บท
ตั้งค่า

ชินอ้ายเตอ - 03

"นมโต ทางนี้!" เสียงตะโกนเรียกอย่างอุบาทว์ของไอ้อิฐดังขึ้นอยู่หน้าทางเข้างานที่วันนี้จัดในอาคารหอประชุมใหญ่

"ไอ้ทุเรศ!" รีบเดินไปหยิกต้นแขนกำยำของมันทันที

"ก็กลัวไม่ได้ยินไง" ดูมันแถ เฮอ!

"ป่านยังสวยแล้วก็หุ่นดีไม่เปลี่ยนเลยนะ" อายเดินมาทักทายฉัน

ถึงจะบอกว่าเราห้าคนสนิทกันมาก สนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลายที่นี่แล้วก็เถอะ แต่ตั้งแต่จบมอปลายจากที่นี่แล้วแยกย้ายกันไปเรียนที่ใหม่ก็แทบจะไม่ได้เจอตัวเป็น ๆ กันแบบนี้เลย ประมาณปีละหนแทบจะได้ที่มีโมเมนต์พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้

"แน่นอน สวยไม่สร่างต้องปราณรวีย์ ศรีสุริยา เท่านั้น!"

สะบัดผมยาวสลวยที่ดัดลอนเล็กน้อยใส่เสียเลย

"สปอนเซอร์แชมพูผมเสีย เอ้ย! ผมสวยต้องเข้าป่านรักแล้วละ" ไอ้ป๋องแป๋งแซว

"แล้วไอ้เบิลล่ะ" ที่ถามเพราะขาดมันคนเดียวก็ครบแก๊งแล้วไง

"นู่น! ม่อสาวอยู่" ฉันมองตามสายตาของไอ้อิฐที่พยักเพยิดหน้าให้ดู

"ขอเดานะ เสื้อเชิ้ตสีม่วงแน่นอน" เห็นแค่สีเสื้อฉันก็เดาได้ในทันที

"เออ จะมีใครกล้าใส่เสื้อสีม่วงขนาดนั้นวะ"

อย่างที่อิฐมันพูดนั่นแหละ ดับเบิลมันบ้าสีม่วงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าให้เดา รถที่ขับมาต้องมีส่วนประกอบของสีนี้อยู่สักส่วนใดส่วนนึงแน่ ๆ

"เข้าไปข้างในกันเถอะเดี๋ยวงานบายศรีอาจารย์จะเริ่มแล้ว" อายชวนให้เข้าไปรวมกับคนอื่น ๆ ในงาน

"นี่ปราณรวีย์ ตัวจริงเสียงจริงใช่ไหมลูก" อาจารย์วิชุดาที่สนิทกับฉันและรักฉันมากถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

"ค่ะ ป่านเอง" ฉันยกมื้อไหว้ท่านพร้อมยกพานบายศรีและมอบมาลัยให้

"สวยจนครูจำไม่ได้เลย" ฉันมันพวกบ้ายออยู่แล้วเลยยิ้มไม่หุบ

"อาจารย์ก็ยังสวยเหมือนตอนเป็นสาวอยู่นะคะ"

"แหม ปากหวานนะเรา"

เสียงหัวเราะแหบแห้งเพราะตอนนี้อายุท่านก็ปาเข้าไปเลขห้าแล้วดังขึ้น

"ป่านดีใจนะคะที่ได้เป็นลูกศิษย์ของที่นี่และได้ครูดีแบบอาจารย์วิชุดา"

อันนี้ไม่ได้มีการยกยอใด ๆ ทั้งสิ้น แต่พูดมันจากใจล้วน ๆ

"ขอบคุณนะคะที่พร่ำสอนชี้แนะในสิ่งที่ลูกศิษย์คนนี้ไม่เข้าใจจนได้ดิบได้ดีมีงานเลี้ยงตัวเองรอด"

ใบหน้าสวยตามวัยยิ้มจนแทบจะมองไม่เห็นแววตา

"ครูเป็นเพียงแค่ผู้เบิกทาง ความสำเร็จทุกอย่างอยู่ที่สมองและสองมือของหนู วันนี้ลูกศิษย์ครูกลับมาพร้อมความสำเร็จกันทุกคนครูก็ชื่นใจแล้ว"

ท่านมองพวกเราเหล่าอดีตลูกศิษย์ห้องมอหกทับสองของท่านด้วยใบหน้าที่มีความสุข

"ไป ๆ แยกย้ายไปรำลึกความเก่าความดื้อกับเพื่อน ๆ ได้แล้ว"

ฉันกราบลงบนตักท่านอีกครั้งจนได้รับการลูบหัวอย่างอบอุ่นกลับคืนมา

"สวัสดีจ้ะป่านรัก"

กำลังจะเดินไปหากลุ่มยัยอายแต่มีเสียงหนึ่งทักขึ้นเสียก่อน

ฉันใช้เวลายืนมองหน้าคนที่เรียกเมื่อสักครู่อยู่หลายนาทีจนเธอคนนั้นเอ่ยขึ้น

"ปูเป้ไง ปัณรวีย์ ภูวิเสกมงคล" นางเน้นนามสกุลเสียงดังเพื่อให้คนอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากฉันได้ยิน

"อ๋อ! จำได้แล้ว คุณหนูปูเป้ลูกสาวเจ้าของบ่อน้ำมันนั่นเอง"

ฟังแค่นี้ก็รู้ใช่ไหมว่าฉันต้องใช้น้ำเสียงแบบไหนกับเธอ

"ขอบใจนะที่จำปูเป้ได้ มาจ้ะ ชนแก้วกันหน่อย"

แก้วทรงสูงที่ข้างในเป็นค็อกเทลสีใสถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน

"โทษที พอดียังไม่ถึงโต๊ะเลย"

ฉันเพิ่งจะไหว้อาจารย์เสร็จจะไปเอาแก้วที่ไหนมาชนกับนางกัน

"อ้ะ! นั่นกลุ่มป่านนี่ ปูเป้ขอไปทักทายด้วยคนนะ"

ได้แต่กรอกตามองบนให้กับคู่แข่งทุกเรื่องในอดีตแม้แต่ชื่อจริงนางก็ยังแทบจะเรียกว่าก๊อปฉันมา ขาเรียวยาวภายใต้ชุดเดรสสีเขียวน้ำทะเลก้าวนำเธอไปยังโต๊ะที่อยู่นอกสุดของอาคารนี้ด้วยใบหน้าที่แสนเบื่อหน่าย

"พวกเรา มีใครจำเธอได้บ้าง"

มาถึงโต๊ะที่มีแก๊งฉันนั่งอยู่ครบก็รีบส่งเสียงถาม ทุกคนในโต๊ะหันมาสนใจฉันก่อนที่ดับเบิลหน้าม่อที่สุดในแก๊งจะอ้าปากค้างน้ำลายไหลเมื่อสบตากับผู้มาเยือน

"เก็บอาการหน่อยมึง" ไอ้อิฐถองศอกใส่

"สวัสดีทุกคนเราปูเป้จำได้ไหม"

ถามเหมือนตัวเองเปลี่ยนไปเยอะงั้นแหละ

"อ้อ จำได้สิ ปูเป้ที่ชอบแข่ง เอ้ย! ผลัดกันได้ที่หนึ่งกับป่าน" เสียงไอ้อิฐ

"ปูเป้ที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนชื่อเพราะหมอดูทักว่าชื่อใหม่จะเฮงใช่ปะ?" เสียงยัยอาย

รู้สึกได้เลยว่าเธอปากร้ายขึ้นกว่าเมื่อสิบปีก่อนเยอะเลย

"แหม ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ล่ะ จำตอนที่ปูเป้แข่งกันอ่านทำนองเสนาะกับป่านได้ไหม"

แม้จะผ่านมาสิบกว่าปีบอกเลยว่าวีรกรรมอะไรที่ผู้หญิงคนนี้ทำไว้กับฉัน ฉันจำมันได้ขึ้นใจเลยล่ะ

"จำได้สิ เพื่อหาตัวแทนแข่งระดับจังหวัด" ฉันต่อประโยคสนทนานั้น

"ใช่ที่ไอ้ป่านได้รับคัดเลือกแต่วันต่อมาปูเป้ได้ไปแข่งแทนเพราะไอ้ป่านท้องเสียปะ?" ป๋องแป๋งทำหน้าเหมือนไม่แน่ใจถาม

"อันนั้นแหละ" ไอ้อิฐตอบและพูดเสริมต่อ

"แต่ก็แปลกนะ ก่อนจะขึ้นรถเพื่อไปแข่งไอ้ป่านยังดี๊ด๊าอยู่เลย แต่ทำไมจู่ ๆ มันถึงท้องเสียได้" ไอ้อิฐทำหน้าครุ่นคิดบวกความใคร่สงสัย

ฉันคันปากจนอยากคายความลับที่เก็บไว้เป็นสิบปีให้ไอ้อิฐมันฟัง

"พอมาคิด ๆ ดูแล้ว ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นป่านกินน้ำสลับขวดกับปูเป้นี่!"

นั่นแหละอายเพื่อนรัก ขยี้ต่อ ขุดต่อเลยมาถูกทางแล้วเพื่อน

"ปูเป้ว่าเราเลิกคุยเรื่องอดีตกันดีกว่า ผ่านมาแล้วตั้งสิบกว่าปีไม่มีอะไรสนุกหรอก"

แหม พอเพื่อนฉันจะขุดเจอความจริงขึ้นมาหน่อยรีบชวนเปลี่ยนเรื่องเชียวนะ

"วันนี้เรามางานรวมรุ่นก็ต้องคุยเรื่องเก่า ๆ สิ ต่อเลยดีกว่า ตอนนั้นป่านดื่มน้ำขวดของปูเป้จริง ๆ นั่นแหละ แต่ที่แปลกคือ ทำไมปูเป้ถึงเอามาใส่ในกระเป๋าเรา"

คนถูกฉันตั้งคำถามถึงกับทำตากลอกกลิ้งไปมา

หึ! ไม่มีอะไรจะแก้ตัวล่ะสิ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel