ชินอ้ายเตอ - 06
"ป่านหนีอะไรอยู่เหรอ"
สมแล้วที่สนิทกันมานาน
"จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ค่อยน่าอยู่เท่าไหร่"
"อืม งั้นเดี๋ยวอายโทร.หาแฟนก่อนนะ"
ฉันพยักหน้าให้เธอแล้วหันมาโทร.หาไอ้ญาติตัวดีเหมือนกัน
รอไม่นานเรสซิ่งก็รับสาย
"มารับด่วน!" กรอกคำสั่งลงไป
[ตอนนี้เลยเหรอเจ้?]
ถามกลับมาแบบนี้แปลว่ามันต้องอยู่สักที่ที่ไกลจากจุดที่ฉันอยู่มาก
"เออ ตอนนี้ ฉันให้เวลาแกสิบนาที ช้าหักนาทีละพัน"
[หน้าเลือดว่ะ]
ใครกันแน่หน้าเลือด เจอหน้าเป็นขอตังค์ ๆ
"เหลือเวลาเก้านาทีสี่สิบห้าวินาที"
[เออ ๆ ไม่ต้องโหดขนาดนี้ก็ได้ปะ? รอหน้าโรงเรียนที่เดิมนะ]
"อืม ตามนั้น"
ฉันวางสายไปแล้ว และเป็นจังหวะเดียวกันกับรถเบนซ์สีดำจอดเทียบตรงฟุตบาตที่ยืนอยู่พอดี
"แฟนเรามาแล้ว" อายบอกเสียงเขิน
"อืม กลับดี ๆ ล่ะ" ฉันยิ้มหวานให้เธอ
ส่วนยัยอายก็โบกมือลาฉันรีบวิ่งไปขึ้นรถคันนั้นทันที
มองนาฬิกาที่หน้าจอโทรศัพท์บอกว่าตอนนี้สี่ทุ่มแล้วถือว่าเวลากำลังดีที่จะกลับจากงานเลี้ยง
มองถนนที่นาน ๆ ทีจะมีรถผ่านเพราะเส้นนี้ถนนคับแคบคนเลยไม่สัญจร
"ป่านรัก?"
"..!"
"นั่นป่านจริง ๆ เหรอ?"
เสียงที่ฉันไม่ได้ยินมาหลายเดือนทักขึ้น หันกลับไปมองก่อนจะถอนหายใจแล้วตอบคำถามนั้น
"อืม ยังจำกันได้อีก?"
ที่พูดคือประชดนะ เขาน่าจะลืม ๆ ฉันสักที เอาดี ๆ คือ น่าจะหายไปจากชีวิตฉันตลอดไปซะ
"ตอนแรกก็เกือบจำไม่ได้เหมือนกัน" เสียงเหมือนดีอกดีใจที่ได้เจอฉันเอ่ยขึ้น
รองเท้าหนังยี่ห้อดีเงาวับก้าวตรงมาทางฉันพร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
"ป่านรู้ตัวไหมว่าตัวเองสวยขึ้นมากเลย"
นี่คือประโยคทักทายแรกของคนที่ 'เลิกกัน' ไปแล้วหลายเดือน
"เหรอ" ไม่ได้อยากได้ยินคำชมที่เสแสร้งนี้เลยจริง ๆ
"ป่านมางานเลี้ยงรุ่นเหรอ?"
พอเขาถามคำถามนี้ฉันก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
"แล้วนายล่ะ เป็นศิษย์เก่าที่นี่ก็ไม่น่าใช่ หรือว่ามารับ 'แฟน' ที่นี่"
"ป่านยังหึงพี่อยู่เหรอ"
เอาสมองส่วนไหนคิดว่าฉันกำลังหึงคนที่เลิกกันไปแล้ว?
"ถามตามมารยาทน่ะ"
ไอ้เรสซิ่งเมื่อไหร่จะถึงเนี่ย ฉันไม่อยากยืนอยู่กับหมอนี่ในที่เปลี่ยว ๆ แบบนี้นาน ๆ นะ
"ป่านรอแฟนเหรอ?"
นี่กำลังหลอกถามฉันหรือเปล่า?
แต่ยังไม่ทันได้ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่คนที่ชอบถามเองคิดเองและก็ตอบเองพูดขึ้นเสียก่อน
"ถ้าป่านยังโสด เรากลับมาคบกันไหม?"
"..?" ฉันได้แต่มองหน้าคนที่เพิ่งเลิกกันไปได้ราว ๆ สี่ห้าเดือนแล้วกลับมาพูดประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความสำนึกผิดกับสาเหตุที่เราเลิกกันเลย
แต่เสียใจด้วยนะ บังเอิญว่าฉันไม่ชอบกินน้ำพริกถ้วยเก่า แต่การจะหาข้ออ้างหรือปฏิเสธผู้ชายอย่างเขาแบบปากเปล่ามันช่วยไม่ได้ คนแบบหมอนี่ต้องมีหลักฐานถึงจะยอมปล่อยฉันไปดี ๆ
"ป่านรู้ไหมตลอดเวลาที่เราเลิกกันพี่ไม่เคยกินอิ่มนอนหลับสักนาที"
เชื่อตายล่ะ ดูสุขภาพแข็งแรงหน้าอิ่มเอิบขนาดนี้ไปหลอกเด็กเถอะ!
"ป่านครับ" เสียงที่ฉันชอบฟังตอนที่เราคบกันดังขึ้น
"ป่านให้โอกาสพี่อีกสักครั้งกลับมาคบกันอีกได้ไหม"
"แน่ใจเหรอคะว่าอยากให้ป่านกลับไปจริง ๆ"
เมื่อกี้ถามว่าเขามาทำอะไรยังไม่ตอบเลย แล้วแบบนี้จะให้ฉันยอมกลับไปกินน้ำพริกถ้วยเก่าแบบเขาที่ไม่รู้บูดหรือขึ้นราแค่ไหนแล้วคงทำไม่ลง
"แน่ใจสิ เมื่อกี้ตอนที่พี่เห็นด้านหลังก็รู้เลยว่าคือป่านแน่ ๆ แค่แผ่นหลังแฟนพี่จำได้แม่นเลย"
"เรียกอดีตแฟนดีกว่าค่ะ" ฉันย้ำสถานะ
"ป่านอย่าเย็นชานักสิ ป่านรักที่พี่เคยรู้จักทั้งอ่อนหวานและเรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือน"
เพราะอดีตฉันเป็นแบบนั้นไงถึงได้เจอจุดจบแบบในตอนนี้
เมื่อไรไอ้เรสซิ่งจะมาสักที ผ่านไปห้านาทีกว่าแล้วยังไม่เห็นแม้เงารถ ฉันไม่อยากยืนอยู่กับผู้ชายที่น่าขยะแขยงคนนี้ตรงนี้นาน ๆ
หมับ!
"อ้ะ ทำอะไรน่ะ!?"
รีบสะบัดมือทันทีที่อดีตแฟนอย่างเขาเข้ามาถึงเนื้อถึงตัว
"ป่านยังตัวนิ่มเหมือนเดิมเลย"
ฉันยกมือลูบแขนตัวเองเมื่อความเย็นยะเยือกของอากาศบวกกับสายตาแฟนเก่ามองมาอย่างกับอยากรื้อฟื้นอดีต
ไอ้เรสนะไอ้เรส ถ้าอีกสองนาทียังมาไม่ถึงฉันจะแพ่นกะบาลมัน ฟ้องน้าแมวใส่สีตีไข่ไม่ให้มันได้เงินเดือนไปสักสามเดือนเลย!
"ป่านขอตัวก่อนนะ" ฉันคงยืนรอไอ้เรสซิ่งตรงนี้ต่อไม่ได้แล้วเพราะคนอย่าง 'เขา' ไม่มีทางหยุดแค่นี้ถ้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
"เดี๋ยวสิ!"
ทว่าเขาเดาใจฉันได้จึงรีบเดินมาดักหน้าเอาไว้
ตอนนี้เหมือนโลกทั้งใบมีแค่ฉันกับแฟนเก่าเพราะไม่มีใครผ่านไปผ่านมาเข้าซีนเลยสักคน
ใช่แล้ว! ถ้าติดต่อพวกสามทหารเสือให้คนใดคนหนึ่งออกมาช่วยแก้สถานการณ์ตอนนี้ได้เรื่องน่าจะจบ ทว่า...
หมับ!
"อ๊ะ! พี่เพทายปล่อยป่านนะ!"
จู่ ๆ 'เพทาย' แฟนเก่าฉันก็เข้ามากอดฉันเอาไว้แน่นอย่างไม่ทันตั้งตัว
นาทีนี้หัวใตฉันหล่นไปอยู่ตาตุ่มหมดแล้ว มองหารถไอ้เรสซิ่งก็ไม่เห็นโผล่มาสักที จนกระทั่งสายตาสบเข้ากับสายตาคู่หนึ่งที่เหมือนกำลังมองมาทางนี้
เขาคนนั้นยืนอยู่ตัวคนเดียวห่างฉันไปไม่กี่เมตร
ผลัก!
รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีสะบัดจนหลุดออกจากอ้อมกอดน่ารังเกียจนั้น หันไปจ้องตากับคนที่ฉันรู้สึกขยะแขยงเขายิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าเขาทำเหี้ยอะไรไว้ในอดีต
"เมื่อกี้พี่ถามฉันใช่ไหมว่ากลับมาคืนดีกันได้หรือเปล่า" ฉันแสยะยิ้มจ้องตาคู่คมที่ไม่เคยมีความจริงใจในแววตาคู่นั้น ขยับริมฝีปากสีไวน์แดงแล้วเอ่ยต่อ
"โทษทีนะ ฉันมีแฟนใหม่แล้ว"
เท้ายาว ๆ บนส้นสูงสามนิ้วก้าวไปหาเป้าหมายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร คว้าหมับเข้าที่วงแขนแกร่งที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ ทำตัวเหมือนรู้จักเขาทั้ง ๆ ที่เพิ่งมองเห็นการมีตัวตนอยู่ของเขาเมื่อตะกี้
คนแปลกหน้าที่จู่ ๆ ถูกฉันทำลายบรรยากาสเพิ่มมะเร็งปอดเข้าสู่ร่างกายทำหน้างงเล็กน้อย
ฉันรีบอาศัยจังหวะที่เพทายยังไม่เดินตามมากระซิบบอกเขาเบา ๆ
"ช่วยฉันหน่อย เดี๋ยวให้พันห้า"
หมอนั่นหันกลับมามองฉันด้วยแววตาเรียบนิ่งก่อนจะขยับปากโต้ตอบ
"พันห้า?" เขาเลิกคิ้วถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
"อืม เดี๋ยวจ่ายสดหลังจบงาน" ฉันกระซิบบอกพร้อมมองอีกคนที่กำลังจะเดินมาทางนี้แล้ว
"พันห้า...ไม่เอาได้ไหม?"
อะไรของหมอนี่เงินตั้งพันห้าเชียวนะ ได้บุหรี่ไปดูดตั้งหลายซอง
"แล้วนายอยากได้อะไร" ถามกลับเสียงหงุดหงิด ทว่าคำพูดที่เขาพูดต่อมาทำเอาฉันชาไปทั้งตัว
"อยากได้พี่"
"..."
"มาเป็นแฟนผมแทนแล้วกัน"
ดะ เดี๋ยวสิ!
สมัยนี้เขาขอเป็นแฟนกันง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอวะ?
"เอาไม่เอา แฟนเก่าพี่กำลังมา"
ทำไมหมอนี่รู้ว่าเพทายเป็นแฟนเก่าฉัน หรือว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วเลยได้ยินทุกอย่างที่เราคุยกัน