๑ ต้นเหตุแห่งความเสียใจ (๓)
“ไปกันใหญ่แล้ว แกฟังฉันอธิบายก่อนได้ไหม ฉันไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ผมไม่คิดเลยว่าพ่อจะทำแบบนี้ แม่รักพ่อขนาดนั้นทำไมถึงกล้าทำกับแม่ได้ลงคอ ถ้าไม่เหลืออดจริงๆ ผมเชื่อว่าแม่ไม่มีทางหย่ากับพ่อ มันไม่ใช่ครั้งแรกใช่ไหม พ่อทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว!” เขาตะโกนถามสุดจะทนกับคนตรงหน้า
ความเคารพที่เคยมีต่อท่านมันหายไปหมดแล้ว พ่อที่กล้าพาหญิงอื่นมานอนบนเตียงของแม่ ที่ผ่านมาท่านแสดงละครตบตาเขาหรือเปล่า
คำว่ารักครอบครัวคงเป็นเพียงลมปากอย่างเดียว ไม่มีความจริงใจอยู่ในนั้นเลยสักนิด
“ฉันไม่เคยทำ!” ตะโกนกลับด้วยความเสียใจเมื่อลูกชายเพียงคนเดียวไม่เชื่อตน
“ผมไม่เชื่อ!”
“เป็นครั้งแรกที่ผมผิดหวังในตัวพ่อมาก” เขาจ้องท่านนิ่งแล้วพูดตามความรู้สึก ปาดน้ำตาที่ไหลเปื้อนแก้มก่อนเดินออกจากห้องทำงานของคุณภุชงค์ ซึ่งทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังของลูกชาย ไม่นานก็ร้องไห้อย่างเหลืออด
“ฮึก ฉันไม่ได้ทำ”
ตนไม่เคยทำผิดต่อครอบครัวเลยสักครั้ง...ทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย!
“กลับมาทำไม!”
เสียงตะโกนลั่นโถงกลางบ้านเมื่อผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุให้ครอบครัวณรงค์ฤทธิ์เดชาต้องแตกแยกกลับเดินหน้าตายเข้ามาภายใน แม่บ้านที่รักเจ้านายยิ่งชีพจึงสวมบทบาทแม่มดแล้วไล่คนตรงหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว
หล่อนสะดุ้งกับเสียงดังแสบแก้วหู ผงะก้าวถอยหลังเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ก็ไม่อาจกลับออกไปได้ หากไม่นำของที่ลืมไว้กลับไปด้วย
“ฉัน ฉันลืมของไว้ในบ้าน...” ชี้เข้าไปในบ้านแล้วพยายามทำตัวลีบเล็ก หลายวันที่ผ่านไปยิ่งสร้างความกังวลแก่เธอเป็นอย่างมาก กลัวว่าตนจะกลายเป็นสาเหตุให้คนทั้งสองเลิกกันโดยไม่ตั้งใจ
“ออกไป ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ เป็นแค่โสเภณีแต่ทำให้คุณผู้หญิงคุณผู้ชายต้องแตกหักกัน หน้าด้านชอบแย่งผัวคนอื่น” ผรุสวาทใส่หญิงสาวแล้วมองด้วยแววตาเหยียดต่ำ จนหล่อนต้องรีบปกป้องตัวเองในสิ่งที่ไม่ได้ทำ
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้ทำ”
แต่ยังพูดไม่ทันหมดกลับมีร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนมายืนตรงหน้า สีหน้าของท่านเรียบเฉยติดเย็นชา ทว่าไม่ได้ไล่เธอเหมือนหมูเหมือนหมาอย่างที่แม่บ้านตรงหน้าทำ
“เธอมาทำไม”
“ฉันมาเอาบัตรประชาชนค่ะ ลืมบัตรเอาไว้ตอนมาห้องคุณ ความจริงฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นกับคุณเลยนะคะ ไม่รู้ทำไมถึงนอนข้างคุณ” ใช้โอกาสนี้อธิบายและแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ว่าไม่ต้องการขายเรือนร่างหรือทำให้ครอบครัวใครแตกแยก
ถึงเธอจะจนแต่ก็ไม่เคยคิดหาเงินทางลัด ชอบทำงานแลกเงินมากกว่า เรื่องการขายตัวจึงไม่เคยอยู่ในหัวเลย
“เข้ามาคุยกันหน่อยสิ” เห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สืบหาความจริง จึงเชิญคนตรงหน้าเข้ามาคุยในห้องทำงาน
“ค่ะ” เธอเดินตามอย่างรวดเร็ว ต้องการบัตรประชาชนคืนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน หากไปทำใหม่ก็เสียเวลาและต้องเสียเงินเพิ่มอีก สู้มาเอาที่บ้านหลังนี้และอธิบายเรื่องทั้งหมดให้พวกท่านได้ทราบไม่ดีกว่าหรือ
หล่อนเองก็ต้องการเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
“คุณผู้ชายยังกล้าพามันเข้าบ้านอีก รีบโทรบอกคุณพสุเร็ว” แม่บ้านเห็นอย่างนั้นก็รีบโทรหาเจ้านายอีกคนเพื่อให้มาจัดการผู้หญิงหน้าด้าน
เชื่อว่าวันนี้จะได้เห็นละครฉากใหญ่ที่สร้างความสะใจให้ตนแน่นอน
เข้ามาในห้องทำงานที่ใหญ่โตและมีหนังสือวางเรียงรายอยู่รอบบริเวณห้องก็เผยอปากค้าง นึกว่าหลุดเข้ามาในห้องสมุดสักแห่งเสียอีก เหตุใดหนังสือจึงเยอะเช่นนี้ แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่ หล่อนต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
เจ้าของห้องผายมือให้หล่อนนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม จึงได้ค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณพร้อมนั่งลงอย่างเรียบร้อย
“จำอะไรได้บ้าง” คำถามแรกที่เอ่ยทำให้หญิงสาวนึกถึงเรื่องราวในวันนั้น เล่าออกมาเป็นฉากพอที่ตัวเองจะจำได้
“ฉันจำได้ว่าวันนั้นคุณเมามาก แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งมาจ้างให้ฉันขับรถไปส่งคุณ...ตอนนั้นฉันร้อนเงินเลยรับเอาไว้ แล้วมาส่งคุณตามที่อยู่ในจีพีเอส เข้ามาในบ้านก็ไม่มีใครอยู่สักคน แต่เห็นว่าประตูห้องของคุณเด่นสุดเลยเข้าไปวางคุณไว้บนเตียง”
บ้านหลังใหญ่ที่ควรมีคนมารอรับกลับเงียบเชียบจนน่าสงสัย แต่กระนั่นหล่อนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พาลูกค้าไปส่งถึงบนเตียงแล้วค่อยเดินออกมา จังหวะที่จะก้าวไปยังประตูกลับเจ็บท้ายทอย แล้วทุกอย่างก็มืดสนิท
“แล้วเหมือนว่า...ฉันก็เจ็บที่ท้ายทอย หมดสติไป...ตื่นมาอีกทีก็อยู่บนเตียงกับคุณแล้ว” คนฟังทำได้เพียงพยักหน้า จดจ้องสีหน้าแววตาของหล่อนเอาไว้ตลอดเวลาเพื่อจับสังเกต มั่นใจว่าหญิงสาวคงไม่ได้โกหกตนถึงได้เงียบ
ใครกันนะที่อยู่เบื้องหลัง สามารถเข้านอกออกในบ้านของตนได้...โดยที่รู้จักทุกซอกทุกมุมเป็นอย่างดี
ถึงพ้นกล้องวงจรปิดทุกตัวที่ติดไว้รอบมุมบ้าน...
“นี่บัตรประชาชนของเธอ เอากลับไปเถอะ” ยื่นบัตรที่พบว่าตกอยู่ข้างเตียงให้หล่อน เก็บเอาไว้ให้นักสืบไปค้นประวัติ แต่วันนี้เจ้าของมาทวงถึงบ้านคงต้องคืน
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนรับมาถือไว้แล้วยิ้มกว้าง ดีใจที่มันไม่หายไปไหนจนต้องเสียเวลาไปทำใหม่ ยกมือไหว้เป็นการขอบคุณค่อยลุกยืนเต็มความสูงของตน แสดงความจริงใจหมดแล้วจึงคิดจะจากลา แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน เจ้าของบ้านกลับรั้งเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“ทำงานอะไร” ทราบว่าหญิงตรงหน้ายังเรียนไม่จบ จึงได้ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิดที่หล่อนถูกดึงเข้ามาในความวุ่นวาย
“เรียนปริญญาตรีค่ะ แล้วก็ทำงานรับจ้างแปลภาษา เขียนบทความ...อาจจะมีงานอื่นบ้างค่ะ แต่ฉันยืนยันว่าไม่เคยคิดจะขายตัวเลยสักครั้ง” ยังคงย้ำอีกครั้งกลัวว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจหล่อนผิด งานที่เธอทำก็สุจริตทั้งนั้น ถึงจะเหนื่อยและได้เงินน้อยแต่ก็ภูมิใจในงานที่ใช้ความสามารถ
“ฉันจะฝากงานให้เอง”
“คะ” ถึงกับเผลออุทานด้วยความตกใจ
“เพื่อนของฉันเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ ถ้าเธอเก่งทางด้านภาษาฉันจะบอกเขาให้” ท่านมีเส้นสายกว้างขวาง การฝากเด็กคนหนึ่งเพื่อทำงานแค่นี้ไม่ถือว่าเหนือบ่ากว่าแรง แทบจะเป็นเรื่องเล็กน้อยด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ” ค้อมศีรษะจนเกือบติดพื้นแล้วขอบคุณคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เธอเองก็คงเป็นเหยื่อเหมือนกัน แต่คนทำ...ทำไปทำไม” นั่งคิดด้วยความสงสัย แต่ไม่นานประตูก็ถูกผลักให้เปิดจนทั้งสองหันไปมอง พบร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มผู้หล่อเหลา ขนาดหล่อนยังเผลอตกตะลึงในหน้าตาของเขาครู่หนึ่ง
ดวงตาเรียวยาว จมูกโด่งเป็นสัน ปากหนาได้รูปเข้ากับใบหน้า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือส่วนผสมที่ลงตัวของพ่อกับแม่
แต่ว่าแววตาที่โชนแสงเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีนักกับตัวเธอ...
“คุณพ่อเป็นบ้าอะไรเรียกผู้หญิงคนนี้มาทำไม!” ชี้มายังร่างแบบบางจนหล่อนสะดุ้ง ไม่ทันให้ได้ตั้งตัวก็เข้าคว้าข้อมือเล็กแล้วกำจนเธอหลุดเสียงอุทานด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย”
นอกจากจับไม่พอยังจูงกึ่งลากให้เธอเดินตามออกมาข้างนอก คนเป็นพ่อเห็นอย่างนั้นจึงรีบเดินตามเพื่อห้ามปราม เพราะรู้ว่าหญิงตรงหน้าไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย หล่อนก็เป็นเหยื่อเช่นเดียวกัน
“พสุใจเย็น”
“เย็นอะไร ให้ผมเย็นได้ยังไง คุณแม่ออกจากบ้านไปไม่ถึงสามวันแต่คุณพ่อกลับพาผู้หญิงหน้าด้านใจสกปรกเข้ามาในบ้าน คุณพ่อคิดอะไรอยู่!” ตะโกนถามเสียงลั่นอย่างเจ็บปวด กำข้อมือของหล่อนแน่นกว่าเดิม อยากจะบีบให้แตกละเอียดเลยด้วยซ้ำ หล่อนเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า พยายามแกะมือเขาแต่ก็ไม่เป็นผล
“เขาแค่มาเอาของที่ลืม”
“แผนตื้นๆ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่เชื่อ คงอยากมาดูว่าแผนที่วางไว้สำเร็จหรือเปล่า ดีใจใช่ไหมที่ทำให้ครอบครัวคนอื่นพัง สะใจแล้วใช่ไหม!” หันมาถามคนที่ตัวเล็กกว่าตน ดวงหน้าหวานล้ำกับเรือนร่างอรชรไม่แปลกใจเลยที่บิดาเขาจะชอบจนพาเข้าบ้าน
และเธอคือคนที่ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก!
“ฉันไม่ได้ทำ” ส่ายหน้าและพยายามบอกความจริงกับเขา แต่มีหรือที่ร่างสูงจะสนใจ กลับลากเธอออกมาที่โถงกลางบ้าน
“ปล่อยเธอได้แล้วพสุ เรามาคุย...” คุณภุชงค์พยายามห้ามลูกชายแต่ก็ไม่เป็นผลสักนิด
“โอ๊ย” เขายอมปล่อยเธอเป็นอิสระแล้วผลักหญิงสาวจนล้มลง สายตาเหลือบไปเห็นแม่บ้านที่ถือถังน้ำถูพื้นที่ใช้แล้วมาพอดี จึงไม่รอช้าที่จะเดินไปคว้าถังนั้นมาถือเอาไว้ ประมุขของบ้านเห็นเค้าลางไม่ดีจึงพยายามจะเข้าไปห้าม
“พสุจะทำอะไร”
“ว้าย”
ซ่า!
แต่ก็ไม่ทันเพราะเขาได้สาดน้ำสีเข้มใส่ร่างแบบบางเป็นที่เรียบร้อย จนเธอเปียกโชกไปทั้งตัวพร้อมกลิ่นเหม็นจากน้ำสกปรก
“ผู้หญิงสกปรกแบบเธอ ก็เหมาะกับน้ำสกปรกแบบนี้แหละ” ตะโกนใส่หน้าของหญิงสาวที่ทำได้เพียงนั่งนิ่งไม่กล้าจะต่อกรกับคนตรงหน้า ซึ่งน่ากลัวจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับชายหนุ่มด้วยซ้ำ
“มากไปแล้วนะพสุ!”
“มันไม่มากไปหรอกครับ! ผู้หญิงคนนี้ทำให้คุณแม่เสียใจ ถ้าพ่อพาเข้ามาในบ้าน...ผมไม่อยู่เฉยแน่” คำพูดของบุตรชายทำให้ท่านไม่กล้าต่อว่าอะไรอีก นอกจากให้หล่อนไปชำระกายที่หลังบ้านแล้วบอกคนรถแอบไปส่งโดยไม่ให้ลูกตนทราบ
ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่จบ...