ชินอ้ายเตอ - 02
ก๊อก ก๊อก...
เสียงประตูห้องถูกเคาะ ฉันเลยรีบตอบแชตทิ้งไว้ว่าค่อยคุยกันแล้วกดแอปฯ ทิ้ง
"ป้า ทำไรอยู่"
นึกว่าไอ้เรสซิ่งจะกลับไปแล้วเสียอีก
"ไม่ได้ล็อก" ขี้เกียจเดินไปเปิดประตูให้มัน
"ไหนอะพันนึง" นิ้วมือเรียวยาวของมันกระดิกขอเงินฉันใบหน้าโคตรกวน
"ค่าอะไร" หันกลับมาสนใจเช็กข้อความของลูกค้าตรงหน้าต่อ
"เอ้า! ค่าน้ำมันรถไง"
ฉันเงยหน้ามองมันช้า ๆ ขยับขาแว่นก่อนเอ่ย
"ใครบอกว่าจะให้แก"
"ใจร้าย น้องนุ่งขออะ"
ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าสลดเลย ไม่สงสารมันสักนิด ทว่า...
"อะ เอาไป ซาวบาท" ยื่นแบงก์สีเขียวลงบนฝ่ามือหนาที่ยังแบอยู่
"ยี่สิบ? เติมได้ที่ไหนอะ" ยังมีหน้ามาทำไม่พอใจใส่
"ถ้าอยากได้ต้องเรียกเจ้ป่านสุดสวยก่อน"
แล้วดูมันทำหน้าสิเหมือนลำบากใจที่จะเรียกอะ
"เจ้ป่านรักสุดสวย สวยที่สุดในปฐพี" รู้แหละว่าประชดแต่ชอบอะ
"เอาไป เวลาโทร.ให้มาช่วยงานกรุณาว่างด้วย!" ฉันว่าให้ไอ้เรสซิ่งเสร็จคนได้เงินพันไปฟรี ๆ รีบฉีกยิ้มวิ่งออกจากห้องอย่างอารมณ์ดี
เฮอ! มีญาติก็ญาติกวนประสาท มีเพื่อนก็เพื่อนสายปั่นออกแนวปัญญาอ่อน ทำไมชีวิตป่านรักคนนี้ถึงไม่มีอะไรพอดีกับเขาบ้างเลย
ติ๊ง! เสียงแชตฉันดังขึ้นตอนที่กำลังเลือกชุดในตู้
เดินกลับมาที่เตียงเพื่อเช็กว่าใครส่งข้อความมา
อิสระตลอดปี : นมเด้ง อย่าใส่ชุดโป๊นะ
เสียเวลาเดินมาอ่านข้อความกวนเกรียนของไอ้อิฐจริง ๆ
นี่อายุปาเข้าเลขสามแล้วนะยังไม่เลิกกวนประสาทเหมือนสมัยวัยรุ่นเห่อนมเป็นก้อน อ๋อ ไม่รู้จักนมเป็นก่อนล่ะสิ เดี๋ยวเจ้ป่านอธิบายให้ฟัง นมเป็นก้อนคือ...
ปึง!
"แม่ตาปีปลายหิวเหี่ยว!"
"แม่ตาปีบ้านป้าสิ เขามีแต่แม่ตานีปลายหวีเหี่ยว วันหลังหัดตกใจให้เหมือนผู้เหมือนคนบ้างนะเรา" ไอ้เรสซิ่งที่ผลักประตูห้องฉันเข้ามาเต็มแรงแถมยังมีหน้ามาชักสีหน้าใส่ประโยคที่ฉันอุทานแบบลิ้นพันกันด้วยความตกใจ
"แกก็รู้ว่าฉันตกใจง่าย" ขวัญเอ๊ยขวัญมาแนบอกลูกช้างด้วยเทอญ
"ลืมไปว่าป้าแก่แล้ว" ดูไอ้ญาติฉันมันพูดปากวอนเลือดกลบจริง ๆ
"ลุกเลย น้ำไม่อาบยังจะมานั่งบนที่นอนฉันอีก"
ใช้ขาเขี่ยหน้าแข้งมันที่มาถึงก็กระโดดนอนบนเตียงนอนฉันแถมยังชันเท่าตั้งไขว้ขาพาดกระดิกเท้าท่าทางสบายใจ
"ก็เพราะใคร?"
มันย้อนหาว่าที่ไม่ได้อาบน้ำเพราะฉันเรียกมันมาขับรถให้
"ฉันยังแต่งตัวไม่เสร็จ แกรีบหอบสังขารอันเน่าและเหม็นเหงื่อไปอาบน้ำบัดเดี๋ยวนี้!" ชี้นิ้วไปทางประตูห้องที่เปิดอ้ากว้างไว้
เรสซิ่งอยู่ในชุดฟุตบอลทีมหงส์ที่มันชอบเข้าเส้นเลือด
"ไม่อะ ตอนนี้ตัวแห้งแล้ว"
มีใครโสโครกสกปรกเท่าญาติฉันคนนี้บ้าง!
"ไม่ได้! ไปวิ่งผ่านน้ำก็ได้ไป"
ไล่อีกรอบแต่เหมือนเรสซิ่งมันจะทำหูทวนลมแถมยังหยิบหูฟังเสียบเข้าโทรศัพท์ยัดใส่หูข้างหนึ่งแล้วเปิดเพลงร็อคจนฉันที่ยืนห่างมันสองก้าวยังได้ยินเสียงดนตรีลอดออกมา
"ห้าร้อย" รู้แล้วว่าวันนี้กระเป๋ายัยป่านรักคนนี้คงแฟบแน่ ๆ เพราะดันเรียกใช้คนหน้าเงิน แต่แทนที่เรสซิ่งมันจะลุกขึ้นมาสนใจฉันกลับแหกปากร้องเพลงอะไรของมันก็ไม่รู้เหมือนกำลังประชดฉัน
"พันนึงขาดตัว" สุดท้ายต้องกัดฟันควักแบงก์พันหลอกล่อ เรสซิ่งรีบตาลุกวาวดึงหูฟังออกจากหูทันที
"ขอบคุณคร้าบ~ เจ้ป่านสุดสวย นุ้งซิ่งจะรีบไปอาบน้ำพรมน้ำหอมอย่างดีเพื่อมาเป็นคนขับรถให้เจ้ป่านคนสวยเอง"
แหม พอได้เงินแล้วเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือเชียวนะ!
"ให้ไวให้ว่อง ฉันแต่งตัวไม่นาน"
เหลือบมองดูเวลาที่นาฬิกาตัวละครที่ฉันชอบและคลั่งไคล้ที่สุด ตัวละครผมยาวมีเขี้ยว มีหูและมีหางแถมคาแรคเตอร์ยังเป็นจอมโวยวายที่มีอดีตแสนเจ็บปวดกับคนรัก เล่ามาขนาดนี้มีใครตอบได้บ้างว่านาฬิกาที่เตียงนอนฉันเป็นรูปอะไร?
ปิ๊งป่อง! มันคือนาฬิการูปอินุยาฉะนั่นเอง
"หกโมงกว่าแล้วเหรอ?" เมื่อกี้คงเสียเวลากับไอ้ญาติตัวดีนานไปคงต้องให้มันเหยียบราวแฝดฟาสต์ฯ แล้วล่ะ
ยืนมองหน้าโรงเรียนเก่าตอนที่ฟ้ามืดสลัวแล้วคิดถึงสมัยที่ยังสวมกระโปรงจีบรอบสีกรมท่าเสื้อนักเรียนมัธยมปลายสีขาวแขนพองมีจีบขึ้นมาทันที
"เจ้แน่ใจนะว่าจะให้ส่งแค่ตรงนี้"
ฉันพยักหน้า "เออ แค่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวแกติดลมเพื่อนฉัน"
นี่คือเหตุผลที่ไม่ให้ไอ้ญาติผู้น้องเข้าไปส่งในโรงเรียนตรงที่จัดงานเพราะรู้นิสัยมันดีว่าต้องเข้ากับพวกสามหนุ่มแก๊งฉันได้ดีแน่ ๆ เพราะปากมันระดับเกรียนเบอร์เดียวกัน
"ถ้าใกล้เลิกงานโทร.หาผมแล้วกัน รับเงินมาแล้วต้องบริการให้คุ้มค่า เนอะ!"
เฮอะ ๆ เนอะ! กับผีสิ!
ที่เห็นเรสซิ่งมันหน้าเงินขนาดนี้ไม่ใช่ว่าบ้านมันจนนะ น้าแมวที่เป็นน้องสาวแม่ฉันท่านมีที่ดินของสามีเป็นยี่สิบไร่ แถมยังมีรายรับจากสวนผลไม้ทั้งทางเหนือและใต้เพียบ เรียกว่ารวยมีเงินใช้ไม่ขาดมือเชียวละ
แต่ที่เรสซิ่งมันทำตัวเหมือนเกาะฉันกินเพราะมันกวนประสาทฉัน ส่วนเงินที่ได้จากฉันก็เอาไปแต่งรถเอ็มจีคันโปรดที่ซื้อเงินสดด้วยน้ำพักน้ำแรงในวัยสิบเก้าปี
ฉันเห็นน้องนุ้งมันขยันหาเงินเองทั้ง ๆ ที่แค่แบมือน้าแมวก็ควักให้แล้วแต่มันไม่ทำเลยสนับสนุนค่าแต่งรถเพราะจะได้เอื้อเฟื้อใช้ประโยชน์มันแบบตอนนี้ไง
"ขับกลับดี ๆ ละ อย่าซิ่งให้มาก" สั่งเสียงเข้มก่อนจะเดินเข้าไปในงานเลี้ยงรุ่นที่ไอ้อิฐมันบอกไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน
แค่ก้าวแรกที่ได้เหยียบรั้วโรงเรียนสมัยมัธยมฉันก็ตื่นเต้นแล้ว ไม่รู้ว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อน ๆ มอหกทับสองห้องฉันจะหน้าตาเปลี่ยนไปขนาดไหน