6.อ่อนไหว
รอยยิ้มของดาเนียผลิบานเหมือนกับกลีบดอกไม้ เธอตะแคงใบหน้าเล็กน้อยเพื่อที่จะจ้องมองเขาได้อย่างถนัด
“ก็..ไม่เชิงว่าเป็นอย่างนั้น”
เมื่อกล่าวจบแลนดรีก็เดินออกมาในทันที แต่ดาเนียไม่ยินยอมให้เขาได้มีโอกาสเดินหนีเธอไปเฉยๆ หรอกนะ เมื่อพบบุรุษที่ถูกใจเธอจะไม่ยอมกลับไปนอนฝันถึงเขาอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ
“ข้าอยากทราบชื่อท่านค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก..ดาเนียค่ะ ดาเนียจากตระกูลเลเซิน”
แลนดรีรู้จักท่านเซอร์เลเซินดีมากทีเดียว เพราะว่าบิดาของสตรีผู้นี้คือท่านอาจารย์ของเขาเอง และนั่นทำให้แลนดรีไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับบุตรีของท่านอาจารย์ที่แสนโหดเหี้ยมผู้นั้นเลยจริงๆ
“ครับ”
นอกจากเขาจะไม่แนะนำตัวเองกลับแล้วเขายังกระทำการอันเสียมารยาทมากๆ อย่างเช่นการเดินหนีเธอไป
ดาเนียยกมือขึ้นมาเท้าเอวมองแผ่นหลังของบุรุษผู้นั้น คิ้วของเธอขมวดปมเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
“ให้ตายสิ จะเย็นชาก็ควรจะมีขอบเขตหน่อยไหม”
หรือว่าเธอไม่สวยกันนะ? ดาเนียยกมือขึ้นมาตบที่แก้มของตัวเองเบาๆ เพื่อเป็นการเรียกสติ
เธออาจจะไม่สวยในสายตาของเขา แต่เธอยังสามารถสวยในสายตาของบุรุษท่านอื่นได้นี่นา เพราะแบบนั้นการมายืนเศร้ามันไม่เหมาะกับคนน่ารักๆ แบบเธอหรอกนะ
เข้างานดีกว่า เพื่อนรักของเธอกำลังรออยู่
วันนี้เป็นวันแรกที่วิหารได้จัดงานเพื่อให้เลดี้ที่จะเข้าร่วมพิธีบรรลุนิติภาวะในพระราชวังได้มาทำพิธีชำระล้างจิตใจที่วิหารเป็นระยะเวลาสองสัปดาห์
ดาเนียเคยทำพิธีนี้แล้ว บอกได้คำเดียวว่าคาดินันเอดิตนั้นแซ่บลืมมากทีเดียว นอกจากที่เขาจะหล่อเหลามากๆ แล้วเขายังมีความสามารถในการล่อลวงสตรีอีกด้วย เป็นบุรุษที่แพรวพราวจนต้องยอมเลย
พิธีชำระล้างจิตใจอะไรกัน นี่คืองานเลี้ยงที่มีเอาไว้เพื่อให้บุรุษและสตรีใกล้ชิดกันต่างหาก เหล่าบุรุษชนชั้นสูงจะมาที่นี่เพื่อมามองหาสตรีที่ตัวเองพึงพอใจ หลังจากนั้นเมื่องานเลี้ยงจัดขึ้นที่พระราชวังพวกเขาจะไปร้องขอสตรีที่พึงใจเต้นรำด้วยกัน
ดาเนียยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเธอมองเห็นแมดดี้ที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้า ปีนี้มีสตรีเข้าร่วมงานพิธีบรรลุนิติภาวะแค่สิบคนเท่านั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ อีกทั้งไฮไลท์ของปีนี้คือเดมเกโลทีส และ เลดี้เรเซเดนที่เข้าร่วมพิธีบรรลุนิติภาวะพร้อมกันอีกต่างหาก
นอกจากบุรุษจากสามตระกูลดังแล้ว ยังคงมีบุรุษมากมายที่ต้องการสตรีที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ไปให้กำเนิดทายาทของตัวเอง
ดาเนียถูมือไปมา ดูท่าว่าปีนี้จะน่าสนุกมากเลยแฮะ..
แมเดอลีนส่งยิ้มให้กับดาเนียที่นั่งอยู่แถวหลัง เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยอาการง่วงนอน เพราะเมื่อคืนเอาแต่อ่านนิยายจนเกือบเช้า มันเลยทำให้เธอภาวนาอยากจะให้พิธีในวันนี้จบลงโดยเร็วที่สุด
“เลดี้ไม่สบายรึเปล่าคะ?”
เมื่อแมเดอลีนหันไปตามเสียงนั้นเธอก็พบเจอกัน ออร่าที่เจิดจ้าจนแสบตาของนางเอก
เดมเกโลทีส เลลานี่
อ่า..แสงที่เปล่งประกายรอบๆ ตัวของนางเอกนี่มันคืออะไรกัน? ออร่าแห่งความสวยงั้นเรอะ นี่เธอเลือกยืนผิดที่ไปหน่อยรึเปล่า เธอไม่ควรมายืนใกล้นางเอกสิ
“ไม่เป็นไรค่ะเดม ขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วง”
เดมเลลานี่ส่งยิ้มให้กับแมเดอลีน
“พิธีน่าเบื่อนี่ ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ข้าเองก็ไม่ค่อยชอบการต้องมายืนฟังคนแก่พูดเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับการปฏิบัตตน..”
เลลานี่คือเดมที่เก่งกาจและงดงามมากทีเดียว นางไม่ใช่นางเอกสายหวานแต่เป็นสตรีที่สามารถเป็นเดมได้ตั้งแต่อายุ17ปี เพราะเกิดในตระกูลของนักรบ เลลานี่จึงตั้งใจจะเป็นซอทมาสเตอร์เหมือนกับท่านพ่อของนาง
“ชุดเดรสนี่ก็เหมือนกัน สตรีทนใส่ชุดที่หนักขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
แมเดอรีนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากับท่าทางเช่นนั้นของเดมเลลานี่ เพราะปกติเดมจะสวมใส่เครื่องแบบของทหารสินะ การมาสวมกระโปรงเช่นนี้ก็เลยทำให้นางเอกของเรื่องไม่ชอบเท่าไหร่นัก
“แต่เดมงดงามมากเลยนะคะ ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนท่านก็งดงามมากทีเดียว”
เลลานี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นี่คงเป็นคำชมที่รับได้ยากมากที เพราะว่าสตรีที่ชมว่าเธองดงามนั้นเจิดจรัสมากทีเดียว เส้นผมสีแดงสดนั่นทำให้มองปราดเดียวก็รู้ว่านี่คือสตรีที่เกิดในตระกูลเรเซเดนอย่างแน่นอน ดวงหน้างดงามที่หาไม่ได้จากสตรีทั่วไป ดวงตาสีฟ้าอ่อนทำให้รู้สึกถึงความอ่อนโยนในทุกครั้งที่สบตากับนาง
“เลดี้เองก็..เจิดจ้ามากเลยนะคะ..”
นี่นางเอกกำลังชมฉันงั้นเหรอ? ใบหน้าของแมเดอลีนขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ คนอื่นชมเธอยังไม่รู้สึกเขินเท่ากับนางเอกของเรื่องชมเลยนะ ให้ตายสิ
ดวงตาสีอำพันจ้องมองไปยังสตรีสองนางที่กำลังพูดคุยกัน เรือนผมสีแดงเช่นนั้นเลดี้จากตระกูลเรเซเดนสินะ เรื่องความงดงามเขาไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก เพราะมารดาของนางคือหญิงงามแห่งยุคนี่ มารดาของนางเดิมทีเป็นคนจากตระกูลเกโททีส เพราะแบบนั้นในช่วงเวลาที่เลดี้เรเซเดนและเลลานี่อยู่ด้วยกัน พวกนางทั้งสองคนถึงได้ดูโดดเด่นมากกว่าสตรีอื่น
เอสเตบันกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาสตรีที่ยังคงติดค้างอยู่ในความทรงจำ หากให้เขาเดา สตรีผู้นั้นคงจะไม่ได้งดงามเจิดจรัสมากเท่าไหร่นัก เพราะหากว่านางงดงามมาก คงจะมีบุรุษตามเกี้ยวนางไม่หยุดหย่อนอย่างแน่นอน
เขาหลับตาลงช้าๆ
มีอะไรบ้างนะที่จะทำให้เขาจดจำนางได้บ้าง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาด้วยความออดอ้อน ริมฝีปากเล็กๆ ที่เผยอออกมาเมื่อเขาต้องการ หรือว่า..กลิ่นหายหอมกรุ่นที่ไม่เหมือนกัน
“.....”
กลิ่นกายที่ไม่เหมือนใครของนาง เอสเตบันดีดนิ้วเบาๆ ราวกับว่าเขาคิดอะไรออก
เห็นทีว่าคืนนี้เขาจะต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับของวิหารแห่งนี้ซะแล้วสิ เป็นไปได้มากทีเดียวที่สตรีผู้นั้นจะอยู่ที่นี่เพราะเท่าที่เขาดูแล้วนางน่าจะยังไม่ได้จัดงานพิธีบรรลุนิติภาวะ ไม่อย่างนั้นนางคงจะไม่สามารถมาเที่ยวที่ร้านสุราเช่นนั้นได้หรอก
“....”
เขามองเห็นลุควิคที่กำลังเดินเข้าไปหาเลล่า หมอนั่นเข้าร่วมการสนทนาได้อย่างราบรื่นมากทีเดียว
“ไม่เข้าไปหรือครับ ท่านดยุคไม่กลัวว่าท่านเคาน์จะแย่งชิงเลลานี่ไปอย่างนั้นหรือ?”
เอสเตบันแค่นหัวเราะก่อนที่เขาจะยื่นมือไปรับแก้วสุราที่อาดาลส่งให้
“ข้าไม่สนใจเรื่องความรู้สึกอะไรแบบนั้นหรอกนะอาดาล เลลานี่จะเป็นดัชเชสของข้าอย่างแน่นอน เพราะข้าให้สิ่งที่นางต้องการได้มากกว่าลุควิคอยู่แล้ว”
อาดาลจิ๊ปากเบาๆ
“แต่ถึงอย่างนั้น..ท่านก็ไม่ควรวางใจนี่ครับ ไม่มีสิ่งใดจะสามารถเอาชนะใจของสตรีได้ เท่ากับความรักหรอก”
เอสเตบันนิ่วหน้า
“ข้าไม่ขอรับคำแนะนำเรื่องสามีภรรยา กับคนที่ไม่เคยรักใครเช่นเจ้าหรอกนะอาดาล”
อาดาลหัวเราะเสียงดัง
“ข้าไม่เคยรักใครก็จริง แต่เรื่องความอ่อนไหวของสตรีข้ารู้ดีนะครับท่านดยุค”