บท
ตั้งค่า

๓ ตุ๊กตาอารมณ์ (๑)

ตุ๊กตาอารมณ์

การอยู่บ้านณรงค์ฤทธิ์เดชาก็ไม่ได้ลำบากมากนักในความรู้สึกของกุลจิรา ถึงต้องตื่นเช้าไปจ่ายตลาด คอยทำรายงานบัญชีค่าใช้จ่ายในบ้านเสนอคุณภุชงค์ นอกเหนือจากนั้นก็เรียนและทำงานหาเงินของตนเอง ซึ่งค่อนข้างสบายกว่าเมื่อก่อนเพราะมีสิ่งอำนวยครบครัน ทั้งยังอยู่ในห้องส่วนตัวไม่มีเสียงรบกวนและเกรงกลัวว่าคนมาตามให้หวาดผวา

ยกเว้นเสียงน่ารำคาญจากลูกชายเจ้าของบ้าน ที่มักมาเคาะประตูห้องของหล่อนยามวิกาล ก่นด่าอย่างน่าหงุดหงิดแต่ยังดีที่มีหูฟังคอยช่วยชีวิต ฟังเพลงไปพลางจึงไม่ได้ยินคำผรุสวาทเหล่านั้น

“คุณท่านคะ ได้เวลากินยาแล้วค่ะ” นำยาลดความดันและเบาหวานมาให้ท่านตามหมอสั่ง

ทุกวันนี้ให้ความเคารพเจ้าของบ้านราวกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซาบซึ้งถึงความเมตตาที่อีกฝ่ายมีต่อตน ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้อยู่บ้านหลังใหญ่ มีคนคอยคุ้มกะลาหัว และเพิ่งทราบว่าอีกฝ่ายจ่ายหนี้ของบิดาให้จนหมด

ไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไร จึงพยายามทำตัวให้มีประโยชน์ในบ้านหลังนี้ กระนั้นหล่อนก็มักถูกกระแหนะกระแหนว่าอยากขึ้นเป็นคุณผู้หญิง ทั้งที่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด

คิดไว้ว่าหากเรียนจบก็จะขอออกไปอยู่คนเดียว ค่อยหาเงินมาคืนท่านทีละเล็กทีละน้อย ส่วนตอนนี้ก็อยากดูแลคุณภุชงค์ให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง เพื่อจะได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรไปอีกแสนนาน

“ขอบใจ” หยิบยาเข้าปากแล้วดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว หล่อนเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มมุมปาก งานสำเร็จลุล่วงไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ออกไปไหน นั่งรอเพื่อถามไถ่ถึงงานของตัวเอง

“คุณท่านต้องการอะไรอีกไหมคะ เดี๋ยวกุลจะจัดการให้เอง” กุลจิรามักเข้ามาช่วยท่านจัดเอกสารหรือพิมพ์งานเล็กน้อย บางครั้งได้แปลเอกสารภาษาต่างประเทศ กลายเป็นความสุขที่ได้ทำงานกับผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่

ถือว่าเป็นเกียรติแก่หล่อนอย่างมาก...

“ไม่ต้องหรอก ไปทำงานเถอะ ใกล้สอบแล้วไม่ใช่เหรอ” ได้ยินดังนั้นก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ ค้อมศีรษะแล้วตอบรับเสียงเบา

“ค่ะ”

เดินออกจากห้องทำงานของคุณภุชงค์ด้วยรอยยิ้มแต้มมุมปาก เธออาจจะเห็นแก่ตัวที่ใช้ความใจดีของอีกฝ่ายหาประโยชน์ด้วยการอาศัยในบ้านหลังงาม มีอาหารกินครบห้ามื้อ ครอบครองห้องนอนแสนสบายทั้งที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุทำครอบครัวท่านแตกแยก

ทว่าเรื่องนี้หล่อนเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน แล้วจะผิดตรงไหนหากขอรับความอนุเคราะห์เอาไว้...

กุลจิราคิดเข้าข้างตัวเอง อย่างไรเธอก็ไม่คิดจะอยู่บ้านหลังนี้ตลอดไป หากเรียนจบก็จะออกไปหางานทำหาที่อยู่ใหม่ ที่สำคัญคือออกตามหาบิดาที่หนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุนติดต่อก็ไม่ได้ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง

“ปรนเปรอพ่อฉันถึงในห้องทำงานเลยเหรอ” ยังไม่ทันได้เดินเข้าห้องข้อมือเล็กก็ถูกคว้าเอาไว้พร้อมบีบแน่นจนใบหน้าหวานเหยเก เจอกันทีไรไม่เคยเลยสักครั้งที่จะไม่เจ็บตัว หล่อนจึงพยายามเลี่ยงการพบหน้ากับเขา อยู่ในพื้นที่ของตัวเองอย่างเงียบเชียบพอให้ผ่านแต่ละวันไปได้อย่างปลอดภัย

ยกเว้นวันนี้ที่อีกฝ่ายทำราวกับมาดักรอเจอหล่อน นึกว่าเขาออกไปข้างนอกแล้วเสียอีก ตะวันตกดินเมื่อไหร่เป็นต้องออกไปสังสรรค์ ดึกดื่นค่อนคืนถึงได้โผล่มาทุบประตูห้องเธออย่างน่ารำคาญ

หากไม่ติดว่าร่างสูงคือลูกชายของผู้มีพระคุณ คงได้ซัดหน้าเขาสักหมัดไปแล้ว!

“คุณพสุ! ปล่อย” บิดข้อมือหวังให้หลุด แต่รู้ว่ายากเพราะเขากำแน่นเสียเหลือเกิน ยิ่งมองใบหน้าคมก็ยิ่งหงุดหงิด

เสียดายหน้าตาอันหล่อเหลาแต่นิสัยเลวร้ายยิ่งกว่าซาตาน!

“คิดว่าฉันอยากจับผู้หญิงอย่างเธอนักหรือไง คิดจะมาปอกลอกพ่อของฉัน หึ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ตราบใดที่ฉันยังอยู่บ้านหลังนี้ ฉันจะขัดขวางเธอทุกทาง!” ตะโกนเสียงดังใส่หล่อนราวกับต้องการจะย้ำเตือน

ผู้หญิงตรงหน้าที่คิดจะจับบิดาเพื่อเงิน ทำลายครอบครัวคนอื่นจนพังย่อยยับแล้วสามารถเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้...ไม่ธรรมดาเลยสักนิด

“บอกแล้วว่าฉันกับคุณท่านไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิด ฉันเป็นเหมือนลูกสาวอีกคนของท่าน” อธิบายอย่างเหนื่อยหน่ายเพราะดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟังอะไรสักอย่าง เอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรชายหนุ่มถึงจะเชื่อเธอบ้าง

เจอหน้าแต่ละครั้งต้องใช้พลังมหาศาลกว่าจะรอดพ้น ครั้งนี้ก็คงเป็นอย่างนั้น ให้เขาพูดจนพอใจแล้วยอมปล่อยตนไปดีกว่า อย่าต่อปากต่อคำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตเลย เดี๋ยวคุณภุชงค์จะลำบากใจเสียเปล่า

“หุบปาก! ลูกสาวบ้าอะไรนอนบนเตียงเดียวกัน ถ้าเธอเป็นแค่ลูกสาวแล้วแม่ฉันจะหย่ากับพ่อของฉันไหม! เลิกพูดเรื่องตลกได้แล้ว” เสียงทุ้มตะโกนลั่นจนเธอถึงกับผงะ พยายามบังคับสีหน้าเอาไว้ไม่ให้แสดงความเบื่อหน่าย ไม่อย่างนั้นเรื่องคงยาวกว่านี้

“ถ้าคุณคิดแบบนั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด”

“พ่อฉันอาจจะรู้ไม่ทันเธอ แต่ฉันรู้ทัน! อย่าคิดว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ ฉันจะขัดขวางเธอทุกทาง!” พูดจบก็สะบัดมือเล็กออกอย่างแรงจนหล่อนถึงกับเซ ก่อนเจ้าตัวจะเดินลงบันไดพร้อมขับรถออกจากรั้วบ้าน หญิงสาวจึงได้พรูลมหายใจโล่งอก

ผ่านไปแล้วหนึ่งวัน...

“ตะโกนขนาดนั้นไม่เจ็บคอหรือไง” ส่ายหน้าระอาคนอายุมากกว่าแล้วเดินเข้าห้องนอนของตนเพื่ออ่านหนังสือ เหลืออีกแค่เดือนเดียวก็เรียนจบแล้ว สงสัยคงต้องหาเงินสำรองและหาบริษัทที่จะทำงาน แล้วค่อยหาที่อยู่ใหม่

ถึงตอนนั้นชีวิตของหล่อนคงมีความสุขจริงๆ กับเขาสักที

ปึ่งๆๆๆ

เสียงเคาะประตูหน้าห้องในช่วงเวลาหลังรับประทานอาหาร ทำให้รู้ทันทีว่าใครอยู่หน้าประตู มือบางวางปากกาลงพร้อมเลื่อนเก้าอี้ออก ลุกยืนเต็มความสูงร้อยห้าสิบเจ็ดของตัวเองแล้วค่อยเดินไปเปิดประตู พบแม่บ้านที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ จ้องตนตาเขม็งราวกับโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน

“คะ” ถามเสียงเบาในลำคอจนแทบไม่ได้ยิน อยากทักทายแต่รู้ว่าถึงทักไปก็โดนเมิน ในบ้านหลังนี้นอกจากคุณภุชงค์ที่ดีกับหล่อนแล้ว คนอื่นก็แทบไม่เห็นหัวกันเลยด้วยซ้ำ นินทาทั้งต่อหน้าและลับหลัง เพราะถือว่ามีพสุคอยให้ท้าย

จานผลไม้ถูกยัดใส่มือของหล่อน พร้อมคำสั่งเจ้าของบ้านที่ไหว้วานอีกฝ่าย แม้ไม่เต็มใจก็ต้องทำตามเพราะเป็นคำสั่งเจ้านาย

“คุณผู้ชายให้เอาผลไม้มาให้”

“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม แต่สิ่งที่ได้กลับคือคำใบหน้าหงุดหงิดและคำพูดที่เอ่ยให้ได้ยินต่อหน้า

“ลงไปเอาเองไม่ได้หรือไง มือเท้าก็มีไม่คิดจะใช้” พูดจบก็สะบัดหน้าหนีแล้วเดินลงไปข้างล่าง ปล่อยร่างบางถอนหายใจเพียงลำพัง ก่อนหยิบผลไม้ขึ้นมากัดระบายความหงุดหงิด เธอก็อยากโต้กลับแต่ทำอะไรไม่ได้

อยู่บ้านเขาต้องเจียมตัวเข้าไว้ อีกแค่เดือนเดียวรอเรียนจบได้งานทำก่อนเถอะ...หล่อนจะไม่ย่างกรายเข้ามาในบ้านหลังนี้อีกเลย!

“เฮ้อ ช่างเถอะกุล มีที่นอนดีขนาดนี้จะหาจากไหนได้อีก”

ตอนนี้ก็ต้องยอมไปก่อนนั่นแหละ ฐานะอย่างเธอจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกล่ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel