บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ข้าก็ฉลาดไม่น้อย

“ท่านตา ข้าต้องการเข้าเมือง แต่ว่า…ตั้งแต่ท่านพ่อท่านแม่ ท่านยายตาย ออกจากบ้านข้าก็ยังกลัว ข้ารู้สึกว่าหากมีอะไรที่รับรองความปลอดภัยของตนเองได้ จะรู้สึกดีกว่ามาก ท่านตาคิดว่าหากข้าจ้างทหารรับจ้างในหมู่บ้านจะดีหรือไม่เจ้าคะ”

“เจ้ามีเงินหรือ ทหารรับจ้างใช้เงินไม่น้อย แม้จะเป็นกลุ่มที่แขนขาพิการแต่เป็นทหารเดนตายชายแดนมาก่อน พวกเขามีความสามารถมากก็ใช้เงินจ้างสูงมากตามไปด้วย ที่ข้ารู้จักก็เจ้าหู่ที่อยู่หลังเนินนู่นไง คิดตั้งห้าตำลึงเงินแน่ะ นี่แค่จะเข้าเมืองนะ”

“...” หนิงอันอ้าปากเหวอ นางไม่สามารถใช้เงินได้เยอะขนาดนั้น เพราะวางแผนว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ไม่มีความคิดขายบ้านเดิม เนื่องจากเสียดายสถานที่แห่งความทรงจำ

“เอาอย่างนี้ เจ้ารอไปก่อนสักครึ่งเดือน ได้ยินว่ามีคาราวานหนึ่งจะผ่านทางนี้ ท่านพ่อค้าใจดี หากจ่ายสักสองสามร้อยอีแปะก็คงติดตามไปได้”

“ขบวนพ่อค้าเร่หรือเจ้าคะ” หนิงอันตาเป็นประกาย เมื่อครั้งอยู่หอนางโลม นางได้มีโอกาสได้รับแขกต่างบ้านต่างเมืองเป็นพ่อค้าเร่ แต่แท้จริงฐานะกลับสูงส่ง จึงพอจะรู้ว่าขบวนพ่อค้าเร่นั้น แม้จะเป็นขบวนเล็ก ๆ แต่ก็ต้องจ้างสำนักคุ้มภัยมาคุ้มกันสินค้า กลุ่มโจรที่นางเคยเจอไม่ใช่กลุ่มใหญ่ ย่อมไม่กล้าโจมตีแน่นอน

“ใช่ อีกครึ่งเดือนก็มาถึง แต่เพียงแค่ผ่านทางไม่ได้แวะ อย่างไรเจ้าก็ต้องคอยเฝ้าดูไว้เอง ข้าไม่แน่ใจว่ากระดูกแก่ ๆ จะทันวิ่งไปเรียกให้เจ้าหรือไม่”

“ขอบคุณท่านตาเจ้าค่ะ ข้าจะเฝ้าดูเองไม่ต้องรบกวนท่านตาแน่นอน”

“อืม แล้วนี่เจ้าจะไปนานหรือไม่ ข้าจะได้ให้บุตรชายช่วยดูบ้านเอาไว้ให้”

“ท่านลุง ข้าจะไปนานจริง ๆ เจ้าค่ะ ไม่รู้จะกลับมาเมื่อใด อย่างไรก็ฝากให้ท่านดูแลบ้าน หากมีผู้ต้องการใช้งานก็อยู่ได้ชั่วคราว หรือท่านสามารถนำมาหาประโยชน์ได้ก็ถือเป็นค่าตอบแทนแล้วกันเจ้าค่ะ”

“ได้อย่างไร ข้าจะให้บุตรชายเตรียมไว้เผื่อเจ้ากลับมา” ตาเฒ่าดูเหมือนไม่ได้ต้องการอะไรจากเด็กสาวจริง ๆ หนิงอันจึงต้องหาทางอื่นเพื่อตอบแทนเขา

“เช่นนั้นท่านตาก็เก็บไว้เพียงบ้านของข้า ส่วนบ้านของท่านยายหนิง สามารถให้คนมาใช้งานได้เลยเจ้าค่ะ ที่ดินรอบ ๆ บ้านข้าปลูกสิ่งใดก็งาม ให้พี่สะใภ้มาปลูกพืชปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ที่นี่ก็ได้จะได้ไม่ต้องเทียวตัดหญ้า”

“เจ้าเป็นเด็กดีจริง ๆ ว่าแต่เจ้าจะย้ายไปอยู่ไหนหรือ”

หนิงอันนิ่งไป ก่อนจะยิ้มหวานตอบด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนคนโกหกแม้แต่น้อย

“ท่านแม่เคยกล่าวว่าท่านลุงของข้าอาศัยอยู่เมืองทางเหนือ ข้าคิดว่าจะไปตามหาท่านลุงเจ้าค่ะ”

“ดี ดี ขอให้เจ้าได้เจอคนในครอบครัว”

“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”

“กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”

ชายชรามองตามหลังหญิงสาว เขารู้สึกเหมือนนางกำลังจะโบยบินสู่โลกกว้าง ให้ความรู้สึกวูบโหวงราวกับจะไม่ได้พบกันอีกครั้ง

‘นี่เหมือนกับคนเหล่านั้นที่บอกจะออกไปตามหาญาติ สุดท้ายที่เหลือกลับมาหากไม่ใช่กระดูกก็มีชีวิตกลับมาไม่กี่คน’ แม้จะคิดเช่นนั้น แต่ตาเฒ่าก็ให้บุตรชายดูแลกระท่อมเอาไว้ให้หญิงสาวในทุก ๆ ปี เผื่อว่านางจะกลับมาในสักวัน

หญิงสาวรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นดั่งสาวงามในภาพวาดเซียนกำลังนั่งหย่อนขาอยู่ริมระเบียง บ้านของท่านยายหนิงเป็นเรือนแบบสองห้องนอน มีครัวแยกต่างหาก ดูเหมือนจะพอมีพอใช้ไม่ขาดมือ เพียงแต่ท่านยายนั้นไร้ญาติขาดมิตร สุดท้ายก็รับหนิงอันเป็นทายาทด้วยความเอ็นดู

หากพูดแล้วชาวบ้านล้วนอิจฉาที่หนิงอันได้รับมรดกทั้งจากพ่อแม่ และจากท่านยายหนิงโดยไม่มีผู้ใดรู้ว่า สมบัติจากทางบิดามารดานางก็ได้มาไม่น้อยหน้ากัน ไม่เช่นนั้นคงชุบเลี้ยงบัณฑิตยากจนกระทั่งกลายเป็นขุนนางไม่ได้

หนิงอันในชีวิตแรกไม่มีความสามารถใด ๆ นอกจากสินเจ้าสาวที่ติดตัวไป แต่ตอนนี้นางมีทั้งเงินและความสามารถ ย่อมต้องอยู่อย่างสุขสบายจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตได้อย่างแน่นอน

ถึงอย่างนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการผิดแผนขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวจำเป็นต้องวิเคราะห์และวางแผนอย่างรอบคอบ

“กองคาราวานจะมาในอีกสามวัน” นับจากวันที่นางไปติดต่อกับท่านตาหวัง ก็ผ่านมานานแล้ว หนิงอันยังเฝ้ารอกองคาราวานทุกวันอย่างใจจดใจจ่อ

“สมบัติทุกชิ้นข้าก็เตรียมเอาไว้หมดแล้ว เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เรียบร้อย ยังมีเกราะอ่อนของท่านลุง…” นึกถึงเกราะอ่อนทหารที่ท่านยายมักจะเอามาอวด ทำให้หนิงอันยิ้มน้อย ๆ ขึ้นมา นี่เป็นเกราะของบุตรชายแท้ ๆ ของท่านยายที่เสียชีวิตในสนามรบ ความจริงควรจะได้กลับมาเพียงเบี้ยเลี้ยงและค่าชดเชย แต่เพราะท่านยายไม่ยินยอมต้องการร่างของท่านลุง จึงได้รับกลับมาเป็นเกราะที่ท่านลุงสวมประจำแทน เนื่องจากร่างของท่านลุงนั้นไม่สามารถเก็บกู้กลับมาจากสนามรบได้

และเพื่อความปลอดภัย รวมถึงป้องกันไม่ให้ตนเองตายไวเหมือนชีวิตก่อน ๆ อีก หนิงอันถึงขนาดนำเกราะอ่อนของท่านลุงไปทำความสะอาด ตัดเย็บใหม่ให้พอดีตัว แล้วใส่ทับเข้าด้านในเป็นที่เรียบร้อย

เนื่องจากนางเป็นคนรูปร่างเล็กจึงดูไม่เทอะทะ เพียงเหมือนสวมเสื้อผ้าหนาขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น

“แต่ใบหน้าของข้าค่อนข้างโดดเด่น” มือบางลูบกรอบหน้าเบา ๆ เพราะอยู่ในทุ่ง วุ่นในป่าทุกวัน จึงไม่ทันสังเกตว่ารูปร่างหน้าตาของตนนั้นงดงามไม่น้อย ชีวิตที่สองจึงกลายเป็นนางโลมอันดับหนึ่งได้อย่างไม่น่าประหลาดใจ แต่เมื่อคิดว่ามันอาจดึงดูดภัยมาใส่ตัว ก็ต้องหาวิธีรับมืออีก

“แค่งอบไม่เพียงพอ ผ้าปิดหน้านี้…คงไม่ดูประหลาดใช่หรือไม่นะ” หนิงอันกังวลเล็กน้อย แม้จะเคยอยู่ในเมือง เคยเห็นหญิงสาวสวมงอบติดผ้ามุ้ง หรือใช้ผ้าปิดหน้า แต่ก็เป็นจำนวนน้อย ตัวนางเป็นสาวชาวนาสวมแบบนี้ไม่รู้ว่าจะผิดสังเกตหรือไม่

“ไม่ได้ ข้าจะดูโดดเด่นเกินไป” คิดแล้วก็เปลี่ยนวิธี เดินวนไปมาในบ้านของท่านยาย กระทั่งมองเห็นถังย้อมผ้าก็จดจำได้

“จริงสิ” คิดแล้วก็รีบวิ่งไปหลังบ้านท่านยาย เด็ดสมุนไพรย้อมสีแดงลงมาห่อเก็บไว้ในผ้าอย่างระมัดระวัง ส่วนที่เหลือก็นำมาป้ายตามใบหน้า แค่นี้หน้าของหญิงสาวก็กลายเป็นกระดำกระด่างไม่น่ามอง รวมทั้งผิวพรรณที่ถูกน้ำย้อมจนกระดำกระด่างไม่ต่างกัน

“เยี่ยม! ข้านี่ฉลาดจริง ๆ ไม่เสียชาติเกิด” มีชีวิตมาสามรอบแล้ว หากยังโง่เขลาไม่ระมัดระวังจนต้องตายง่าย ๆ อีก ก็คงเสียชาติเกิดแล้ว

“คราวนี้ข้าจะมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างแน่นอน!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel