๓ ตุ๊กตาอารมณ์ (๔)
“ไปกันเถอะ”
คุณภุชงค์ทำได้เพียงเอามือกุมหัว หวังว่าลูกชายคงไม่เล่นงานสาวน้อยจนพรุนหรอกนะ ท่านหวังให้พสุมีสติแล้วกลับมาเป็นบุตรชายที่น่ารักของตนตามเดิมสักที ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงหรือเปล่า
“ฉันทำถูกไหมเนี่ยที่พาเธอเข้ามาในบ้าน หวังว่าจะไม่ถูกหมาป่าขย้ำก่อนนะ”
พึมพำขณะมองตามแผ่นหลังของคนทั้งสองที่หายลับไป อยากได้กุลจิราเป็นสะใภ้แต่ก็นึกกลัวนิสัยลูกชายของตน
หรือบางทีควรบอกเรื่องทุกอย่างดีไหม...
หล่อนกลายเป็นตุ๊กตาหน้ารถของหนุ่มหล่อไปโดยปริยาย ระหว่างรอไฟแดงก็นั่งกอดอกพลางเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย ผินหน้ามองนอกหน้าต่างแล้วภาวนาให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยเร็วที่สุด เธอไม่อยากแม้กระทั่งจะใช้อากาศหายใจร่วมกับคนข้างกาย
รังเกียจเหลือเกินผู้ชายที่ใช้กำลังข่มเหงผู้หญิง ยิ่งคิดก็แค้นจนอยากตบตีเขาให้หายเจ็บใจ
“ทำไมหน้าบึ้งนักล่ะ มากับผัวน้อยมันลำบากใจขนาดนั้นเลยเหรอ” แต่ละอย่างที่ออกมาจากปากหยักมีแต่ขยะทั้งนั้น เธอจึงหันไปตอบโต้บ้างด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโมโห แล้วขู่หวังให้เขาเลิกยุ่งกับตัวเอง
“หยุดพูดจาบ้าๆ สักทีได้ไหม เรื่องที่คุณทำฉันสามารถแจ้งตำรวจได้ด้วยซ้ำ”
“เอาสิ แจ้งเลย เดี๋ยวพาขับไปโรงพักดีไหมล่ะ” แต่กลายเป็นพสุที่ไม่สะท้านเลยสักนิดจนน่าหงุดหงิด
“คุณมันหน้าด้านไร้ยางอาย ทำผิดแล้วยังไม่สำนึก!” ตะโกนด่าเขาให้สาสมกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ แต่กลายเป็นว่าร่างหนาโต้กลับทันควัน
“เธอมากกว่ามั้งที่เหมาะกับคำนี้ จับผู้ชายที่มีครอบครัวเพราะหวังอัพตัวเอง แต่รู้อะไรไหม...กรวดก็เป็นได้แค่กรวด ไม่มีทางเปลี่ยนมาเป็นเพชรได้หรอก พ่อฉันแค่หลงเธอชั่วครั้งชั่วคราวอีกไม่นานก็เขี่ยทิ้ง ถึงวันนั้นเมื่อไหร่...” กุลจิรากำหมัดแน่นระหว่างนั่งฟังคำพูดเพ้อเจ้อของคนข้างกาย ไม่มีสิ่งไหนที่เป็นความจริงสักอย่าง
มีเพียงคำดูถูกและด้อยค่าหล่อน
“ฉันจะให้เงินสักก้อนไปตั้งตัวแล้วกัน” ยกยิ้มมุมปากเป็นการเยาะเย้ย จนเธอทนไม่ไหวเผลอผรุสวาทเสียงดังใส่หน้าเขา
“ไอ้หน้าตัวเมีย!” แล้วมีหรือที่ร่างหนาจะทนให้หล่อนด่า เขาคว้าใบหน้าหวานเข้ามาจูบแล้วกัดริมฝีปากอวบอิ่มเพื่อเป็นการสั่งสอนไปในตัว บดขยี้จนหล่อนแสบปากถึงจะพยายามทุบอกหนาให้ปล่อยแต่เขากลับไม่ยอมให้อิสระแก่หล่อน
“อื้อ” ครางแผ่วในลำคอเมื่อไม่หยุดแค่จูบ แต่ดุนดันสอดลิ้นเข้ามากวาดต้อนทั่วโพรงปากอุ่น สูบเอาลมหายใจเธอจนแทบจะหมดลม เขาถึงได้ผละออกแล้วยิ้มสมใจ แต่ไม่นานฝ่ามือบางก็ฟาดลมที่ใบหน้าคมจนเขาหันไปตามแรง
เพี๊ยะ
หูอื้อไปชั่วขณะไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะแรงเยอะขนาดนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้าเธอมาจูบอีกครั้ง คราวนี้บดขยี้หนักกว่าเดิม ทั้งยังกัดริมฝีปากบางจนได้กลิ่นคาวของเลือด สร้างความเจ็บให้แก่คนที่กล้าหาญมาตบเขา
“อื้อ” เธอเองก็พยายามทุบชายหนุ่มให้ปล่อย ทว่ามีหรือที่เขาจะยอมปล่อยโดยง่าย ยังคงสั่งสอนเธอไม่เลิกรา จนเริ่มพอใจถึงได้ปล่อยกุลจิราอีกครั้ง โดยไม่คิดว่าเธอจะตบเขาอีกรอบ และคราวนี้เลือกตบอีกข้างทั้งยังแรงไม่แพ้คราวแรก
เพี๊ยะ
“อื้อ” ควันออกหูคนโดนตบ คว้าเธอมาจูบอีกรอบอย่างไม่ยอมแพ้ เมื่อหล่อนทำร้ายเขา เช่นนั้นก็ต้องรับผลกรรมที่ตามมาเหมือนกัน จุมพิตอยู่นานกว่าจะปล่อยเธอเป็นอิสระ คิดว่าอย่างไรหล่อนก็คงหลาบจำไม่กล้าตบ
เพี๊ยะ!
ไม่คิดว่าเธอจะยังประทับฝ่ามือลงบนหน้าเขาเช่นเดิมอย่างอาจหาญ แม้ปากจะบวมเจ่อและน้ำตาคลอเบ้า ส่งสายตาโทษชายหนุ่มแต่ก็ยังกล้าที่จะสั่งสอนคนทำผิด พสุหมายจะก้มลงจูบอีกครั้งแต่เสียงแตรด้านหลังก็ดังขึ้นเสียก่อน
ปี๊บ!
“ขับไปสักทีสิวะ!” พร้อมคำตะโกนด่าให้ขับออกไปสักที ไฟเขียวมาเกือบจะสามสิบวินาทีแล้ว ตนจึงต้องรีบหันกลับมาขับรถเพื่อไปส่งคนข้างกายที่มหาวิทยาลัย ระหว่างทางกลับไม่มีใครพูดอะไรอีก เธอเอาแต่นั่งเม้มปากตัวเองอยู่อย่างนั้น ปาดน้ำตาที่ไหลแทบตลอดเวลา กลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่อยากให้เขาได้ยิน
ผู้ชายชั่วช้าสามานย์...เธอจะต้องเอาคืนเขาแน่!
ปึ่งๆๆๆ
“ใคร ใครน่ะ” ประตูถูกทุบอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอฉลาดพอที่จะตะโกนถามและไม่เปิดสุ่มสี่สุ่มห้าอีก กอดตัวเองเอาไว้แน่นแล้วนั่งอยู่บนเก้าอี้ ระแวดระวังภัยอย่างดีไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับเมื่อวานอีก
แค่เช้าวันนี้ที่เขาจูบเธอจนต้องสวมหน้ากากอนามัยทั้งวันก็มากพอแล้ว
“น้องสาว พี่ชายเอง” ส่งเสียงหวานน่ารังเกียจอยู่หน้าประตู หล่อนได้ฟังก็สะอิดสะเอียนอยากโยนของแข็งปาใส่หัวเขาให้ได้สติสักที
“เปิดให้พี่ชายหน่อยสิจ๊ะ” มีหรือที่เธอจะยอมไปเปิด กลับเลือกจะล็อคห้องแน่นหนาเหมือนเดิม นั่งนิ่งไม่ไหวติงคิดว่าอย่างไรร่างสูงก็เข้ามาไม่ได้แน่นอน จึงเลิกสนใจแล้วใส่หูฟังเปิดเพลงดังสนั่นทำรายงานของตัวเอง
แกร็ก
“ว้า...ไม่เปิดเหรอ พอดีพี่มีกุญแจน่ะเลยเปิดด้วยตัวเองได้” กระทั่งประตูที่ควรปิดสนิทถูกเปิดออก เธอรีบถอดหูฟังออกแล้วหมายจะวิ่งไปยังห้องน้ำ แต่กลายเป็นว่าถูกเขาจับได้แล้วทุ่มร่างแบบบางลงบนเตียงเหมือนเดิม
ภาพเดียวกับเมื่อวานไม่ผิดเพี้ยน ก่อนที่ร่างหนาจะถอดเสื้อผ้าออกจนหมด เหลือเพียงกายเปลือยเปล่าที่ปรากฏต่อหน้าหล่อน จนกุลจิราต้องเบือนหน้าหนีพลางตะโกนเสียงดังลั่น
“ออกไปนะ!”
“อย่าทำเหินห่างสิ ผัวน้อยมาหาทั้งทีกลัวว่าวันนี้เธอจะแห้ง...ฉันช่วยเติมน้ำเข้าร่างกายให้หน่อยดีไหมล่ะ” ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฉีกเสื้อผ้าของเธอออกไม่เสียเวลาถอดให้เมื่อย แม้เธอจะไม่ยินยอมและพยายามปฏิเสธแต่ก็ไม่อาจหนีพ้นได้
“ไม่!”
คืนนั้นเขาใช้เวลาเริงร่ากับร่างกายงดงามเกือบค่อนคืน ไม่ต้องออกไปสังสรรค์กับเพื่อนให้ทุกข์ตรมก็มีความสุขได้ เพราะได้ทำให้คนตรงหน้าตกนรกทั้งเป็น!
