บทที่ 6 คนไร้หัวใจ
ลู่หนิงหวังผู้เห็นกองทัพเป็นชีวิตคนในกองทัพคู่พี่น้องร่วมทุกข์ร่วมสุขเขาจึงไม่รอช้าที่จะเอ่ยว่า
"หากเจ้าชอบนางล่ะก็..."
หานเซียวรู้ว่าพี่ชายของตนจะพูดคำใดออกมา แต่แวบหนึ่งในใจเขาไม่เคยเห็นพี่ชายนอนกับสตรีใดอย่างบ้าคลั่งเช่นคืนที่ผ่านมาพลันคิดว่าบางทีนางอาจยังเป็นที่ต้องการอยู่เขาจึงยับยั้งเอาไว้ก่อนที่จะรู้สึกผิด
"เจ้าออกก่อนไปเถิด ให้ท่านแม่ทัพไตร่ตรองให้ดีก่อนเจ้าก็รู้อารมณ์ของเขาดีบางครั้งก็ผลุนผลันไปหน่อย"
ทหารผู้นั้นแม้จะเสียดายแต่ก็เข้าใจเป็นอย่างดี หากท่านแม่ทัพเปลี่ยนใจขึ้นมาคนที่แตะต้องของ ๆ เขาก็อาจจะแย่ไปตาม ๆ กัน
เสียงของคนสนทนากันดังอยู่ด้านนอกหนานอิงได้ยินบางคำชัดบางคำไม่ชัดเจน ร่างกายของนางร้อนยิ่งกว่าไฟครานี้หาใช่ด้วยยาปลุกกำหนัดแต่เป็นเพราะพิษไข้ที่กำลังเข้าเล่นงาน
นางรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะตายเสียแล้ว
แม่ทัพใหญ่ทั้งสองต่างชำระร่างกายจนสะอาด ทหารนำโจ๊กร้อน ๆ ชามใหญ่สองชามมาให้เพื่อเป็นอาหารเช้า คนทั้งคู่ต่างกินไปอย่างเงียบเชียบเมื่อกินอิ่มก็พูดคุยเรื่องศึกสงครามระหว่างรอให้ทหารเตรียมความพร้อมที่จะออกเดินทางเพื่อเข้าวังหลวง
ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองหลวงราวสิบวันหากเร่งรีบใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่งก็คงถึงแต่คนทั้งสองกลับเลือกที่จะเดินทางอย่างสบายไม่ต้องการให้ความเร่งรีบเข้ามากำหนดพวกเขาอีกแล้ว
สองอ๋องสนทนากันจนลืมไปว่ายังมีสตรีผู้หนึ่งกำลังจะสิ้นใจด้วยพิษไข้นอนหายใจระรวยอยู่บนเตียง กระทั่งถึงเวลาที่จะต้องออกเดินทางและมีทหารมาเก็บข้าวของในกระโจมจึงพบนางนอนอยู่บนเตียงเข้า
"ท่านแม่ทัพขอรับ นางผู้นี้ทำเช่นไรดีขอรับจะปล่อยนางเอาไว้ที่นี่หรือจะพานางไปพร้อมกับเราขอรับ"
ซู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องต่างมองหน้ากันไม่มีผู้ใดเอ่ยคำใดออกมาต่างคนต่างคิดว่าไม่ใช่ธุระของตนเอง แต่แล้วเสียงแหบโหยของนางก็ดังขึ้น
"ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย"
ทหารผู้นั้นจึงมองพวกเขาอีกครั้ง อวิ๋นอ๋องได้ยินเสียงแหบโหยไร้เรี่ยวแรงนั้นพลันคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเขาหน้าแดงเล็กน้อย ยอมรับว่าติดใจในเรือนกายของนางอยู่บ้างในเมื่อนางปรนนิบัติถูกใจก็ย่อมได้รับรางวัล
"เช่นนั้นก็นำนางไปด้วย"
"ท่านรองแม่ทัพแต่นางเป็นสตรีของพวกท่านแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องนางแล้วนะขอรับ นางไม่อาจนั่งม้าร่วมกับผู้อื่นได้"
ซู่อ๋องเอ่ยเสียงเย็นอย่างรำคาญใจ
"ก็แค่นางโลมผู้หนึ่งเอานางไปให้พ้นหูพ้นตาข้าเป็นพอ"
อวิ๋นอ๋องเห็นพี่ชายไม่ยินยอมให้นางนั่งม้าไปกับเขาพลันหัวเราะออกมา สำหรับซู่อ๋องแล้วเมื่อไม่ได้อยู่บนเตียงสตรีทุกคนล้วนน่ารำคาญ ส่วนตัวเขาเองก็หาได้ใส่ใจในตัวนาง สตรีสำหรับอวิ๋นอ๋องก็ล้วนอ่อนแอน่ารำคาญเช่นกัน
"เจ้าพานางมาเช่นไรก็พานางกลับไปเช่นนั้น ข้างหน้าคือเมืองซูอานไม่ใช่หรือนางคงเป็นคนของหอนางโลมที่เมืองนั่นหากเข้าเมืองให้ใครสักคนพานางกลับไปส่ง โยนถุงเงินให้นางสักถุงใหญ่ก็น่าจะพอ"
ทหารผู้นั้นรับคำ เขาไม่อาจมองสตรีของท่านอ๋องได้จึงนำผ้าห่มคลุมกายเปลือยของนางและไม่รู้จะทำเช่นไรดี จะนำไปอย่างไรเล่าในเมื่อพวกเขาไม่มีเกวียนหรือรถม้า
สตรีผ่อนแอผู้หนึ่งกับกองทหารจากสงครามดูอย่างไรก็ไม่เข้ากัน
"แม่นางข้าล่วงเกินแล้ว"
ในเมื่อไม่รู้จะนำไปเช่นไรจึงคิดได้ว่าท่านรองแม่ทัพให้จัดการนางเช่นที่พามาในใจพลันนึกถึงกระสอบใหญ่ใบนั้น หนานอิงยังร่างกายเปล่าเปลือยถูกพันเข้าด้วยผ้าห่มที่ไม่หนามากจนถึงลำคอก่อนจะถูกจับยัดกระสอบโดยไม่สามารถท้วงติงได้
นางในตอนนี้เจ็บปวดไปทั้งร่างราวกับกำลังถูกไฟเผา ริมฝีปากแตกระแหงแม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่ได้ดื่ม ในใจคิดเพียงแต่ว่า
ท่านแม่ข้าคงไม่มีโอกาสตอบแทนบุญคุณของท่านแล้ว
ปากกระสอบถูกมัดไม่แน่นมากยังมีอากาศให้นางหายใจเพราะนางเป็นสตรีของท่านอ๋องจะให้ใครเห็นใบหน้าไม่ได้จึงต้องยัดนางเข้าในกระสอบทั้งตัวและนำนางออกให้ห่างจากกองทัพให้เร็วที่สุด
สตรีที่ผ่านมามักจะเป็นจุดอ่อนของบุรุษเสมอ ในกองทัพนี้จึงห้ามนำสตรีร่วมเดินทางด้วย
ดังนั้นทหารผู้นั้นจึงนำนางผูกกับม้าศึกที่ยึดได้จากศัตรูตัวหนึ่งเพื่อเดินทางมาพร้อมกับหน่วยทหารโดยที่คนภายนอกไม่รู้ว่าในกระสอบนี้บรรจุสิ่งใดไว้ภายใน
ท่านแม่ทัพเคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว หนานอิงถูกมัดในกระสอบยังถูกผูกติดกับหลังม้าที่วิ่งเร็วร่างของนางกระแทกกับหลังม้าหลายครั้ง เดิมทีก็เจ็บมากอยู่แล้วแต่คราวนี้นางเจ็บจนหมดสติไปแล้ว
จวบจนเข้าเมืองท่านอ๋องทั้งสองพาคนของพวกเขาเหมาโรงเตี๊ยมแทบจะทั้งหมดเพื่อให้ทหารของเขาได้พัก หากโรงเตี๊ยมไม่พอก็ให้ขุนนางใหญ่ในเมืองคอยต้อนรับทหารที่เหลือในกองทัพอย่างดี
ด้านหน้าถัดไปไม่ไกลมีหอนางโลมที่เลื่องชื่อ ม้าตัวหนึ่งบนหลังมีกระสอบใบใหญ่กำลังถูกจูงไปยังทิศนั้นด้วยได้รับคำสั่ง
"ออกมา มีผู้ใดอยู่บ้างท่านแม่ทัพมีคำสั่ง"
เสียงของทหารผู้นั้นห้าวหาญยังมีทหารท่าทางน่ากลัวที่เป็นลูกน้องติดตามมาอีกสองนาย แค่ชุดของพวกเขาก็ทำให้คนเกรงกลัวจนตัวสั่นยังมาส่งเสียงเอะอะที่ด้านหน้าหอทำให้แม่เล้าคนดูแลรีบออกมาต้อนรับพร้อมกับปาดเหงื่อที่จู่ ๆ ก็ซึมออกมาโดยไม่ทราบสาเหต
มีเรื่องอันใดคนที่เพิ่งกลับจากชายแดนจึงมาหาเรื่องพวกนางถึงที่นี่ ผู้ใดไปทำให้คนพวกนั้นโกรธเคืองกันหรือ?
ทหารผู้นั้นโยนกระสอบใบเก่าลงบนพื้นโดยไม่ปราณี ไม่สนใจว่าคนในกระสอบจะมีชีวิตดีหรือไม่ เขาได้รับคำสั่งให้มาส่งคนเท่านั้นจึงไม่สนใจว่าการโยนนางเช่นนั้นจะทำให้นางได้รับบาดเจ็บ
ในตอนนั้นเองที่ศีรษะของหนานอิงกระแทกเข้ากับพื้นจนแตกและเลือดเริ่มไหลซึมออกมา ความเจ็บปวดทำให้นางลืมตาตื่นแต่นางในตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงแล้ว
"คนในนี้เป็นสตรีของท่านแม่ทัพ ท่านให้นำส่งคืนที่นี่ดูแลนางให้ดีนี่คือรางวัลสำหรับนาง ส่วนนี่คือรางวัลสำหรับหอนางโลมของเจ้า"
ทัพของซู่อ๋องลู่หนิงหวังหลังจากชนะศึกได้เงินจากการยุติสงครามจากต่างแคว้นจำนวนมากจึงร่ำรวยไม่ใช่น้อย การตกรางวัลแก่หอนางโลมด้วยทองจำนวนหนึ่งจึงถือว่าเล็กน้อยเป็นอย่างยิ่ง
แม่เล้าผู้นั้นยังงงงวยเมื่อเปิดดูถุงเงินแล้วเห็นทองก้อนโตในนั้นอัดกันแน่นจึงตาลุกวาว นางคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม ด้วยความฉลาดของแม่เล้านางเข้าใจในทันทีว่าสตรีนางนี้ถูกส่งมาฝึกกับหอนางโลมของนางเพื่อปรนนิบัติท่านแม่ทัพใหญ่ที่เพิ่งยกทัพเข้าเมือง ดังนั้นนางจึงค้อมกายรับทราบศีรษะแทบจรดพื้น
"ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ไว้ใจหอนางโลมของข้า ข้าจะดูแลนางอย่างดีเจ้าค่ะ เร็วเข้าเด็ก ๆ อุ้มกระสอบนี่เข้าไปข้างในเร็วอย่าให้นางบอบช้ำเป็นอ้นขาด"