๔ แยกจากไม่ตลอดไป (๑)
๔
แยกจากไม่ตลอดไป
ห้องนอนที่หนาวเหน็บในยามค่ำคืน ทำให้คนที่เข้าสู่ห้วงนิทราลืมตาตื่น เผลอกวาดมือโอบกอดคนที่เคยนอนข้างกัน แต่ตอนนี้กลับพบเพียงความว่างเปล่า ค่อยลืมตาอย่างเชื่องช้าแล้วนึกเศร้าใจทุกครั้งจนเผลอปล่อยน้ำตาไหลรินเป็นสาย
ไม่รู้ทำไมนราวดีถึงทำกับตนได้ลงคอ ประหัตถ์ประหารกันอย่างเลือดเย็น...โยนข้อหาผิดบาปให้ตนรับเอาไว้เพียงผู้เดียว
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ แค้นเคืองเหลือคณาแต่ไม่อาจตอบโต้หรือทำอะไรได้ เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจของบุตรชาย ทำเพียงยอมรับความผิดเอาไว้ทั้งหมด
“แค่กๆ” ลุกนั่งแล้วไอเสียงดัง โน้มตัวจะไปหยิบเหยือกน้ำมารินใส่แก้วแต่กลับพบว่าน้ำเหลือก้นขวด นึกบ่นแม่บ้านที่ไม่เติมน้ำไว้ให้ตน สงสัยคงต้องลุกจากเตียงแล้วลงไปข้างล่างด้วยตัวเอง ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหน้า
“น้ำหมดแล้วเหรอ”
คุณภุชงค์วางเหยือกน้ำเอาไว้ เดินไปเปิดประตูแล้วลงบันไดอย่างเชื่องช้า ไฟอัตโนมัติที่ติดกับฐานบันไดทำงานทันที ส่องสว่างโดยไม่ต้องใช้ไฟกลาง ท่านก้าวไปยังห้องครัวรินน้ำดื่มจนหมดแก้ว พอให้คลายกระหายได้บ้าง ค่อยเดินกลับมาชั้นบนอีกครั้ง
แต่จังหวะที่กำลังจะไปห้องของตน ก็ได้ยินเสียงประตูห้องด้านนอกสุดเปิดออก กำลังจะทักทายเพราะคิดว่าเป็นกุลจิรา ทว่าคนที่ก้าวออกมาคือลูกชายของตน
ท่านรีบหลบหลังเสากลมขนาดใหญ่ แล้วโผล่หน้าออกไปมองพสุที่เดินกลับห้องอย่างมีความสุข หัวใจชายวัยกลางคนหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ถึงอยากได้หญิงสาวเป็นสะใภ้มากแค่ไหน แต่ต้องมาจากความเต็มใจของสองฝ่าย
ไม่ใช่การข่มเหงทางจิตใจ...
“พสุ...” พึมพำเสียงเบาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ท่านกำลังพลาดตรงไหนหรือเปล่า
ทั้งสองคนเจอหน้ากันทีไรเป็นต้องเล่นแง่ใส่กันตลอด โดยเฉพาะพสุที่ไม่เคยพูดดีกับหญิงสาวเลยสักครั้ง ต้องชวนทะเลาะและมีเรื่องให้ปะทะฝีปากเสมอ แล้วทำไมจึงออกมาจากห้องของกุลจิราในยามวิกาลได้
เรื่องเดียวที่พอจะคิดออก และน่าจะมีแนวโน้มเป็นไปได้มากที่สุด คือลูกของเขาคงเข้าไปรังแกฝ่ายหญิง
เพียงแค่คิดก็หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม หากเป็นเช่นนั้นจริงจะเอาอย่างไรต่อไปดี...
อย่างแรกต้องเรียกพสุเข้ามาพูดคุยเสียก่อน ให้รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร ท่านไม่อยากคิดเองฝ่ายเดียวแล้วโทษสายเลือดของตน
“คุณพ่อเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่า” เข้ามาในห้องทำงานของบิดาแล้วเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามท่าน นั่งลงพลางยกขาขึ้นไขว้ห้าง ไม่มีท่าทีกริ่งเกรงหรือกลัวความลับจะถูกเปิดเผยสักนิด ยอมรับว่าไม่ค่อยชินกับพสุในเวอร์ชั่นนี้เท่าไหร่
ลูกชายที่ว่านอนสอนง่าย เป็นเด็กดีและมีรอยยิ้มมอบให้ผู้อื่นเสมอหายไปไหนแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดายที่ความเห็นแก่ตัวของนราวดี กำลังทำร้ายลูกทางอ้อม
“นานแค่ไหนแล้วที่แกเข้าห้องหนูกุลตอนกลางคืน” เข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว ผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติขณะจดจ้องดวงหน้าคมแสนหล่อเหลา มุมปากหยักยกยิ้มเมื่อฟังจบ ไม่ได้สะท้านเลยสักนิดว่าตนกำลังทำผิด ยอมรับออกมาหน้าตาเฉย กลายเป็นคุณภุชงค์ที่โกรธจนหน้ามืด
“ห้าหกวันแล้วครับ” ตอบตามความจริง
ระยะเวลาที่เข้าไปรังแกร่างบางไม่ใช่เพียงแค่วันสองวัน และเขาไม่ได้ทำแค่ครั้งหรือสองครั้ง กลับเข้าหาทุกวันทุกคืน มีโอกาสก็มักจะลากหล่อนไปสนองความใคร่เสมอ สร้างความอับอายแก่ร่างบางและอยากให้บิดาทราบถึงเรื่องนี้
เพื่อที่ท่านจะได้เจ็บปวดบ้าง เหมือนที่มารดาของเขาเจ็บปวด...นี่คือวิธีแก้แค้นของพสุ
“นี่แก! แกไม่ละอายใจกับสิ่งที่ทำบ้างเลยหรือไง” ตะโกนถามดังลั่น ทว่ากลับได้รับการส่ายหน้าพลางย้อนถามบิดา ไม่รู้สึกรู้สาเลยสักนิดว่ากำลังทำร้ายคนบริสุทธิ์
“ละอายทำไมล่ะ มันเรื่องปกติ...ของแบบนี้แบ่งกันใช้ได้นี่ครับคุณพ่อ เก็บไว้กินคนเดียวทำไมล่ะ” เขาหัวเราะราวกับมีความสุขนักหนา ยิ่งเห็นว่าท่านโกรธมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสะใจมากขึ้นเท่านั้น
ผู้หญิงที่ทำครอบครัวคนอื่นแตกแยก และบิดาที่ชักศึกเข้าบ้านก็ต้องเจอแบบนี้แหละ ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน
“ไอ้พสุ! ฉันไม่เคยสอนให้แกเป็นคนแบบนี้!” เป็นครั้งแรกที่ขึ้นไอ้กับลูก โกรธจนถึงขีดสุดกำมือแน่นพลางโยนของใกล้มือใส่คนตรงหน้า แต่ยังดีที่เขาหลบทันแล้วลุกยืนเต็มความสูง ตะโกนตอบกลับเสียงดังลั่นไม่ยอมแพ้
“ผมก็เรียนรู้มาจากพ่อไง! นอกใจแม่ไปนอนกับคนอื่น ผมทำบ้างแล้วมันจะทำไม!” ดวงตาคมแดงก่ำเจ็บไม่แพ้กันที่เห็นครอบครัวของตัวเองแตกสลายไปตรงหน้า ความสุขที่เคยมีมาตลอดกลายเป็นความขมขื่น รู้ว่าไม่สามารถเรียกทุกอย่างกลับคืนได้แล้ว
“แก แก...”
“ฉันจะส่งแกกลับไปเรียนให้จบ แล้วก็อยู่ที่นั่นจนกว่าฉันจะบอกให้กลับ!” ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น หากสั่งสอนก็กลัวคนตรงหน้าจะเตลิด สิ่งที่เลือกทำคือแยกบุตรชายและหญิงสาวออกจากกัน เขาใช้โอกาสนี้บังคับให้พสุกลับไปเรียน
อยู่ที่นี่มานานเกินไปแล้ว จิตใจยิ่งแย่ลงไปทุกวัน หากได้ห่างบ้านและทบทวนทุกอย่าง ไม่แน่ว่าอาจจะดีขึ้นก็ได้
“พ่อกำลังไล่ผมออกจากบ้าน เพียงแค่ผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ โดนมันล้างสมองหมดแล้วหรือไง หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ผมสงสารแม่จริงๆ ที่รักซื่อสัตย์กับพ่อมาตลอด แต่ตัดสินใจถูกแล้วที่หย่า” กล่าวโทษบิดาอย่างไม่แยแส ดวงตาคมแดงก่ำที่กลายเป็นตนถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่เห็นถึงความหวังดีของท่านเลยสักนิด
“เชิญพ่อเสวยสุขกับผู้หญิงชั้นต่ำไปเถอะ” พูดจบก็เดินออกจากห้องแล้วปิดประตูเสียงดัง ขึ้นบนบ้านก่อนเข้าห้องนอนของตน ตะโกนโวยวายดังลั่นด้วยความกรุ่นโกรธ
“โว๊ย!”
เขาทำขนาดนี้ นอนกับผู้หญิงของคุณภุชงค์แต่หล่อนกลับไม่โดนไล่ออกจากบ้าน ทั้งยังโดนปกป้องไม่รังเกียจเลยสักนิด พ่อเขาโดนมนต์สะกดอะไรของผู้หญิงคนนั้น ถึงได้หลงจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้!
เสียงโวยวายของพสุดังจนแม่บ้านได้ยิน ต่างจับกลุ่มพูดคุยเป็นเสียงเดียวว่าสงสารชายหนุ่ม ต่างพากันสาปแช่งกุลจิราที่ทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก
“คุณท่านคะ” หลังจากที่ท่านพูดคุยกับลูกชายเสร็จ หล่อนก็ถือโอกาสนี้เข้ามาในห้องทำงานของอีกฝ่าย พร้อมคิดจะขอออกไปอยู่ข้างนอกเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง แต่กลายเป็นว่าคุณภุชงค์เอ่ยขอโทษเสียงสั่น สงสารหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก
นอกจากจะถูกนราวดีหลอกใช้แล้ว ยังมาโดนบุตรชายของตนย่ำยีอีกต่างหาก...
