั่นแทบจะไร้เดียงสา
“คือ...” สาวเอเชียกลืนน้ำลายฝืดๆ “ไม่รู้ว่า การที่จมูกชนแก้ม เขาเรียกว่า...จูบหรือเปล่า?” ทิชาโพล่งถาม ผิวหน้าแดงก่ำลามไปถึงช่วงคอ
“ฮ่าๆ” แอนนาเงยหน้าหัวเราะร่วน เสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมงาน พาลให้ทิชาพลอยหน้าเสียไปด้วย แอนนาหัวเราะจนเจ็บคอ กว่าจะยอมเฉลยคำตอบที่ทิชาถาม “แบบนั้นเขาเรียก...หอม ไม่ได้เรียกว่าจูบหรอกยะ ถ้าจูบน่ะ” แอนนาทำปากจู๋ประกอบคำพูด ริมฝีปากสีแดงสดยื่นออกมาข้างหน้า พร้อมทั้งพลิ้มเปลือกตาหลุบลง ก่อนจะพูดต่อ “มันต้องปากชนปาก แล้ว...ขยี้ๆ”
“พอเลยๆ ไม่ต้องแล้ว!!” ทิชาโบกมือห้ามพัลวัน เธอรีบยกจานใช้แล้วเดินหนีไปทางหลังร้าน ได้ยินเสียงหัวเราะของแอนนาตามหลังมาติดๆ
แม็กซิมัสไปส่งลอร่าถึงคฤหาสน์บาร์ว ก่อนจะปลีกตัวไปทำธุระต่อ คาร์ลชำเรืองมองเจ้านายที่นั่งเงียบอยู่ทางเบาะหลังรถยนต์ เจ้านายของเขามีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แม็กซิมัสนั่งกอดอกนิ่งๆ เปลือกตาหลุบลงเหมือนกำลังใช้ความคิด เรียวปากสีเข้มขยับไปมาเหมือนกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง สีหน้าวิตกกังวลจนคาร์ลเริ่มอยู่ไม่สุข เจ้านายไม่เคยมีทีท่าเช่นนี้ ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว
“คาร์ล ในอเมริกานี่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบหน้ากูบ้างวะ?!”
การ์ดหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิด “ไม่มีครับ”
“นั่นสิวะ แล้วทำไมยัยนั่น” แม็กซิมัสลืมตา บ่นเสียงเซ็งสุดขีด
ท่าทีของทิชาหลังเขาถูกเนื้อต้องตัว แม่สาวเสิร์ฟร่างแคระแทบจะกระโจนหนี แถมหลังจากนั้นก็เอาแต่หลบหน้าหลบตา แบบนี้เท่ากับเป็นการเมินเขาแบบเจตนา
“ครับ” คาร์ลหมุนตัวมาถาม เขาได้ยินคำพูดเจ้านายไม่ชัด
“ไม่มีอะไร! ช่างเถอะ” มือแข็งแรงโบกไปมา หลุบเปลือกตาลงเหมือนเก่า แต่คิ้วเข้มก็ยังขมวดแน่น เมื่อมีสิ่งติดค้างที่ยากจะสลัดให้หลุด ในเมื่อยังไม่ได้ความกระจ่าง...
22:00 นาฬิกา
ทิชาเก็บอุปกรณ์ทำงาน เคลียร์โต๊ะ ทำความสะอาดพื้นจนเรียบร้อย เธอเดินคอห้อยเข้าไปเปลี่ยนชุดพนักงานเป็นชุดที่สวมมาจากบ้าน
“ทีร่า...” ประภายื่นหน้าผ่านช่องหน้าต่างมาตะโกนเรียก
“คะ” ทิชาเงยหน้ามอง
“มารับสตางค์ค่าแรงเร็ว พี่ทำเสร็จพอดี” สาวไทยเจ้าของร้านยิ้มแฉ่ง
หญิงสาวสาวเท้าเดินไปยังห้องทำงานของเจ้าของร้าน เธอดันประตูเข้าไป แอนนาก็เดินสวนออกมาพอดี
‘ฉันกลับก่อนนะ’ ทิชาอ่านปากเพื่อนได้ใจความแบบนั้น
เธอพยักหน้าให้เดินเข้าไปด้านในและยืนรอ เมื่อประภายังไม่เสร็จธุระ
ซองสีขาวประภายื่นส่งให้พนักงานคนขยัน หล่อนขยิบตาให้ หลังทิชาเปิดซองแล้วทำตาโต
“พี่เพิ่มให้น่ะ จะได้ไม่ต้องหางานทำเพิ่ม แค่นี้เราก็ผอมแทบจะปลิวลมแล้วนะ นอนซะบ้าง เดี๋ยวป่วยไปจะยุ่ง” คำติติงผสมความห่วงใยที่เพื่อนมนุษย์มีให้กัน ประภารู้ดี ค่าครองชีพในอเมริกานั้นมันมหาโหดแค่ไหน ต่อให้ทิชาวิ่งทำงานพิเศษเพิ่มอีกสักที่ ค่าใช้จ่ายที่เป็นเงาตามตัวก็ไม่ทำให้รายได้ที่ได้รับเพียงพอสำหรับทิชาเลย
หญิงสาวยกมือพนมที่หว่างอก ก้มศีรษะชิดปลายนิ้ว พร้อมกับน้ำตาที่ซึมออกมาเพราะความตื้นตัน
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ช่วยๆ กัน” ประภายกมือรับไหว้ เธอยิ้มให้สาวรุ่นน้อง
ซองเงินเดือนถูกยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ “หนูกลับก่อนนะคะพี่แอ้ ง่วงนอนชะมัดยาด” ทิชาอ้าปากหาวประกอบคำพูด สองวันก่อน เธอทำงานหนัก แถมยังมีรายงานที่ต้องส่งจนต้องอยู่โยงจนถึงเช้ามา2คืนติดๆ วันนี้เลิกงานเร็วหน่อย รายงานก็เสร็จเรียบร้อย เธอมีเวลาพักถึงหกชั่วโมง เมื่อมีเรียนตอนสาย ช่วงเวลาแสนสุขนี่ ทิชาคงนอนให้เต็มอิ่ม สะสมไว้ในวันที่เธอจะไม่มีเวลานอนอีกครั้ง
“ทีร่า อย่าลืมแวะเอาข้าวกล่องกลับไปด้วยล่ะ”
สำหรับทิชาแล้ว ประภารักเหมือนน้องสาว เธอมีสิทธิพิเศษหลายอย่าง ในหนึ่งในนั้นคืออาหารที่ทิชาสามารถนำกลับไปกินที่หอพักได้ เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องกินให้หญิงสาวได้อย่างดีทีเดียว
“ค่ะ”
สาวเอเชียร่างเล็กเดินออกจากห้องทำงานของเจ้าของร้าน เธอไม่ลืมแวะเข้าไปในครัว เพื่อเอาข้าวกล่องที่ประภาสั่งสามีให้จัดไว้ให้ทิชา อเล็กยิ้มแฉ่งส่งกล่องอาหารให้พนักงานสาวที่เป็นเหมือนครอบครัวของเขาเช่นกัน เมื่อภรรยารักและห่วงหล่อน เขาที่เป็นสามีก็พลอยเป็นห่วงไปด้วย
“ขอบคุณค่ะ” ทิชายัดกล่องข้าวใส่เป้สะพายหลัง เดินเลยไปหลังร้าน เพื่อจูงจักรยานคันเก่งออกมาจากตรงนั้น เธอโบกมือให้อเล็กที่ยื่นหน้าออกมามองดู หญิงสาวปั่นจักรยานกลับไปทางเดิม ด้วยความรู้สึกเต็มตื้น เธอไม่ได้เดียวดายในมหานครใหญ่อย่างนิวยอร์ค ยังมีเพื่อน มีพี่ และคนที่ห่วงใยอยู่ข้างหลัง
เช้าวันใหม่อากาศยามเช้าก็ยังสดชื่นไม่ต่างกับวันก่อน...ทิชาปั่นจักรยานเอื่อยๆ ไปตามเส้นทางที่มีไว้ให้จักรยานเท่านั้นที่ใช้สัญจร อีกไม่เกิน800เมตรก็จะถึงมหาวิทยาลัย’ แต่สัญญาณจราจรเปลี่ยนปุบปับ จากไฟเขียว เป็นไฟเหลือง ทิชาจึงชลอความเร็วและจอดสนิทเมื่อสัญญาณจราจรขึ้นสีแดงพอดี
ในรถยนต์คันหรู แม็กซิมัสกำลังนั่งเพ่งจอแล็บท็อปในมือ อารมณ์ที่สงบนิ่งเริ่มเดือดปุดๆ สาเหตุเพราะข่าวซุบซิบของตนเองนั่นเอง ภาพกรอบเล็กๆ ขึ้นโชว์หรา ภาพที่เขากำลังคล้องสร้อยเพชรระย้าน้ำงามนั่นให้กับลอร่า แต่ดันมีมือดีเก็บภาพนั้นไว้ได้ แม็กซิมัสไม่ได้สนเรื่องการเป็นข่าว แต่เขารู้สึกถึงการคุกคามความเป็นส่วนตัว
เป็นไปไม่ได้เลยที่ห้อง VIP จะมีปาปารัสซีหลุดรอดเข้าไปได้
มันแสดงให้เขารู้ มีคนในบางคนที่ทำตัวเป็นหนอนบ่อนไส้เก็บความลับที่เขายังไม่พร้อมจะเปิดเผยให้คนนอกรู้ก่อนเวลาอันควร
“คาร์ล” เสียงเข้มๆ ร้องเรียกลูกน้องคนสนิท
“ครับ”
“สืบให้หน่อยใครที่เป็นคนปล่อยภาพชุดนี้”
ถึงเขาจะกำลังควงกับลอร่า แต่ก็ไม่ได้หมายความถึงความพิเศษนอกเหนือคนอื่น ยังมีบรรดาสาวๆ อีกหลายคนที่แม็กซิมัสสนิทสนมด้วย
“ครับ” คาร์ลรับคำ
“เอะ!” เสียงอุทานของเจ้านายทำให้คาร์ลเหลียวมามองซ้ำ เขาจึงได้เห็นสิ่งเดียวกับที่แม็กซิมัสกำลังมอง
ใครบางคนนั่งคร่อมอานรถจักรยาน หล่อนไม่ได้เหลือบแลมาทางรถยนต์ สายตาของหล่อนมองป้ายไฟจราจรตาเขม็ง