ชินอ้ายเตอ - 05
"แล้วอายล่ะ เรียนเก่งที่สุดในห้อง ตอนนี้น่าจะมีหนุ่ม ๆ มาจีบเพียบเลย เอ๊ะ! หรือว่าแต่งงานมีครอบครัวแล้ว"
ความคิดเองเออเองและยังคงหลงตัวเองที่แก้ไม่หายของยัยปูเป้เริ่มจะทำให้งานกร่อย
"เราเป็นเลขาบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์ดัง แบรนด์เดียวกันกับที่ปูเป้โปะบนหน้านั่นแหละ"
ฉันกับพวกสามหนุ่มเกือบจะกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นคนที่เคยเรียบร้อยอ่อนหวานอย่างยัยอายพูดจาจิกกัดเอาเรื่องก็วันนี้
"แค่มองหน้า อายก็รู้เลยเหรอว่าเราใช้ยี่ห้อไหน"
คนอย่างยัยปูเป้ที่ทั้งอวดรวยและทำตัวเป็นไฮโซคงหนีไม่พ้นแบรนด์เครื่องสำอางที่ดังและแพงที่สุดในตอนนี้หรอก
"แน่นอนว่าไม่ใช่ ใครจะเห็นแค่แป้งบนหน้าก็ดูออกว่ายี่ห้อไหน แต่บังเอิญเห็นตอนที่ปูเป้ตบแป้งในห้องน้ำเลยรู้ว่าใช้แบรนด์ที่เราเป็นเลขาอยู่"
ยัยอายเลือกใช้คำว่า 'ตบแป้ง' แทนเติมแป้ง
"แต่ละคนมีงานดี ๆ ทำกันทั้งนั้นเลยนะ ป๋องแป๋งนี่ไม่ต้องถามเลยเราเห็นในยูทูปบ่อย ๆ"
ใช่ เพราะไอ้ป๋องแป๋งเป็นยูทูปเบอร์อันดับต้น ๆ ที่มีคนติดตามหลายล้านและรายได้แต่ละปีก็หลายสิบล้านเช่นกัน
"แล้วป่านล่ะ สวยเช้งแบบนี้คงเป็นดาราหรือไม่ก็นางแบบแน่เลย"
เฮอะ! ช่างไม่รู้จักฉันเอาเสียเลย
อาชีพที่มีแต่ความวุ่นวายแก่งแย่งชิงดีไม่เป็นอิสระฉันไม่ทำหรอก
"ก็ไม่ได้ทำอะไรโดดเด่นเหมือนคนอื่นหรอก ฉันเป็นแค่แม่ค้าออนไลน์ รายได้พอประทังชีวิตไปวัน ๆ"
เหมือนจะเห็นรอยยิ้มสะใจบนใบหน้าเธอ
"ป่านก็ถ่อมตัวอีก สมัยนี้แม่ค้าออนไลน์รายได้เดือนละเป็นล้านเยอะแยะ ไม่ต้องทำอะไรมากด้วยแค่ไลฟ์ขายของ"
มาอีกคนแล้ว ฉันล่ะเกลียดจริง ๆ พวกไม่รู้อะไร ตีความแค่สิ่งที่ตาเห็น
"ปูเป้ไม่รู้หรอกว่าแม่ค้าออนไลน์เขาเหนื่อยไม่แพ้อาชีพอื่น ๆ บางทีอาจจะหนักกว่าอาชีพอื่นด้วยซ้ำเพราะต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ลูกค้าร้อยพ่อพันแม่ ต้องเจอกับนักเลงคีย์บอร์ดที่เข้ามาสั่งของ ไม่มีเงินแต่อยากได้ ส่งก่อนนะแต่ไม่จ่ายตังค์"
ดูออกแหละที่เธอเงียบเพราะสะใจกับอาชีพที่ฉันเป็นอยู่ มันคงต่ำในสายตาลูกคนรวยอย่างเธอ ไม่สิต้องบอกว่าที่เธอมองว่าต่ำเพราะฉันทำอาชีพนี้มากกว่า
"คอแห้งจัง ขอจิบน้ำแป๊บ"
หึ! ท่าทางจิบน้ำที่แสนจริตจะกร้านทำฉันกรอกตามองบน
"ไอ้อาย ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยสิ"
บอกตรง ๆ ว่าทนเสวนากับอดีตเพื่อนเก่าคนนี้ไม่ไหวจริง ๆ
"ไปสิ พวกกูไปด้วย!"
เหมือนสามทหารเสือมันจะรู้ความคิดฉันเลยพร้อมใจกันลุกออกจากโต๊ะ ปล่อยให้ยัยปูเป้น้่งเชิดหน้าชูคอเพื่อกลบเกลื่อนความหน้าแตกที่ถูกพวกฉันเผ่นหนีแบบเนียน ๆ ต่อหน้าเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ไม่ค่อยสนิทกัน
"แม่ง! หมดสนุกเลยว่ะ" เสียงไอ้ป๋องแป๋งพูดอย่างหงุดหงิด
"นั่นสิ ใครแม่งเชิญนางมาวะ!?" ดับเบิลเกาหัวแกรก ๆ หน้าไม่สบอารมณ์เวลานึกถึงคนในหัวข้อสนทนา
"งูบนหัวใครวะที่แม่งกระดี๊กระด๊าออกมาโผล่โชว์ตอนแรก มาตอนนี้ทำเป็นหัวเสียให้เธอ" ไอ้อิฐแขวะคืน
"ตอนแรกกูตะลึงนม แต่ตอนนี้กูขอบาย นมใหญ่ไม่เท่าไอ้ป่านไม่ว่า ปากดีกว่าไอ้ป่านอีก ดับเบิลขอบาย กลับมาซบอกน้องอายอายคนนี้ดีกว่า"
ได้ทีหื่นใส่เพื่อนเชียว
"โอ๊ะ! ลืมไป"
ยัยอายเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ สักพักนางก็ล้วงเอาอะไรบางอย่างมาสวมที่นิ้วมือ
"อะไรน่ะ" ดับเบิลชี้ไปยังของที่อยู่บนนิ้วมือไอ้อาย
"เบิลไม่รู้จริงดิ" ไอ้อายทำหน้าไร้เดียงสามองดับเบิลตาปริบ ๆ
"นุ้งอายหลอกด่าว่ามึงโง่ว่ะเพื่อนเบิล" ไอ้อิฐตบไหล่ดับเบิลคล้ายจะปลอบใจแต่เหมือนซ้ำเติมมากกว่า
"ได้ไงวะอายไม่เห็นบอกกันเลย" ฉันยิ้มดีใจกับแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายเพื่อนรัก
"กะจะมาเซอร์ไพร์สที่นี่ไง"
ฉันรีบเข้าไปสวมกอดนางทันที
"ร่อนการ์ดของจริงใช่ปะ?"
ฉันตวัดหางตามองไอ้ปากหมาอิฐที่มันยังแซะไม่เลิก
"กูบอกแล้วว่าไอ้ป่านจะกลายร่าง"
ดูมัน ไอ้อิฐยังไม่เลิกกวนประสาทฉันอีก หาว่าที่ขึงตาดุใส่มันเพราะจะกลายร่างเป็นนางยักษ์
"อยากลองให้ฉันกลายร่างจริง ๆ มั้ยล่ะ" ก้าวเข้าไปหาไอ้อิฐที่ลูบแขนสองข้างทำหน้าสยองเหมือนเห็นผีตาโบ๋ก็ไม่ปาน
ทว่ายังไม่ทันจะได้งาบหัวเพื่อนปากดีตัวฉันก็แข็งทื่อขึ้นมาเมื่อเห็นรถคันหนึ่งที่เพิ่งขับมาจอดห่างจากตรงที่พวกฉันยืนอยู่สองคันรถ
"ไอ้ป่าน"
"..."
"ป่าน"
"ป่านรัก!"
"ฮะ!? อะไรของพวกแก"
รีบยกมือแคะขี้หูทันทีเมื่อถูกพวกไอ้อิฐตะโกนเรียกชื่อเสียงลั่น
"กูนึกว่ากำลังถอดวิญญาณมากินหัวกู เรียกตั้งนานจะเหม่อไปถึงไหน"
ฉันไม่ตอบไอ้อิฐ เอาแต่มองดูทะเบียนรถสปอร์ตที่เพิ่งจอดเมื่อกี้
ไม่จริงใช่ไหม เลขทะเบียนเดียวกัน สีและยี่ห้อรถเหมือนกันแบบนี้ไม่ใช่รถแฝดแน่นอน
"ฉันขอตัวกลับก่อนนะ พอดีนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปเคลียร์สวนถาดส่งลูกค้าพรุ่งนี้"
รีบบอกลาเดอะแก๊งแทบจะลิ้นพันกัน
"เดี๋ยวดิวะ แกมารถอะไร" ไอ้อิฐรั้งไว้
"ไอ้เรสมาส่ง เดี๋ยวไปยืนรอด้านนอก ไม่ถึงสิบนาทีมันก็มารับแล้ว"
ฉันต้องรีบไป ยืนอยู่ตรงนี้นาน ๆ มันเป็นเป้าสายตาเกินไป
"กูไปส่งดีกว่า" ไอ้อิฐยังเป็นคนเสนอตัวไปส่ง
"แกไปสนุกกับพวกนี้ต่อเถอะ มองตาก็รู้แล้วว่ามีไหลชัวร์"
นานทีปีหนจะได้มาเจอกันพวกสามทหารเสือย่อมมีต่อรอบนอกกันบ้างแหละ
"งั้นอายไปด้วย เดี๋ยวไปรอแฟนหน้าโรงเรียนเป็นเพื่อน"
ฉันพยักหน้ารีบจูงมือยัยอายเดินออกมาโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของพวกไอ้อิฐสักนิดเดียว