๑ ต้นเหตุแห่งความเสียใจ (๒)
“ฮึก” สะอื้นไห้จนตัวโยน กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจนเสียดแทงใจคนฟัง
คุณภุชงค์ ณรงค์ฤทธิ์เดชาคือประมุขของบ้าน แต่งงานกับภรรยาผู้เป็นที่รักกว่าสามสิบปี รักสดใสผู้คนต่างชื่นชนและยกให้เป็นตัวอย่างของครอบครัวดีเด่น แต่วันนี้ทุกอย่างกำลังจะพังทลายลงในพริบตา ท่านจึงกอดคนรักไว้แน่นเพื่อประวิงวอนขอความเห็นใจ
เพราะมั่นใจว่าไม่ได้มีอะไรกับสาวน้อยรุ่นลูกอย่างแน่นอน!
คนที่นั่งบนเตียงจับต้นชนปลายไม่ถูก กอดผ้าห่มเอาไว้แน่นแล้วเค้นความจริงที่บันทึกเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน แต่ทุกอย่างก็เลือนรางจนหล่อนได้แต่ก่นด่าตัวเอง เหตุใดจึงลืมเรื่องสำคัญในตอนนี้
“ฉันอยู่กับคุณไม่ได้แล้ว ฉันต้องการหย่า!” ผลักสามีออกห่างพลางตะโกนก้อง ไม่เพียงแต่คุณภุชงค์ที่ตกใจ ร่างแบบบางบนเตียงก็เบิกตากว้างบ่งบอกถึงความตกใจไม่แพ้กัน กลายเป็นว่าเธอทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก...
“ไม่ ไม่นะ ผมไม่หย่า ทำไมผมต้องหย่าด้วย ผมกับเด็กคนนี้ไม่เคยมีอะไรกัน เราไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อคุณ เชื่อผมเถอะนะที่รัก” รั้งเอาไว้ด้วยการผวากอดภรรยา แต่นางก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ บอกเสียงหนักแน่นด้วยความเคียดแค้น ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอธิบายมากแค่ไหนก็ถูกปัดตกเหตุผลทั้งหมดทันที
“เห็นกับตาแล้วยังจะให้เชื่ออะไรอีก!”
“พรุ่งนี้เจอกันที่สำนักงานเขต!” ปลดมือหนาออกจากเอวแล้วเดินไปเปิดประตูก่อนปิดเสียงดัง ประกาศิตชัดเจนและเด็ดขาดจนคุณภุชงค์รีบตะโกนเสียงดังลั่น เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของตัวเองบ้าง
เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางทำตามคำพูดของภรรยา!
“ไม่ ผมไม่หย่า!”
ปัง!
เสียงประตูปิดดังจนคนข้างในสะดุ้ง ท่านยืนนิ่งอยู่กับที่คล้ายคนหมดแรง หัวใจเต้นเร็วจนต้องยกมือขึ้นกุมเอาไว้ ทรุดกายนั่งลงบนเตียงพร้อมกับลมหายใจเริ่มถี่ ต้องนั่งปรับอยู่สักพักซึ่งหญิงสาวที่ไม่อาจลุกไปไหนก็รวบรวมเสียงของตน อธิบายถึงเรื่องเมื่อคืนที่ตนพอจะจำได้เล็กน้อย
“ฉันไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เลย เมื่อคืนมีคนจ้างให้ฉันมาส่งคุณ แล้วฉันก็กำลังจะกลับ แต่ แต่ว่าไม่รู้ทำไม” ถึงกับต้องกุมขมับเมื่อเจอเรื่องเช่นนี้ มั่นใจว่าคนตรงหน้าไม่ได้ทำอะไรตน และหล่อนเองก็ไม่คิดจะจับท่านเพื่อหวังรวยทางลัดเช่นเดียวกัน
เหตุใดเรื่องจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“ออกไป!” ตะโกนไล่เสียงดังจนเธอลนลานรีบห่อหุ้นตัวด้วยผ้าห่มแล้วเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนออกจากบ้านหลังงามอย่างรวดเร็วโดยไม่หันมามองด้วยซ้ำ กลายเป็นตราบาปที่อยู่ติดตัวไม่รู้ว่าจะลืมได้หรือเปล่า
หล่อนได้ทำลายความรักของคนคู่หนึ่งไปแล้ว หวังเพียงท่านทั้งสองจะกลับมารักใคร่ปรองดองกันได้เหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นเธอคงรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต
“คุณนิ้งผมขอโทษ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้นได้ยังไง คุณยกโทษให้ผมเถอะนะ ขอร้องล่ะ...เราไม่หย่ากันได้หรือเปล่า ผมรักคุณ ผมรักคุณจริงๆ ผมจะหย่ากับคุณได้ยังไง เราอยู่กินกันมาสามสิบปี ถ้าขาดคุณไปผมจะอยู่ยังไง”
คุณภุชงค์ตามง้อภรรยาถึงหน้าห้องพักของโรงแรมที่นางไปอาศัยระหว่างรอหย่า พยายามบอกถึงความจริงใจของตัวเองแต่คนที่จำฝังใจกลับผินหน้าหนี ปลดมือที่ถูกกอบกุมเอาไว้อย่างนึกรังเกียจ แล้วขยับออกห่างพลางพูดเสียงลอดไรฟัน
“แล้วกล้าดียังไงพาผู้หญิงรุ่นลูกมานอนด้วย! คุณเหยียบย่ำหัวใจฉันขนาดนี้จะให้ฉันทนอยู่กับคุณอีกเหรอ หย่ากันซะ...ในตอนที่ฉันยังพูดดีกับคุณ” ภาพที่เห็นช่างบาดใจคนมองเสียเหลือเกิน จึงได้ยื่นคำขาดเป็นการตัดบัวไม่ให้เหลือใย แต่คนฟังใจแทบขาดเพราะรักภรรยาสุดหัวใจ
รักและซื่อสัตย์กับเธอคนเดียว เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
“ไม่อย่างนั้นก็คงต้องฟ้องหย่า” ท่านได้ฟังถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่านราวดีจะฟ้องหย่ากับตนให้เป็นข่าวใหญ่โต เชื่อว่าคนในวงสังคมจะต้องวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน อาจเสียไปถึงธุรกิจของตนก็เป็นได้
เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ อาจเป็นการยอมรับในความต้องการของภรรยา...นั่นคือการหย่ากับเธอ
“คุณใจร้ายกับผมมากเกินไปหรือเปล่า” นอกจากไม่ฟังคำอธิบายและยังไม่เชื่อใจกันสักนิด เร่งแต่จะหย่าอย่างเดียวจนกลายเป็นความน้อยใจ ทว่าภรรยากลับไม่สะท้าน โยนความผิดทั้งหมดมาให้สามีแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“คุณต่างหากที่ใจร้ายกับฉัน”
ไม่ว่าอย่างไรนราวดีก็ยืนยันที่จะหย่า จนคุณภุชงค์ไม่อาจเปลี่ยนใจคู่ชีวิตได้ จำต้องเซ็นใบหย่ากันเงียบๆ แล้วเลิกราโดยไม่คาดฝัน ทั้งที่ท่านยังรักภรรยาอยู่เต็มหัวใจ...
ความโศกเศร้ากัดกินใจคุณผู้ชายบ้านณรงค์ฤทธิ์เดชา ท่านขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานมากกว่าสองวันหลังหย่าจากภรรยา ไม่เป็นอะไรทำงานและไม่อยากอาหาร หากไม่ใช่เพราะต้องกินยาก็คงไม่มีข้าวตกถึงท้องด้วยซ้ำ
อ่านเอกสารตรงหน้าแต่แววตากลับเลื่อนลอย คิดถึงความรักครั้งเก่าที่ยังคงเด่นชัดในความรู้สึก ร้องไห้ไปหลายหนเมื่อมองทางไหนก็พบเพียงภาพของนราวดีอยู่ทุกมุมห้อง ผู้หญิงที่ท่านเพียรจีบอย่างยากลำบาก กว่าจะได้แต่งงานและครองรักหวานชื่น
แต่กลับพบจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้...
ท่านไม่คิดจะปล่อยให้ความจริงหายไปกับใบหย่า แอบสั่งคนของตนให้ตามสืบเรื่องน่าสงสัยทั้งหมดอย่างเงียบๆ คิดว่าต้องมีเบื้องหลังมากกว่าที่ตนทราบแน่นอน
“มันอะไรกัน ทำไมคุณพ่อถึงหย่ากับคุณแม่” ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกพร้อมการปรากฏตัวของบุตรชายที่ไปร่ำเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ แต่วันนี้กลับมายืนตรงหน้าพร้อมถามไถ่ถึงเรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดสดๆ ร้อนๆ
ประมุขของบ้านขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นอีกฝ่าย เรื่องนี้ทราบเพียงไม่กี่คนและไม่อยากให้กล่าวเป็นข่าวดัง เพราะหากรู้ถึงตัวคนอยู่เบื้องหลังจะรีบไปขอคืนดีกับภรรยา แต่ตอนนี้ทำได้เพียงแค่รออย่างเดียว ไม่อยากพูดอะไรได้มาก
เพราะถึงพูดไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี...
“แกกลับมาไทยเมื่อไหร่”
“ผมถามว่าทำไมถึงหย่ากัน!!” นอกจากไม่ตอบคำถามของบิดา ยังเลือกจะตะโกนถามถึงสาเหตุในการหย่าร้างแม้ว่าจะรู้อยู่แล้ว เพราะมารดาบอกทุกอย่างจนหมด เล่าไปร้องไห้ไปคล้ายเป็นการปรับทุกข์ จนเขาต้องบินกลับไทยเพื่อสะสางเรื่องราว
ครอบครัวที่สมบูรณ์เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เขามีบิดาเป็นตัวอย่างของความซื่อสัตย์ ทั้งยังเก่งงานบริหารเป็นอย่างมาก เดินตามรอยท่านทุกอย่างแต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งความจริงจะทำให้เจ็บขนาดนี้
พ่อนอกใจแม่...
“เป็นความผิดของพ่อ วันนั้น...พ่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตื่นมาอีกทีก็นอนอยู่กับผู้หญิงไม่รู้จัก แม่แกมาเห็นเข้า...” อธิบายอย่างใจเย็นแม้จะเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดมากแค่ไหนก็ตาม เสียงขาดห้วงเมื่อจำแววตาของภรรยาที่แสดงถึงความเจ็บปวดและผิดหวังได้ไม่ลืม
ชายหนุ่มฟังจบก็รวบรัดถามเสียงเข้มอย่างสะกดกั้นอารมณ์ “พ่อมีคนอื่น” กำหมัดแน่นแล้วผ่อนลมหายใจไม่ให้เผลอใส่อารมณ์กับบิดา รักมากเท่าไหร่ก็ผิดหวังกับท่านมากเท่านั้น
“ฉันไม่รู้จัก...”
“ซื้อผู้หญิงข้างทางมากินถึงในบ้านเลยเหรอ” คุณภุชงค์มองแววตาของลูกชายที่เหมือนกับสายตาของภรรยาในวันนั้นไม่มีผิดเพี้ยน ยิ่งเสียใจมากกว่าเดิมแล้วพยายามจะอธิบายทุกอย่าง แม้ว่าตัวเองจะไม่มีหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ก็ตาม