4 อย่าให้เจ๊ผิดหวัง
หญิงสาวยกมือไหว้โดยเร็ว เมื่อรู้ว่าชนกับชายหนุ่มรูปร่างดี ใบหน้าหล่อ ผิวขาว ดวงตาวาววับ ครั้งแรกที่เห็นจิตเลขาคิดว่าเป็นนักเที่ยวจึงถอยห่างออกมา ทำท่าจะเดินหนีแต่ชายคนนั้นเรียกเอาไว้ก่อน
“จะไปไหนละครับ”
“กลับค่ะ ขอตัวนะคะ”
“ผมเห็นคุณยืนลังเลอยู่ตั้งนาน อยากเข้าไปข้างในหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่ ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่จะมาสมัครงาน แต่ไม่กล้า ใจฝ่อเสียงั้น ไม่เป็นไร ฉันกลับไปตั้งหลักก่อนดีกว่า”
หญิงสาวรีบเดินจากไปโดยเร็ว ทว่าชายหนุ่มมาดดีถลันไปดักหน้า ส่งยิ้มหวานกับสายตาที่มองด้วยความจริงใจ เธอมองด้วยความงุนงง แต่ไม่ไว้ใจกลัวจะเป็น 18 มงกุฎ หลอกผู้หญิงไปทำมิดีมิร้าย เธอรู้ว่าคนทุกวันนี้มองแค่เพียงหน้าตาอย่างเดียวไม่ได้ สิ่งเดียวที่ป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อก็คืออยู่ห่างๆ เอาไว้
“ทำไมต้องตั้งหลักละครับ ในเมื่ออยากทำงาน ควรจะพกความมั่นใจเข้าไปเต็มร้อย ผมพาไปสมัครเอง”
“คุณทำเพื่ออะไร”
“ผมชื่อเตชิตอยู่ตัวคนเดียว ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ รายได้พออยู่ได้ ผมจะเอาชีวิตผู้คนเพื่อเอาไปปรับใช้กับงาน และที่ผมพาคุณเข้าไปสมัครงานก็แค่ต้องการให้คุณทำงานสมใจ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมจะรอจนกว่าคุณสมัครงานเสร็จแล้วไปส่ง”
คิ้วโก่งสวยขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง สำรวจเรือนร่างผู้ชายที่ชื่อเตชิตตั้งแต่เส้นผมจดปลายเท้า กลัวว่าจะมีเจตนาร้ายแฝงอยู่
“ไม่ต้องกลัวผมหรอกครับ จริงใจมากและอยากเป็นเพื่อน คุณชื่ออะไรครับ”
“ฉัน จิตเลขาค่ะ”
“ชื่อเพราะมาก ไปครับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อน”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจิตเลขาไว้ใจผู้ชายที่ชื่อเตชิต พาเข้าไปสมัครงานในตำแหน่งเด็กเสิร์ฟ ผู้จัดการร้านมองด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก
“มาสมัครงาน แต่เอาผัวมาคุมด้วย ใครจะกล้าเรียกใช้เธอล่ะ”
จิตเลขาสะดุ้งโหยง ปฏิเสธทันควัน
“ไม่ ไม่ใช่ เราแค่....”
“ผมเป็นญาติกับเธอครับ ในเมื่อน้องอยากทำงาน ผมพามาสมัครแล้วนั่งรอข้างนอก เพราะซอยเข้าบ้านน่ากลัวมาก”
เตชิตรับสมอ้างว่าเป็นญาติทันที ผู้จัดการร้านสาวใหญ่มองด้วยสายตาคมกริบ พึงพอใจต่อรูปร่างหน้าตาชายหนุ่ม กระทั่งยิ้มหวานส่งให้ นิ้วอวบอูมลูบคลำที่ต้นแขนแกร่ง ส่วนที่เป็นเล็บทาสีแดงจัด เคลือบด้วยประกายดาวระยิบระยับ
“รักน้องจริงเชียว อย่างนี้แหละที่เรียกว่าลูกผู้ชายตัวจริง เธอจะไม่พิสูจน์ให้เจ๊เห็นบ้างเหรอว่าแกร่งแค่ไหน มีงานพิเศษรับเป็นจ๊อบๆ สนใจไหมล่ะ เงินดีด้วยนะ”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมมีงานทำแล้ว ขอบคุณมากครับ”
“แหม ไม่เห็นจะกลัวอะไรเลย แค่บีบๆ นวดๆ เจ๊เป็นคนขี้เมื่อยมาก ความจริงแล้ว เจ๊ตั้งใจว่าจะเปิดโรงนวดสำหรับผู้หญิง ถ้าทำเสร็จแล้ว มาทำงานนะ รับรองว่าเงินดี สิ้นเดือนรับทรัพย์ไม่หวาดไม่ไหว”
เตชิตเย็นเยือกไปทั้งตัว ได้แต่ยิ้มทำหน้าปูเลี่ยนๆ เช่นเดียวกับจิตเลขา หัวเราะเบาๆ แต่มือไวยกขึ้นปิดปากทันท่วงที
“ขอบคุณจริงๆ เอาไว้ให้เจ๊ดำเนินการให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะให้คำตอบอีกครั้ง”
“จ้า อย่าให้เจ๊ผิดหวังก็แล้วกัน อุ๊ย คนอะไรไม่รู้ หล่อลากไส้จริงๆ นี่เธอ เริ่มทำงานวันนี้เลย แหม ชุดที่ใส่เนี่ยมันมิดชิดเกินไป มานี่ฉันมีชุดสำรองให้เปลี่ยน”
“เจ๊ ชุดนี้ก็ดีแล้วนะ”
หญิงสาวทำท่าขัดขืน เมื่อถูกดึงแขนเข้าไปด้านใน ซึ่งมีห้องสำหรับผู้บริหาร แต่เจ๊ร่างอวบไม่สนใจ กระชากเข้าไปจนได้ แล้วโยนเสื้อแขนสั้นตัวเล็กกระจิ๋วกับกระโปรงที่มีความยาวแค่คืบกว่าๆ มาให้
“ใส่ซะ แล้วจะได้ทิปเยอะ”
“จริงหรือเจ๊ ทิปรวมหรือส่วนตัวคะ”
“เออน่า ได้หมดทั้งสองอย่าง แล้วก็ไปดูแลผู้ชายโต๊ะนั้น รู้สึกว่าจะเป็นเสี่ยทำเหมืองพลอยเชียวนะ กระเป๋าหนั๊ก หนัก”
เจ๊ผู้จัดการร้านดันร่างสวยในชุดยั่วยวนกิเลสไปยังโต๊ะหนึ่ง มีชายหนุ่มสามคน แต่ละคนแต่งตัวดีมีระดับ หน้าตาหล่อ ด้วยการเดินเหนียมๆ เพราะอายต่อความสั้นของกระโปรง จึงไม่รู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาของผู้ชายคนหนึ่ง
‘ผู้หญิงคนนี้มากับเตชิต เป็นอะไรกันนะ หรือว่าเด็กในเล้า’
ชิดตะวันคือหนึ่งในสามของผู้ชายโต๊ะนั้นเกิดความคลางแคลงใจ เขารู้จักเตชิตดี เพราะแม่เลี้ยงของเตชิตคือเพื่อนคนหนึ่งของพ่อ เล่าว่าเธอกับเตชิตไม่ถูกกันเพราะชิงชังต่ออาชีพเป็นนายหน้าค้าผู้หญิงหรือพ่อเล้าหากินบนเรือนร่างเพศแม่