7.เคลือบแคลง
สิ่งที่อาดาลกล่าวออกมานั้นมันไม่ใช่คำโอ้อวด เรื่องนั้นเอสเตบันรู้ดีอยู่แล้วว่าความช่ำชอง..ไม่ใช่สิ ความเข้าใจในตัวสตรีของอาดาลนั้นมีมากแค่ไหน
ฝาแฝดตระกูลกรีนที่มีใบหน้าเหมือนกันจบแทบแยกไม่ออก แต่นิสัยกลับแตกต่างกันราวกับฟ้าและเหว
“ท่านควรเอาใจใส่เดมเลลานี่มากกว่านี้ ก่อนที่ท่านจะสูญเสียนางไปให้กับคนช่างเอาใจอย่างท่านเคาน์ลุควิค สตรีล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ให้กับการเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ”
เอสเตบันยักไหล่เบาๆ
“ข้าไม่ต้องการให้นางพ่ายแพ้ให้ข้าอาดาล ข้าต้องการให้นางชนะข้าต่างหากล่ะ”
อาดาลยกยิ้มทะเล้นขึ้นมา เขาจงใจกวนโมโหท่านดยุค
“เช่นนั้น..ข้าจะรอดูวันที่นางจะไปจากท่านนะครับ”
“ไม่มีวันนั้นอาดาล..ว่าแต่เจ้าเองเถอะ อาของเจ้าไม่สั่งให้เจ้าเข้าหาเลดี้เรเซเดนหรืออย่างไร”
เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว เขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะยลโฉมว่าที่ภรรยาในอนาคตอยู่พอดี เลดี้ผู้นั้นช่างงดงาม ความงามที่ล้ำเลิศสมกับตระกูลเรเซเดน นางเหมาะสมกับการประดับเอาไว้บนวิหารหรือไม่ก็ยกนางขึ้นไปวางเอาไว้บนหิ้งมากกว่าที่จะจับจูงมือของนางเพื่อพานางไปไหนมาไหน เขาไม่ค่อยอยากจะมีภรรยาสวยๆ สักเท่าไหร่ ชีวิตคงจะวุ่นวายน่าดูหากได้สาวงามเช่นนั้นมาเป็นภรรยา..
“นางก็ดี..แต่ข้ายังไม่อยากมีภรรยาตอนนี้ ท่านอายังคงทำหน้าที่ผู้นำตระกูลกรีนได้ดีเยี่ยม เพราะแบบนั้นยังมีเวลาอีกนานให้ข้าได้เลือกสรรภรรยา..”
เราต่างไม่กล้าเอื้อมมือไปแตะต้องสตรีที่ล้ำค่าเฉกเช่นเลดี้เรเซเดน นางคือบุตรีเพียงผู้เดียวของท่านบารอนโอทีสที่หวงลูกสาวจนไม่ยินยอมให้นางเปิดตัวสู่สังคม ชีวิตหลังแต่งงานคงจะไม่สะดวกสบายอย่างแน่นอนหากว่ามีพ่อตาที่เรื่องมากเช่นนั้น
อาดาลเลิกคิ้วมองหน้าท่านดยุค
“สายตาของท่านจับจ้องอยู่ที่เดมเลลานี่ใช่ไหมครับ ทำไมข้าถึงเห็นว่าสายตาของท่านชำเลืองไปมองเลดี้เรเซเดนอยู่บ่อยๆ กันนะ หรือว่าข้าจะตาฝาดไป”
เอสเตบันยกแก้วสุราขึ้นมาดื่ม เขาหวังว่ารสร้อนแรงของสุราจะสามารถดับอาการประหม่าที่อยู่ในใจนี้ได้
“เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้า..ไปที่ร้านสุรามา”
อาดาลขมวดคิ้วในทันทีก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“อย่าบอกนะว่า..มีสตรีที่ทำให้ดยุคแห่งวีไซร์ถึงกับลืมไม่ลง”
ก็ไม่ได้อยากจะยอมรับแบบนั้น แต่ในร่างกายละหัวใจของเขามันปั่นป่วนมากจริงๆ
“อืม..นางติดอยู่ในหัวไม่ยอมจางหายไปไหน”
“นั่นแย่แล้วนะครับ เพราะหากว่าท่านดยุคหานางพบเจอล่ะก็ ท่านอาจจะลุ่มหลงนางจนโงหัวไม่ขึ้นเลย..หักห้ามใจซะตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าอย่างนั้นหรือครับ”
คำแนะนำของอาดาลนั้นตรงใจเขามากทีเดียว ขนาดเขาจำนางไม่ได้ เขายังต้องการและลุ่มหลงนางมากขนาดนั้น แล้วถ้าเขารู้ว่านางเป็นใคร ไม่ใช่ว่าเขาจะตกหลุมรักนางแล้วยินยอมพานางไปเป็นดัชเชสแทนที่ของเลลานี่อย่างนั้นหรือ
งานใหญ่ของเขาจะเสียเปล่าเพราะอารมณ์ชั่ววูบไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“นั่นสินะ ในบางทีข้าอาจต้องการ..เวลาสักหน่อยเพื่อเรียบเรียงความคิดของตัวเอง”
อาดาลถอนหายใจ เขาดึงแขนของท่านดยุคให้เดินตามเขามายังที่ที่เดมเลลานี่ยืนอยู่
แมเดอลีนแทบจะกรีดร้องอยู่ในใจ เธอกำลังพูดคุยอยู่กับเดมเลเลานี่และในช่วงเวลาต่อมา ท่านเคาน์แบล็คก็เดินมาหาเดม เขามองหน้าของนางเอกก่อนจะส่งยิ้มให้เลลานี่ด้วยรอยยิ้มที่หวานปานน้ำผึ้ง
“เหนื่อยรึเปล่า..เจ้าไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะๆ ไม่ใช่หรือ?”
เป็นห่วงเป็นใยกันดีจังเลย ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสดูพระเอกและนางเอกพลอดรักกันในระยะประชิดเช่นนี้
“ขออภัยที่ข้าไม่ได้แนะนำตัวนะครับ เคาน์ลุควิคครับ”
เขากล่าวพร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อย แมเดอลีนย่อตัวลง
“แมเดอลีนค่ะ จากตระกูลเรเซเดน”
“เรื่องนั้นสีผมของเลดี้บอกข้าแล้วครับว่าเลดี้ผู้งดงามมาจากตระกูลเรเซเดนอย่างแน่นอน”
“....ขอบคุณค่ะ”
ทำไมพระเอกใจดีกับสตรีไปซะทุกคนแบบนี้กันนะ แล้วนางเอกจะเข้าใจเธอผิดไปไหมเนี่ย หรือว่าเธอควรจะเดินออกไปจากตรงนี้เพื่อเปิดโอกาสให้พระเอกและนางเอกได้มีซีนหวานๆ กัน
ใช่แล้วเธอควรจะเดินออกไป...
“คุยอะไรกันอยู่ครับ ท่าทางน่าสนุกเชียว”
เสียงนั้นมาจากบุรุษที่มีเส้นผมสีเขียวเข้ม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่จะต้องเป็นแฝดพี่อาดาลผู้ช่ำชองในเรื่องของสตรีอย่างแน่นอน และบุรุษที่เดินมาด้วยกันกับเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวร้ายตระกูลวีไซร์
“แมเดอลีน เรเซเดนค่ะ”
เธอย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อแนะนำตัวตามมารยาท แน่นอนว่าบุรุษทั้งสองคนไม่มีใครแนะนำตัวกลับเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขาคิดว่ารูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขา น่าจะทำให้เธอรู้จักว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นใคร
“ข้า..เหนื่อยแล้ว”
เลลานี่กล่าวออกมาพร้อมกับเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้นั่ง และลุควิครีบเดินตามไปในทันที
นี่คือจังหวะที่ดี..ที่เธอควรจะชิ่งหนีไป
แมเดอลีนยกชายกระโปรงขึ้นมาเล็กน้อย เธอจุดยิ้มที่มุมปากเพื่อเป็นการบอกลาผู้คนที่อยู่ตรงนั้น เธอควรจะเดินไปหาดาเนียที่กำลังนั่งรออยู่..
ทว่าในขณะที่เธอกำลังจะก้าวเดินกลับมีฝีเท้าของใครสักคน เหยียบลงบนชายกระโปรงของเธอ
เธอหันไปมองที่ด้านหลังก็พบเจอรองเท้าหนังสีดำที่มีเจ้าของเป็นท่านดยุควีไซร์ กำลังเหยียบลงไปบนชายกระโปรงของเธออย่างจงใจ
“ทะ..ท่านดยุคคะ”
เธอเรียกเขาพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ ที่แสนกระอักกระอ่วนให้เขา มือเล็กๆ ของแมเดอลีน กำลังพยายามดึงชายกระโปรงของตัวเองกลับมาอย่างสุดความสามารถ
คือเขาต้องรู้แล้วไหมว่าตัวเองเหยียบชายกระโปรงของเธอน่ะ แล้วทำไมเขาถึงไม่ยกฝีเท้าออกไปกันนะ
“ข้าคิดว่าข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้าสักหน่อย แบบเป็นการส่วนตัว”
อาดาลขยับรอยยิ้มพราย ให้ตายสิเขาไม่คิดว่าท่านดยุคจะเปลี่ยนเป้าหมายอย่างรวดเร็วมากขนาดนี้ เช่นนั้นในยามนี้มิใช่ว่าเขาคือส่วนเกินอย่างนั้นหรือ?
“ดูเหมือนสุราในแก้วของข้าจะหมดแล้ว ข้าขอตัวไปเติมสุราก่อนนะครับ”
เมื่อกล่าวจบอาดาลก็เดินจากไปในทันที ทิ้งให้แมเดอลีนและท่านดยุควีไซร์ยื้อชายกระโปรงกันไปมา
เอสเตบันจับข้อมือของแมเดอลีนเอาไว้ เขากำมือเธอเอาไว้แน่นก่อนจะพาเธอเดินออกจากงานเลี้ยงเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่พักด้านหลัง
“ทะ..ท่านดยุคคะ การเข้าไปในที่พักของท่านนั้นดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ข้าคือสตรีที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะ..”
เขาหรี่ตามองหน้าเธออย่างจับผิด
“ข้ามีบางอย่างที่ต้องการพิสูจน์หน่อย ตามข้ามาแค่ชั่วพักชั่วครู่ ชื่อเสียงของเจ้าไม่เสียหายเท่าไหร่หรอกน่า”