บทที่ 1 สุมิตาสุดสวย (1/2)
“คุณตาครับ ของที่สั่งไว้เมื่อวานจะนำมาส่งวันนี้นะครับ ว่าแต่พวกเมล็ดผักและปุ๋ยคุณตาสั่งไปไหนเหรอครับ” ราเชนทร์หรือเชน ผู้จัดการร้านคนเก่งที่ดูแลมาตั้งแต่ร้านอาหารสุมิตาเปิด เขาจึงเป็นที่ไว้ใจของเจ้านายสาว
“ตาสั่งมาด้วยเหรอคะ ไม่เป็นไร ค่อยเอาไปให้ชาวบ้านบนดอย แต่ของได้ครบใช่ไหมพวกเสื้อผ้าและเสื้อกันหนาว ผ้าห่มอย่าลืมนะ”
สุมิตายังคงเอ่ยย้ำ ของทั้งหมดที่สั่งมาคงต้องใช้รถบรรทุกขนขึ้นไป เพราะหากขนใส่ท้ายกระบะที่มีคงไม่หมด
“ครบหมดแล้วครับ รวมทั้งจักรยานด้วยครับ”
“จริงสิพี่เชน ซื้อน้ำมันใส่แกลลอนให้หน่อยได้ไหม รถมอเตอร์ไซค์หลังร้านน้ำมันหมด คืนนี้ตั้งใจว่าจะขี่ไปชมเมืองเสียหน่อย” เวลาเบื่อๆ หรือว่าฝันไม่ดี สุมิตามักจะขี่บิ๊กไบค์คู่ใจชมเมืองมากกว่ารถยนต์ เพราะกรุงเทพต่อให้ดึกแค่ไหนรถก็ยังติดอยู่ดี
“ได้ครับ ผมจะได้เอามาไว้ให้พนักงานเติมรถคันอื่นไว้ส่งอาหารให้ลูกค้าด้วย”
“พี่เชน หากเกิดฉันไม่อยู่แล้วพี่อย่าทิ้งร้านนี้นะ” อยู่ ๆ เธอก็พูดขึ้น จนราเชนทร์มองหน้าเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ หรือว่าคุณตาป่วยไม่สบาย”
“เปล่าหรอก ฉันพูดเผื่อไว้ หากฉันเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ พี่ขึ้นไปบนห้องฉัน ในตู้ตรงหัวนอนมีเอกสารฉบับหนึ่ง ให้เปิดวันที่เผาศพฉันเรียบร้อยแล้ว” สุมิตาพูดเหมือนจะสั่งเสีย ทำให้ราเชนทร์เริ่มใจไม่ดีกลัวว่าเจ้านายสาวจะเป็นโรคร้ายจนต้องสั่งเสียไว้
“คุณตาไม่เป็นอะไรแน่นะครับ” ราเชนทร์ถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรหรอกพี่เชน ฉันพูดไปอย่างนั้นเอง ชีวิตคนเราเอาแน่เอานอนไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าจะตายวันไหน” สุมิตาพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานของตัวเอง
ราเชนทร์มองตามแผ่นหลังของเจ้านายและครุ่นคิดในคำพูดของเธอ แต่พอคิดว่าสุมิตาพูดเล่นเขาจึงเดินกลับไปที่ห้องด้านหลังที่ทำเป็นโกดังเก็บของ รวมถึงแบ่งโซนไว้เป็นห้องเย็นเก็บพวกอาหารสดรวมถึงผักและผลไม้
หลังจากที่ปิดร้าน สุมิตาขึ้นมาห้องชั้นบนที่เธอสร้างไว้เป็นเพนท์เฮาส์สำหรับตัวเอง เพราะจะได้ไม่ต้องไปหาซื้อคอนโด เมื่อแต่งตัวรัดกุมเธอจึงขับบิ๊กไบค์คู่ใจท่องราตรี
เมื่อมาถึงวัดแห่งหนึ่งที่เปิดให้ทำบุญกลางใจเมืองกรุง เธอทำบุญเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น รวมทั้งปล่อยนกปล่อยปลา ใครว่าเธอไม่เหงา เธอเหงามาก ๆ เพราะไม่มีครอบครัว แม้แต่เพื่อนสนิทยังนับคนได้ เธอเติบโตมากับบ้านเด็กกำพร้า
‘หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ฉันมีครอบครัวที่พร้อมสมบูรณ์ด้วยเถอะ ขอให้ได้แต่งงานและอยู่กับคนที่รักฉันเพียงคนเดียว ขอให้มีครอบครัวที่อบอุ่นอย่าเป็นเด็กกำพร้าและอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างชาตินี้อีกเลย’
หลังจากออกมาจากวัดเธอยังคงขับรถไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ใจและสมองปลอดโปร่งก่อนจะกลับไปพักผ่อนและเริ่มต้นใหม่ในวันพรุ่งนี้ โดยที่สุมิตาไม่รู้เลยว่าเธอไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว สำหรับชาตินี้ เอี๊ยด! โครม!
เสียงเบรกรถเสียงดังเมื่อรถคันใหญ่ขับปาดหน้า จนสุมิตาต้องหักหลบและชนตอม่อเข้าอย่างจัง หมวกกันน็อคที่เธอใส่กระเด็นหลุด เธอกระอักเลือดอยู่สองสามครั้ง จากนั้นก็หมดลมหายใจ
“ไปอยู่ในที่ของตัวเองเถอะนะสุมิตา ฉันช่วยเธอได้เท่านี้”
เงาดำรูปร่างใหญ่ยืนพูดกับร่างไร้วิญญาณของเธอ ก่อนจะหายไปจากตรงนั้นเช่นกัน