บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 ข้าจะไม่แต่งงาน

กระทั่งนางโลมย้ายมาจากเมืองอื่น ยังต้องงดงามและมีความสามารถไม่น้อยจึงจะทำได้ แล้วตัวนางจะกล่าวว่าทำอาชีพอะไรจึงจะเหมาะสม หนิงอันนอนคิดเรื่องนี้มาทั้งคืนเพราะถูกต้าเซ่าเตือนเอาไว้ก่อนแล้ว

“ขอบคุณพี่ทหารเจ้าค่ะ ข้าเป็นอาจารย์หญิง ตั้งใจเปิดโรงเรียนสอนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่หมู่บ้านนอกเมืองไม่ไกล หากที่บ้านท่านมีเด็กผู้หญิง ก็สามารถส่งไปเรียนที่ข้าได้”

“อาจารย์สอนหญิงงั้นหรือ ดี ดี! เจ้าน่าจะผ่านนะ” ทหารหนุ่มตอบรับ ทำให้หนิงอันมั่นใจมากขึ้น

ชีวิตที่สองเป็นถึงนางโลมอันดับหนึ่ง ศาสตร์ศิลป์ย่อมไม่มีขาดตกบกพร่อง สามารถยกตนขึ้นเป็นครูได้โดยไม่อาย

“ว่าอย่างไร เจ้ามาจากที่ใด แล้วเหตุใดจึงอยากย้ายมาอยู่ในเมือง”

เข้าพบผู้ดูแลแล้วหนิงอันไม่กล้าโกหกเพราะรู้ดีว่าการเข้าเมืองแตกต่างจากการสนทนากับต้าเซ่า นางสามารถสร้างเรื่องโกหกได้ แต่อาจมีปัญหาหนักเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เป็นจริง จึงไม่หยิบยกเรื่องท่านลุงขึ้นมาพูดสักคำ และตอบไปตามตรงก่อนจะรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย

“ข้ามาจากเมืองทางใต้ห่างไปหนึ่งเมืองเท่านั้น บิดามารดาเสียชีวิตเพราะไข้ป่า ไร้ญาติขาดมิตรจึงคิดย้ายมาอยู่เมืองนี้ตามที่บิดามารดาสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากที่นี่น่าจะปลอดภัยสำหรับหญิงสาวตัวคนเดียว”

ผู้ดูแลเหลือบมองมวยผมอย่างหญิงหม้ายและการแต่งกายของหญิงสาวก็ไม่คิดหยิบยกมาพูด เขาคิดว่ามันเป็นวิธีการปกป้องตัวเองของหญิงตรงหน้า ซ้ำนางก็หน้าตาดีไม่น้อย แต่เหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เมื่อคิดไม่ออกผู้ดูแลก็เอ่ยถามต่อ

“แล้วเจ้ามีอาชีพอะไร ทำอะไรได้บ้าง เมืองเราไม่รับคนไร้ประโยชน์”

“เรียนผู้ดูแล ข้าตั้งใจจะเปิดโรงเรียนสอนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ให้รู้หนังสือ พวกนางย่อมสามารถช่วยเหลือพ่อแม่และทำงานได้มากขึ้นหากรู้หนังสือ นอกจากนี้ข้ายังตั้งใจสอนทั้งศาสตร์และศิลป์”

“ช้าก่อน” ผู้ดูแลยกมือขึ้นเพื่อห้าม หนิงอันหยุดปากทันทีเช่นกัน

“เจ้าบอกว่าเป็นลูกหลานชาวนาจากเมืองทางใต้นั้น แล้วรู้หนังสือ จนถึงศาสตร์ศิลป์ทุกประการได้อย่างไร”

หนิงอันตกใจเล็กน้อยแต่รีบเก็บท่าทางลงไปอย่างรวดเร็ว เผยรอยยิ้มน้อย ๆ

“ข้าได้เรียนอ่านเขียนมาบ้าง คงฝันไกลเกินไปที่อยากจะตั้งโรงเรียนสอนเด็กหญิง” สมองของหนิงอันทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อหาทางออก เห็นอุปกรณ์ชงชาวางอยู่โต๊ะด้านข้างก็หันไปเอ่ยถาม

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากจะทำเพื่อพิสูจน์ตนเอง ก่อนที่ท่านผู้ดูแลจะตัดสินได้หรือไม่ ใช้เวลาไม่นานหรอกเจ้าค่ะ” ว่าแล้วหนิงอันก็ชี้ไปทางชุดชงชา ผู้ดูแลจึงพยักหน้าให้นาง สงสัยว่าหญิงสาวจะทำอะไร

“สมัยยังเด็กมีผู้เฒ่าบาดเจ็บมาอาศัยอยู่บ้านข้าพักหนึ่ง ท่านสอนข้าเขียนหนังสือและกล่าวว่าชาที่ข้าชงนั้นอร่อยอย่างยิ่ง ระหว่างทางข้าได้แวะโรงน้ำชาหลายร้านแต่ก็ไม่มีร้านไหนชงชาได้อร่อยเท่าข้าจริง ๆ ท่านผู้ดูแลโปรดลิ้มลองแล้วพิจารณาอีกครั้ง” หนิงอันยื่นจอกชาให้อีกฝ่าย เขารับไปจิบก่อนเบิกตากว้างมองนางด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น

“ตกลง ข้าจะลงอาชีพให้เจ้า แต่เป็นอาชีพเปิดร้านขายชา ส่วนจะสอนเด็กผู้หญิงหรืออะไร ก็ตามแต่ใจเจ้า”

“ขอบคุณผู้ดูแลเจ้าค่ะ”

“ว่าแต่เจ้าจะเปิดร้านอยู่ที่ใด ข้าจะไปแวะไปเยือน”

“คิดว่าจะเปิดร้านบริเวณ…หมู่บ้านดงหลิวเจ้าค่ะ”

หนิงอันออกมาจากจวนเจ้าเมืองด้วยความโล่งอก นางเกือบทำไม่สำเร็จซะแล้ว ออกมาแล้วยังไม่ลืมกล่าวขอบคุณพี่ทหารยาม คิดว่าต้องรีบไปติดต่อซื้อที่ดินก่อนจะมืด ขณะที่คิดกลับถูกขวางทางเสียก่อน

‘สุนัขที่ดีไม่ขวางทาง’ หนิงอันอดบ่นไม่ได้เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงชายผู้หนึ่งจ้องมองมาทางนางด้วยสายตาราวกับประเมินของ ท่าทางเช่นนี้หนิงอันคุ้นเคยดี ชายผู้นี้ก็เปรียบดั่งชายหนุ่มทั่วไปที่เข้าใช้บริหารหอนางโลม แค่ต้องการหญิงสาวสักคนสำหรับทำเรื่องอย่างว่า หรือไม่ก็ต้องการหาอนุภรรยาเข้าบ้านเท่านั้น

“คุณชายท่านนี้ไม่ทราบว่า มีสิ่งใดให้ข้าช่วย?”

“ช่วย?” สีหน้าของเขาปรากฎความประหลาดใจหลายส่วน

“ใช่ หากไม่ต้องการความช่วยเหลือเหตุใดท่านจึงมาขวางทางข้า” หนิงอันเอ่ยเสียงนิ่ง

“เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ” ชายหนุ่มฟื้นจากความสงสัย เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มของคุณชายเสเพล

“ข้าไม่เคยพบท่าน”

“แต่ข้าเคยเห็นเจ้า อยู่ที่จวนนายท่านต้าเซ่า เจ้าเป็นเด็กในคาราวาน หรือเมียของลูกจ้างที่ตายไปแล้วเล่า? ยังสาวอยู่เลยนี่นา”

“...” หนิงอันขมวดคิ้ว ดูเหมือนการเข้าเมืองมากับท่านลุงต้าเซ่าก็มีข้อเสีย คือดึงดูดคนอย่างคุณชายผู้นี้มานั่นเอง

“ทำหน้าเช่นนี้ ใบหน้างาม ๆ ของเจ้าก็หมดสวยแย่ ข้าไม่ได้อยากมาขวางทางเจ้าซะหน่อย แต่ข้าให้สาวใช้มาเชิญแล้วเจ้าไม่ยอมไปพบ จึงต้องมาหาเจ้าด้วยตัวเองเช่นนี้”

“...” จำได้แล้วเป็นสาวใช้เมื่อกลางวัน หากรู้ว่าถูกส่งมาโดยตัวปัญหาให้เลือกสิบรอบนางก็ยังตอบเช่นเดิม

“ว่าอย่างไร จะไปจิบชาคุยกับข้าได้หรือยัง”

“ท่านต้องการอะไร” หนิงอันไม่อ้อมค้อม ตอนนี้นางมีเรื่องสำคัญต้องไปทำต่อ เพราะเกรงว่าตนเองอยู่ในเมืองจะต้องเจอเรื่องยุ่งยาก อย่างคุณชายคนนี้ หรืออาจจะเป็นคนต่อ ๆ ไปอีกหลายคน ดังนั้นขอไปอยู่อย่างสงบซะทีเถอะ

“เจ้ามีใบหน้าที่งดงาม น่าเสียดายที่เป็นหม้าย แต่ไม่เป็นไร เจ้ายังสาวยังสวย ข้าไม่ถือหากเจ้ายอมเป็นอนุภรรยาคนที่สิบห้าของข้า”

“ข้า?” หนิงอันสูดหายใจเข้าลึก แม้จะเป็นหม้ายก็ยังมีคนหมายปอง นี่สินะถึงเรียกว่าคนเนื้อหอม แต่นี่ทำให้แผนการที่จะมีชีวิตยืนยาวของนางไม่เป็นจริงแน่นอน

‘การแต่งงานทำให้อายุสั้น!’ หนิงอันมักจะย้ำเตือนกับตัวเองเสมอ ชีวิตแรกนางจบสิ้นลงเพราะการแต่งงาน สามีชั่วช้า ชีวิตที่สองเป็นนางโลมยิ่งรู้มาก การแต่งงานไม่ใช่จุดสิ้นสุดแต่เป็นจุดเริ่มต้นนรกบนดินต่างหาก

แม้แต่งไปเป็นภรรยาเอกก็ต้องว้าวุ่นใจกับการดูแลสามีและลูกรวมถึงเรือนหลังของสามีที่ตีกันไม่เว้นแต่ละวันปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้น หรือจะแต่งไปเป็นอนุภรรยาก็ต้องอยู่ด้วยความเมตตาจากภรรยาเอกและสามี ไม่ว่าจะเป็นที่โปรดปรานหรือไม่ก็ล้วนแต่อายุสั้น สรุปแล้วการแต่งงานทำให้อายุสั้น! นี่คือความคิดที่กลั่นมาจากประสบการณ์สองชาติภพและคอยย้ำเตือนว่าห้ามยุ่งกับการแต่งงานเด็ดขาดหากต้องการมีชีวิตที่ยืนยาว ดังนั้นสิ่งใดที่ขัดต่อความปรารถนาในการมีอายุยืน หนิงอันล้วนไม่ข้องเกี่ยว

“คุณชาย ข้ายังต้องไว้ทุกข์อีกสามปี นอกจากนี้ยังวางแผนว่าจะบวช เช่นนั้นคงต้องขออภัยแล้ว”

“...” ผู้มาชมความสนุกโดยรอบล้วนนิ่งอึ้ง กระทั่งคุณชายผู้นั้นก็เช่นกัน กว่าจะรู้ตัวหนิงอันก็เดินหายไปในฝูงชนเสียแล้ว

คุณชายเสเพลได้แต่นึกสงสัย นี่เขาได้ยินผิดไปหรือไม่ นางบอกว่าจะบวช?

ความจริงหนิงอันมีความคิดที่จะบวชจริง ๆ ถ้าบวชแล้วปลอดภัยก็คงจะไปบวชชีแล้ว แต่ในอารามนั้นอันตรายตรงที่เวลามีอะไรเกิดขึ้น มีสงครามหรืออะไรก็มักจะเป็นสถานที่อันตรายที่สุดเสมอ ถูกโจมตีอยู่ตลอด

ซ้ำยังอยู่อย่างสันโดษ ไม่รู้จะถูกโจรปล้นชิงจับตัวไปเมื่อไหร่ สุดท้ายนางจึงเลือกเมืองที่ไม่โดนผลของสงครามในชาติก่อน และหมู่บ้านที่ค่อนข้างใกล้เมืองสะดวกสบายไม่มีข่าวว่าโจรปล้นในเส้นทางนั้น ซึ่งก็คือหมู่บ้านดงหลิวในเมืองเหนือที่วังมารปกครองอยู่ เมืองที่นางเคยอาศัยอยู่สมัยยังเป็นนางโลมนั่นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel