๔ แยกจากไม่ตลอดไป (๒)
“ฉันขอโทษเรื่องที่พสุทำกับเธอ ฉันสอนลูกไม่ดีเองถึงได้รังแกเธอแบบนี้” ดวงตากลมโตสั่นไหว ร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงสิ่งที่ถูกกระทำมาตลอดหลายวัน เหมือนฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนเธอตลอดเวลา จนได้แต่กำมือแน่นควบคุมอารมณ์
“พสุจะไปเรียนต่อและคงทำงานที่นั่น เธออยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจแล้วนะ” ได้ฟังดังนั้นก็ถึงกับเข่าอ่อน จากตอนแรกคิดจะขอออกไปอยู่ข้างนอกเพราะทนต่อการกระทำของพสุไม่ไหว กลายเป็นดีใจจนร้องไห้แล้วยกมือไหว้ท่าน
อย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนที่หล่อนจะออกจากบ้านหลังนี้ ก็คงได้อยู่อย่างสุขสงบ ไม่ต้องนอนผวาว่าจะถูกบุกรุกหรือเปล่า
“ขอบคุณค่ะคุณท่าน ขอบคุณจริงๆ” ยกมือไหว้ท้วมศีรษะแล้วทรุดลงร้องไห้กับพื้น จนคุณภุชงค์ต้องไปตบบ่าอีกฝ่ายเพื่อให้คลายความเศร้า ไม่รู้จะชดใช้อย่างไรกับสิ่งที่หล่อนเสียไป ลูกชายตัวดีสร้างบาดแผลครั้งใหญ่เอาไว้ให้ผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง
คิดไม่ออกถึงหนทางที่คนทั้งสองจะสมหวัง...
แต่ท่านก็จะลองดูว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะอยากได้กุลจิราเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลณรงค์ฤทธิ์เดชา
หากวันหนึ่งที่ท่านไม่อยู่ ก็ไว้ใจให้เธอดูแลพสุและบ้านหลังนี้ต่อได้
ใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวก็จองตั๋วเครื่องบินของพสุเพื่อกลับไปเรียนเรียบร้อย บ้านสงบสุขขึ้นเป็นกองจนหล่อนยิ้มร่าเริงทั้งวัน ไม่เห็นรถยนต์ของเขา ไม่เห็นชายหนุ่มที่มักสร้างความปั่นป่วนเสมอ ความสุขกลับมาสู่กุลจิราอีกครั้ง
ทว่าจังหวะที่เดินผ่านห้องเก็บของซึ่งแม้จะปล่อยร้างแต่ก็มีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดไม่ให้ฝุ่นเกาะ มือของหล่อนถูกคว้าพลางดึงเข้ามาในห้อง ปิดประตูลงกลอนรวดเร็ว พร้อมใบหน้าหวานที่ถูกจับให้แหงนขึ้นเพื่อรับจุมพิตจากชายที่คิดว่าออกไปจากบ้านแล้ว
“อื้อ” ดวงตากลมเบิกกว้างไม่คิดว่าจะถูกเขารุกราน เธอพยายามเม้มปากแน่นแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ลิ้นหนาสอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดแล้วดุนดันคล้ายจะหยอกล้อ มือที่เคยประคองกรอบหน้าหวานก็ลดมาลูบไล้เอวคอด จับดอกบัวคู่งามแล้วขย้ำอย่างอาจหาญ
ทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างงดงาม เขาเห็นหมดและสัมผัสทุกซอกทุกมุม จดจำรายละเอียดได้กระทั่งไฝเม็ดเล็กบนกาย แม้ปากจะบอกว่าเกลียด แต่ลึกในใจกลับชอบยามได้ใช้เวลาบนเตียงกับเธอ เสน่ห์ของหล่อนช่างเหลือร้ายซะจริง
“ไหนบอกว่าคุณไปแล้ว” เมื่อเขาผละริมฝีปากออกห่างไล่เลียตามลำคอระหง เธอจึงรีบถามอย่างตระหนก คิดว่าอีกฝ่ายออกไปจากบ้านแล้ว เหตุใดเขาจึงยังอยู่ที่นี่ หรือว่าพสุจะไม่ยอมกลับไปร่ำเรียน แค่คิดก็หวาดผวา
“ก่อนไปก็ขอมาลาเมียหน่อยสิ กลัวว่าไปที่นั่นแล้วจะคิดถึงร่างกายเน่าเฟะของเธอ เลยกะจะมาชิมเป็นครั้งสุดท้ายสักหน่อย” คำพูดมีแต่บั่นทอนแต่การกระทำของเขาก็ทำให้เธอมั่นใจว่าไม่ใช่เพียงแค่ลมปาก ทว่าร่างสูงต้องทำจริงอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้จะออกห่างก็ไม่ได้แล้ว แผ่นหลังติดผนังทั้งยังถูกคนกักขฬะขังเอาไว้ในอ้อมแขนอีกต่างหาก
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ นี่มันห้องเก็บของ” พยายามเตือนเขาเพราะกลัวคนที่เดินผ่านไปได้ยินเสียง พสุทำเพียงยกยิ้มมุมปากไม่สะท้าน แล้วกระซิบที่ข้างหูหล่อน
“เร้าใจดีออก ฉันสัญญาว่าจะทำให้เสร็จในสามนาที แบบนี้ไง” ไม่พูดพร่ำทำเพลงถลกกระโปรงของหล่อนขึ้นแล้วรั้งกางเกงชั้นในของหญิงสาวออก แม้เธอจะขัดขืนก็ไม่เป็นผล เพราะเขาใช้ความแข็งขืนดุนดันเข้าไปเรียบร้อย
ส่งเสียงดังหรือร้องประท้วงก็ไม่ได้เพราะกลัวคนมาได้ยิน เธอจึงต้องทนรับความอัปยศเอาไว้พร้อมจ้องมองร่างหนาด้วยแววตาวาวโรจน์
เกลียด...เธอแสนจะชิงชังผู้ชายคนนี้เหลือเกิน!
ระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่พสุกลับไปเรียนต่อและถูกห้ามกลับไทย ถือเป็นช่วงเวลาแสนสุขของหล่อนก็ว่าได้ ใช้เวลากับการร่ำเรียนจนจบปริญญาตรี เพิ่งส่งงานเมื่อวานและจบอย่างเป็นทางการ ระหว่างนี้ก็สามารถขอใบรับรองปริญญาเพื่อไปสมัครงานได้
เธอจะได้ออกไปใช้ชีวิตคนเดียวแล้ว...
นกน้อยที่กำลังจะโบยบินยิ้มกริ่ม แต่ก็เริ่มหนักใจกับอาการของตัวเองที่ผิดแปลก เธอพยายามไม่นำมาใส่ใจหรือคิดมาก พุ่งความสนใจไปที่การเรียนเป็นหลัก ต่อไปคงต้องสนใจเพียงแค่งานอย่างเดียวแล้ว ชีวิตของหล่อนกำลังจะกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง
“เรียนจบแล้วใช่ไหม” จัดเอกสารในห้องทำงานช่วยท่าน ทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณคนตรงหน้า
เมื่อคุณภุชงค์เอ่ยถามก็ได้รับการพยักหน้า พร้อมรอยยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ หล่อนมุมานะบากบั่นเรียน ถึงการเงินจะไม่เอื้ออำนวย มีอุปสรรคขัดขวางมากมายแต่ก็ผ่านมาได้ทุกครั้ง พอเรียนจบจึงภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก
“ค่ะคุณท่าน เหลือแค่รอใบจบกับรับปริญญา”
“คิดไว้หรือยังว่าจะทำงานอะไร” ถามด้วยความเป็นห่วงและคิดบางอย่างได้พอดี
“ลองสมัครไว้หลายที่แล้วค่ะ แต่ว่ายังไม่มีที่ไหนตอบกลับมา ส่วนมากบอกว่าไม่มีประสบการณ์” เธอยื่นใบสมัครหลายที่ อยากรีบทำงานหาเงินจะได้มาใช้หนี้ที่ติดค้างคุณท่านเอาไว้ แต่เหมือนความจริงจะไม่เป็นดั่งฝัน
คำว่าไม่มีประสบการณ์เป็นเหมือนประโยคฝันร้ายของนักศึกษาจบใหม่...
“งั้นมาสมัครฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่บริษัทสิ ตอนนี้กำลังขาดคนพอดี เดี๋ยวฉันจะช่วยดูให้เอง” บอกอย่างตรงไปตรงมา แต่หล่อนก็รีบปฏิเสธเพราะไม่อยากถูกหาว่าเป็นเด็กเส้น เกลียดสายตาที่มองด้วยความดูถูก
ทั้งที่เธอก็เรียนมาอย่างยากลำบาก แต่แค่คำว่าเด็กเส้นกลับด้อยค่าตนลงอย่างรวดเร็ว
“แต่ว่าหนูไม่อยากใช้เส้น...”
“มีคอนเนคชั่นก็ใช้เถอะ ทำงานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งเองนั่นแหละ ไม่ต้องไปสนใจกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้หรอก” พูดเหมือนเป็นการสั่งสอนไปในที หล่อนคิดไว้แล้วว่าคงไม่อาจปฏิเสธได้ เมื่อท่านประธานหยิบยื่นน้ำใจมาให้ขนาดนี้
“ขอบคุณค่ะ” ยกมือไหว้ด้วยความขอบคุณ แล้วกลั้นสีหน้าพะอืดพะอมเอาไว้ ช่วงนี้หล่อนเป็นบ่อยจนนึกหงุดหงิดตัวเอง
ตอนเช้าก็ตื่นเพราะลุกมาอาเจียน เวลาได้กลิ่นอาหารแปลกๆ หรืออาหารที่เคยกินอร่อยก็อาเจียนออกจนหมด ช่วงนี้กินได้แค่ไข่เจียวอย่างเดียว ที่สำคัญคืออยากนอนทุกเวลา เห็นของเปรี้ยวก็เข็ดฟันอยากกินจนต้องซื้อมาตุนเอาไว้
ทั้งยังแอบกินคนเดียวเพราะกลัวคนอื่นมาแย่งอีกต่างหาก ความผิดปกติที่เธอกังวลจนต้องไปหาเครื่องตรวจครรภ์มาพิสูจน์ให้รู้แล้วรู้รอด ภาวนาขอให้ไม่เป็นอย่างที่กังวล แต่เหมือนฟ้าจะไม่เห็นใจ ลงโทษหล่อนด้วยการนำลูกของคนใจร้ายมาฝากเอาไว้ในท้อง
เธอตั้งครรภ์กับพสุ!
มั่นใจว่าตัวเองป้องกันอย่างดีด้วยการกินยา แต่ไม่รู้ว่าหลุดรอดได้อย่างไร อาจเพราะอสุจิเขาแข็งแรงหรือเธอหละหลวมมากเกินไป คิดวนเวียนก็มีแต่ความวิตก
“อ้วก อ้วก...” เช้านี้ก็อีกเช่นเคย อาเจียนแต่เช้าจนแทบหมดไส้หมดพุง ค่อยอาบน้ำแต่งตัวลงมารับประทานอาหารพร้อมคุณท่าน
“เฮ้อ...จะปิดได้นานอีกแค่ไหน” มองกระจกแล้วจ้องตนเอง ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องที่แบนราบแต่อีกไม่นานคงพองโต สงสัยคงต้องทำทุกอย่างให้เด็ดขาดเสียแล้ว ถ้าเธออยู่ที่นี่ต่อไปจะต้องโดนจับได้อย่างแน่นอน
