๒ ข่มเหงเอาแต่ใจ (๑)
๒
ข่มเหงเอาแต่ใจ
ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ความจริงทุกอย่างก็เปิดเผยให้ท่านได้ทราบถึงเรื่องราวทั้งหมด เอกสารทุกอย่างที่คุณภุชงค์อ่านอย่างละเอียด ภาพจากกล้องวงจรปิดและรูปแอบถ่ายที่นักสืบค้นมาให้ โดยผ่านการว่าจ้างของทนายประจำตระกูลอย่างตุลย์ จินต์จุฑา
ดวงตาร้อนผ่าวแล้วจดจ้องภาพภรรยาที่กอดกับชายรูปหล่ออยู่ริมหาด ตาที่เคยถูกปิดเหมือนเพิ่งเปิดสว่าง ในวันที่มั่นใจว่ารักของเราจะไม่เสื่อมคลาย วันนี้กลับได้รับรู้ว่าตนถูกสวมเขามาตลอด จากหญิงที่อยู่ข้างกายมาสามสิบปี
ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา...แต่เหตุใดถึงทำกันลงคอ
“เมียฉันไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น...แล้วก็เป็นคนวางแผนทุกอย่างเพื่อให้ได้หย่ากับฉัน...ทุกอย่างคือแผนของเธอ”
คำพูดเหล่านั้นคือความลวง หลอกว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน แท้จริงกกกอดอยู่กับชู้รัก และตอนนี้ก็หย่าขาดจากเขา พร้อมนำเงินที่เขาให้หลายสิบล้านไปเสวยสุขกับชายอื่น ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บจนไม่อาจทนดูภาพบาดตาต่อไปได้
หายใจถี่ด้วยความโมโห กวาดของทุกอย่างบนโต๊ะลงที่พื้น ตะโกนลั่นห้องเหลืออดกับการกระทำของคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปี เขาเลี้ยงงูเห่าเอาไว้ใกล้ตัว กระทั่งถูกแว้งกัดยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บมากกว่าเดิม
“ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ ทำกับฉันได้ยังไง!” โวยวายเสียงลั่นแล้วยกมือกุมหัวใจ ทรุดกายลงนั่งบนโต๊ะด้วยใบหน้าเหยเก จนทนายต้องรีบเข้ามาประคองเจ้านาย เมื่อครู่ตะโกนเรียกนึกตกใจกับอาการของคนตรงหน้า
“คุณท่าน!” อาการโรคหัวใจของท่านนับวันยิ่งแย่ลง ไหนจะมีโรคอื่นแทรกทั้งเบาหวานและความดัน คุณภุชงค์ไม่รู้เลยว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของตนที่ได้อยู่บนโลกใบนี้ ยิ่งเจอกับเรื่องราวทำให้เจ็บปวด
ก็เหมือนกับว่าท่านไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว...
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว” นั่งพักหลายนาทีจนใจเริ่มสงบ อาการจึงดีขึ้นไม่ต้องไปหาหมอ ท่านหยิบภาพจากกล้องวงจรปิดมาดูอีกครั้ง เห็นว่าคนที่ช่วยหิ้วปีกตนออกจากร้านอาหารก็คือชายหนุ่มที่เป็นชู้ของภรรยา
เรื่องวันนั้นนราวดีเป็นคนจัดฉาก แต่ก็ยังแสร้งเล่นละครเหมือนโดนนอกใจได้แนบเนียนเหลือเกิน โยนบาปทั้งหมดให้เขา ส่วนเธอก็ไปเสวยสุขกับชายอื่น ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นแต่ก็ยังรักเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน
“คุณท่านจะให้ผมทำยังไงครับ เอาเรื่อง...” เห็นอาการของเจ้านายก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทนจนอยากสั่งสอนคนทั้งสองให้รู้ผิดชอบชั่วดี แต่กลายเป็นว่าถูกห้ามเอาไว้เสียก่อน การเอาคืนไม่เป็นผลดีต่อใครเลย
ยิ่งกับบุตรชายของตนที่รักเคารพแม่ยิ่งกว่าใคร ทุกอย่างจะยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม จิตใจของลูกคงบอบช้ำมาก
พสุ ณรงค์ฤทธิ์เดชา คือลูกชายเพียงคนเดียวของเขา เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจและความภาคภูมิใจของท่าน เรียนเก่งแต่เด็ก ว่านอนสอนง่ายและจิตใจโอบอ้อมอารี แต่มาบัดนี้ลูกคนนั้นได้เปลี่ยนไปสิ้นเชิง
เหมือนมีปีศาจร้ายมาเข้าสิง กลายเป็นคนฉุนเฉียวและไม่แยแสสิ่งใด บอกให้กลับไปเรียนต่อให้จบก็ไม่ยอมไป เอาแต่เมาหัวราน้ำไม่เว้นวันจนนึกเป็นห่วง
ถ้ารู้ว่าแม่ใส่ร้ายพ่อแล้วขอหย่าเพื่อไปอยู่กับชู้ที่อายุคราวลูก...ไม่รู้เลยว่าพสุจะเตลิดไปไกลแค่ไหน
เอาไว้ให้ลูกชายใจเย็นและโตกว่านี้ ค่อยบอกความจริงทั้งหมดก็ไม่สายหรอก คิดอย่างใจเย็นแล้วบอกคนตรงหน้าให้เก็บเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับ
“ไม่ต้อง ปล่อยไปเถอะ...ยังไงฉันกับเธอก็หย่าขาดจากกันแล้ว ให้เธอไปมีความสุขกับคนที่เธอรัก” ถึงจะโกรธมากเท่าไหร่ แต่เพราะยังรักมากเช่นกันจึงไม่อยากทำลายหญิงสาวที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายสิบปี
ยังคงให้เธอเป็นที่หนึ่งในใจไม่เสื่อมคลาย เป็นความรักที่โง่งมเสียเหลือเกิน...
“แล้วจะบอกคุณพสุไหมครับ”
“ไม่ พสุรักแม่มาก ฉันไม่อยากทำลายภาพจำแม่แสนดีของลูก” ทนายตุลย์ไม่ใคร่จะเห็นด้วยเท่าไหร่นักกับความคิดของอีกฝ่าย จึงพยายามโน้มน้าวทว่าเหมือนจะไม่สำเร็จเท่าที่ควร เพราะคุณภุชงค์มีคำตอบที่แน่วแน่อยู่ในใจ
“แต่คุณท่านจะกลายเป็นแพะรับบาป” คนที่ถูกประณามมีแต่ฝ่ายชาย แม้ตอนนี้สังคมจะไม่ได้รับรู้ก็ตาม แต่หากเรื่องแดงก็จะมองว่าคุณภุชงค์เป็นฝ่ายผิดที่พาหญิงอื่นเข้าหยามเมียถึงในบ้าน ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าคนที่ทำให้เกิดเรื่อง
คือคุณผู้หญิงของบ้านณรงค์ฤทธิ์เดชา
แม้กระทั่งพสุที่เป็นลูกยังไม่รู้เลย เอาแต่โทษบิดาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เจอหน้าทีไรเป็นต้องชวนทะเลาะตลอดเวลา
จากลูกชายที่เคารพพ่อยิ่งชีพ กลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมืออย่างง่ายดาย เพียงเพราะเจอฤทธิ์คำลวงของนราวดี
“ก็ยังดีกว่าทำร้ายลูกซ้ำสอง ให้ลูกรู้ว่าแม่ของตัวเองมีชู้แล้วคิดแผนหย่ากับพ่อ และเอาเงินทั้งหมด...ไปใช้กับชู้ทิ้งเขาไว้ข้างหลัง” ยิ่งพูดก็ต้องกลืนก้อนสะอื้น เสียใจหนักกว่าเก่ากับความจริงซึ่งไม่คาดฝันมาก่อน
คนอยู่เบื้องหลังจะเป็นคนใกล้ตัวและไว้ใจขนาดนี้...
“ฉันไม่อยากให้ลูกเจ็บมากกว่านี้” ถึงท่านจะถูกตราหน้าก็ไม่เป็นไร ขอเพียงหัวใจของพสุไม่บอบช้ำไปมากกว่านี้
ทนายตุลย์ไม่ใคร่จะพอใจสักเท่าไหร่ แต่ตนก็เป็นตนนอกไม่อาจทำอะไรได้ตามใจ ต้องยอมฟังคำสั่งของเจ้านายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำเพียงค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม ผ่อนลมหายใจเสียงเบาไม่ให้คนตรงหน้ารู้ว่ากำลังหงุดหงิด
“เก็บไว้เป็นความลับ ห้ามบอกใคร” คนฟังทำได้แต่จำยอมพยักหน้า
“ครับคุณท่าน”
รับคำเสียงเรียบแล้วเดินออกจากห้อง ทิ้งเอกสารพวกนั้นเอาไว้ให้คุณภุชงค์ได้ดู แล้วตอกย้ำถึงความจริงที่แสนเจ็บปวด
“คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไง คุณไม่สงสารลูกบ้างเหรอคุณนิ้ง” ร้องไห้กับเรื่องที่ตนต้องเผชิญ คนที่รักทำกันได้ลงคอ หากหล่อนอยากไปเหตุใดไม่บอกกันตั้งแต่แรก มาทำแบบนี้เพื่ออะไร
บอกว่าไม่รักซะยังจะดีกว่าหลอกให้เขาเป็นคนผิด และสร้างบาดแผลขนาดใหญ่ทิ้งเอาไว้ให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเรา
การกลับมาของพสุทำให้คนเป็นแม่หงุดหงิดยิ่งนัก ลูกชายคอยวนเวียนพร่ำขอร้องอ้อนวอนให้กลับมาเป็นครอบครัว นางจึงต้องสวมบทบาทเพื่อตามน้ำไปก่อน เล่นฉากโศกเศร้าจนพสุคล้อยตามอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขอให้มารดากลับไปหาอยู่บ้านของเรา
ถึงแม้ว่าแก้วมันจะแตกแล้ว ชายหนุ่มก็พยายามที่จะประกอบใหม่เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม แม้มันจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม
“คุณแม่ให้โอกาสคุณพ่อสักครั้งไม่ได้เหรอครับ” นราวดีก้มหน้าแล้วส่ายศีรษะ พยายามระงับความหงุดหงิดเอาไว้ สวมบทบาทภรรยาที่ถูกสามีนอกใจได้อย่างแนบเนียน จนลูกชายยังจับไม่ได้เสียด้วยซ้ำ หลงเชื่อไปตามการแสดงของคนตรงหน้า
“พสุ...แม่ไม่ไหวจริงๆ เขาให้ผู้หญิงคนอื่นมานอนบนเตียงของแม่ แม่เห็นกับตาตัวเองแล้วจะให้ทนอยู่ด้วยกันได้ยังไง ไม่ได้หรอก แม่ทำไม่ได้” น้ำตาเม็ดโตไหลเปื้อนแก้มของมารดา พอท่านเงยหน้าแล้วร้องไห้เป็นเผาเต่าเขาก็ยิ่งสงสาร กอดท่านเอาไว้รับรู้ถึงแรงสะอื้น
เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะความมักมากของพ่อ และผู้หญิงที่หวังสูงคนนั้น!
“คุณแม่”
“ผมเข้าใจคุณแม่ครับ” เขาไม่คิดจะอ้อนวอนให้ท่านกลับไปอยู่ด้วยกันอีก เห็นถึงใจที่แตกสลายของมารดา เข้าข้างท่านเต็มที่โดยไม่ไตร่ตรองหรือคิดหาความจริง โยนความผิดให้คนบาปทั้งสองอย่างรวดเร็ว
จากนั้นจึงหมายมั่นที่จะตัดขาดจากบ้านณรงค์ฤทธิ์เดชา เขาไม่อาจทนอยู่ร่วมบ้านกับผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจมารดาได้
“ผมจะไปกับคุณแม่” บอกเสียงหนักแน่น แต่กลายเป็นว่านราวดีตะโกนห้ามเสียงดัง ส่ายหน้าไม่เห็นด้วยความความคิดนั้น
ตนจะไปอยู่กับคนรักรูปหล่อและจะกระเตงบุตรชายไปด้วยทำไม ความก็แตกกันพอดีน่ะสิ
“ไม่ต้อง!”
“ลูกกลับไปอยู่กับพ่อเถอะนะ อย่างน้อยก็ไปดูแลเขาแทนแม่...ถึงเราจะหย่ากันแต่แม่ก็ยังเป็นห่วงเขา” เล่นบทบาทคนดีไม่เปลี่ยนจนพสุหน้าหงอย ไม่อยากกลับไปบ้านหลังนั้นอีกทว่าไม่อาจปฏิเสธคำขอของมารดาได้ เขาจึงนิ่งคิดพักใหญ่ไม่ตอบตกลง คิดจะบอกปัดเสียด้วยซ้ำ