๑ ต้นเหตุแห่งความเสียใจ (๑)
๑
ต้นเหตุแห่งความเสียใจ
เสียงรถคันใหญ่ดังมาแต่ไกล ผ่านรั้วอัลลอยลายวิจิตรเข้ามายังถนนขนาดเล็กที่ปูเป็นทางยาวไปสู่หน้ามุขซึ่งข้างในเป็นโถงกว้างพร้อมแจกันขนาดยักษ์ใส่ดอกไม้สีสันสวยงามตามความชอบของคุณผู้หญิงซึ่งเป็นที่รักของคนทั้งบ้าน
ป้ายหน้าบ้านเขียนชื่อตระกูลณรงค์ฤทธิ์เดชาซึ่งมีเนื้อที่กว่า 15 ไร่ ที่ดินตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นบ้านหลังงามที่ตั้งอยู่ในเขตชุมชนเมือง รั้วสูงกั้นสายตาคนนอกคล้ายต้องการความเป็นส่วนตัว มีต้นไม้สูงใหญ่บังสายตาจากมุมสูง ผู้คนที่ผ่านไปมาจึงได้แต่นึกสงสัยว่าบ้านข้างในจะสวยงามมากเพียงใด
และรับรู้ได้ว่าเจ้าของบ้านจะต้องร่ำรวยเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสร้างบ้านหลังใหญ่ในที่ดินซึ่งแพงราวกับทองคำได้หรอก
เรือนร่างงดงามของหญิงวัยกลางคนก้าวลงมาจากรถ แม้อายุจะก้าวเข้าสู่เลขห้า อีกไม่กี่ปีก็เข้าเลขหกแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความงามของเธอลดลงแม้แต่น้อย หุ้นที่จงใจปั้นแต่งออกกำลังกายและเข้าคลินิก ใบหน้าที่ควรมีร่องรอยตามวัยแต่กลับเต่งตึงราวสาวแรกรุ่น ทุกอย่างล้วนต้องใช้ความพยายามและเม็ดเงิน
ซึ่งโชคดีที่สามีของนางร่ำรวยจึงบันดาลให้ได้ทุกอย่าง...
“คุณ คุณผู้หญิง...กลับมาแล้ว” ก้าวเข้ามาภายในโถงกลางบ้าน มองดอกไม้สีสันสวยงามแต่ก็เป็นเพียงพลาสติกไม่ได้ส่งกลิ่นหอมอย่างที่ควรก่อนเมินกลับมามองแม่บ้านที่ออกมาต้อนรับ น้ำเสียงคนตรงหน้าค่อนข้างสั่น ทั้งแววตาที่ลุกลิกคล้ายกำลังเก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้
รับรู้ถึงความผิดปกติแต่ไม่ได้ใส่ใจ เลิกจะเมินก่อนถามหาสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายสิบปี จนมีโซ่ทองคล้องใจด้วยกันหนึ่งคน บุตรชายผู้เป็นที่รักและไม่เคยทำให้บุพการีผิดหวังเลยสักครั้ง
“ตกใจอะไรขนาดนั้น มีอะไรหรือเปล่า...แล้วคุณผู้ชายอยู่ไหนล่ะ สายป่านนี้น่าจะไปทำงานแล้วล่ะ” เพิ่งกลับจากไปเที่ยวต่างจังหวัดกับบรรดาเพื่อนสนิท มองนาฬิกาที่ตั้งโชว์อยู่ห้องโถงก็เห็นว่าสายมากแล้ว แต่รถยนต์ของสามีกลับจอดอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไปไหน
นั่นแสดงว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปบริษัท ทราบดังนั้นก็ส่ายหน้าระอาพลางถอนหายใจ พอตนไม่อยู่ก็ทำตามใจ
“เอ่อ คุณผู้ชายยังอยู่ในห้องนอนค่ะ” ตอบเสียงเบาแล้วก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตาเจ้านาย
เธอหมายจะขึ้นไปทำความสะอาดห้องใหญ่เพราะคิดว่าท่านออกไปทำงานแล้ว ไม่นึกว่าจะยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงไม่ไหวติง...
แต่ที่ทำให้ตกใจคือบนเตียงที่ควรจะมีเพียงผู้ชายคนเดียว กลับมีร่างปริศนานอนข้างกัน!
“อ้าว วันนี้ไม่มีงานหรือไง ไม่ได้การแล้วจะต้องไปปลุกสักหน่อย” รีบก้าวเท้าขึ้นไปบนห้องโดยไม่ลืมเปลี่ยนจากส้นสูงเป็นสลิปเปอร์
ผ่านบันไดวนขนาดใหญ่ที่ทำตามหลักฮวงจุ้ยทุกประกายมายังชั้นสอง ประตูหลายห้องถูกเปิดเอาไว้เพราะต้องทำความสะอาดทุกเช้า แม้บางห้องจะไม่ถูกใช้ก็ตาม เพราะคุณผู้หญิงรักความสะอาด แม่บ้านถึงต้องทำให้บ้านสะอาดไร้ฝุ่นตลอดเวลา ถึงจะมีเครื่องฟอกอากาศแทบทุกจุดของบ้าน แต่ก็ต้องทำความสะอาดด้วย
เป็นคำสั่งที่ทุกคนทำตามอย่างเคร่งครัด...
“เฮ้อ จะทำยังไงดีเนี่ย ผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่ลงมา แย่ แย่แล้ว...” ถึงกับกุมขมับเห็นถึงความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดจากบ้านที่สงบสุขมาเป็นเวลานาน นึกสงสัยว่าเมื่อคืนตนนอนหลับไปได้อย่างไรทั้งที่ตั้งนาฬิกาปลุกจะมารอปิดบ้านแท้ๆ
จึงไม่ทราบว่านอกจากประมุขของบ้านจะกลับดึก ยังถือโอกาสพาผู้หญิงขึ้นเตียงลับหลังเมียอีกต่างหาก!
คุณนราวดี ณรงค์ฤทธิ์เดชาค่อยหมุนลูกบิดที่ไม่ได้ล็อค ปลุกสามีมาตั้งแต่หน้าห้องทั้งที่ยังไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าคู่ชีวิตกำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงกับผู้ใด วางกระเป๋าเอาไว้ที่โต๊ะยาวซึ่งเอาไว้ตั้งจอโทรทัศน์ขนาดสี่สิบสองนิ้ว
“คุณคะ...สายแล้วยังจะนอนอยู่อีก รีบตื่นเถอะค่ะวันนี้มีประชุมไม่ใช่เหรอ” ดวงหน้างามยิ้มแย้มก่อนหันมามองคนที่นอนบนเตียง พลันรอยยิ้มค่อยเลือนหาย มุมปากที่ยกขึ้นกลายเป็นเส้นตรง พร้อมเสียงที่แผดก้องเพื่อปลุกคนที่เข้าสู่ห้วงนิทราให้ตื่นขึ้น
“นี่ นี่มันอะไรกัน!!” สามีที่ควรนอนบนเตียงคนเดียว กลับใช้มือข้างหนึ่งพาดไปยังหญิงสาวข้างกาย ลำตัวที่โผล่พ้นผ้าห่มเปลือยเปล่าไม่มีอาภรณ์ปกปิด นางค่อยเลื่อนสายตามองบนพื้นจึงพบเสื้อผ้าที่วางกระจาย บ่งบอกให้รู้ว่าถูกถอดอย่างเร่งรีบ
ส่ายศีรษะไม่อยากเชื่อกับภาพตรงหน้า ดวงตาร้อนผ่าวปากสั่นมือสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ยกมือขึ้นปิดปากกลัวว่าจะส่งเสียงกรีดร้องให้อับอายไปทั้งบ้าน ก้าวถอยหลังพลางส่ายศีรษะไม่นึกว่าคนรักจะทำกันได้ลงคอ
ทั้งที่แต่งงานกันมาสามสิบกว่าปี มีลูกชายเป็นพยานรักหนึ่งคนแต่เขากลับเอาหญิงอื่นมาหยามหน้าถึงในบ้าน และนอนบนเตียงของนาง!
“อือ เสียงดังโวยวายอะไร” คนที่ดื่มหนักจนเมาไม่รู้เรื่องค่อยลืมตาอย่างเชื่องช้า พรูลมหายใจเหนื่อยล้าเหม่อมองเพดานเพื่อปรับสายตาอยู่สักพัก อายุมากขึ้นและโรคที่อยู่ทำให้เหนื่อยกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันเป็นอย่างมาก
อีกทั้งเมื่อวานยังดื่มไปค่อนข้างเยอะจากการคะยั้นคะยอของเพื่อนและคู่ค้าทางธุรกิจ ออกไปสังสรรค์จนดึกดื่นค่อนคืนถึงได้กลับบ้าน รู้เลยว่าสภาพร่างกายตัวเองไม่ไหว สงสัยครั้งหน้าคงต้องขอไปร้านอาหารเพื่อสุขภาพ หรือไม่อย่างนั้นก็คงไปสนามกอล์ฟเสียแล้ว
ยันกายผุดลุกนั่งบนเตียง แต่แล้วกลับสัมผัสได้ว่ามือของตนพาดอยู่บนความนุ่มนิ่มของบางสิ่งที่ไม่ใช่หมอนข้าง จึงรีบหันไปมองก่อนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ คิดจะลุกจากเตียงแต่ไม่มีเสื้อผ้าสวมติดกายสักชิ้น จึงต้องนั่งอยู่ที่เดิมแล้วมองหญิงสาวที่เพิ่งตื่นจากห้วงนิทราเช่นเดียวกัน
หล่อนมองรอบห้องอย่างตระหนก สีหน้าแสดงถึงความหวาดกลัวหวาดหวั่น ตกใจจนเสียงหายไม่แม้แต่จะเอ่ยเอื้อนวาจาออกมาสักคำ
เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!
“เฮ้ย! หนู หนูเป็นใคร ทำไมมานอนบนเตียงของฉันได้” รีบถามด้วยความสับสน พยายามคิดเรื่องเมื่อคืนก็นึกไม่ออก เมาจนจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ
กระทั่งใครมาส่งที่บ้านแล้วนอนบนเตียงได้อย่างไรท่านก็ไม่ทราบ เหตุใดผู้หญิงคนนี้ถึงมานอนบนเตียงของตนกับภรรยาได้
“ไม่ ไม่จริง” สาวน้อยทำได้เพียงพึมพำเสียงเบาแล้วมองหาเสื้อผ้าของตน อยากรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“คุณ คุณนอกใจฉันเหรอ! นี่มันเตียงของฉัน คุณกล้าเอาอีตัวมานอนบนเตียงของฉัน จะเหยียบหัวฉันเกินไปแล้ว!”
คุณผู้หญิงที่เงียบมาสักพักถึงกับตะโกนเสียงดังอย่างอัดอั้น เข้าไปทุบตีสามีของตัวเองพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม จนเขาต้องคว้ามือนางเอาไว้พร้อมปฏิเสธถึงสิ่งที่ตนจำไม่ได้และมั่นใจว่าไม่ได้ทำอย่างแน่นอน
เหตุใดจะต้องนอนกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เมียด้วย ในเมื่อทั้งหัวใจมีเพียงคู่ชีวิตครอบครองทั้งหมด ไม่เคยคิดจะมีใครอื่นเลยสักครั้ง
หรือผู้หญิงคนนี้คิดจะจับตน...จึงได้กุเรื่องทั้งหมดขึ้นมา
“ไม่จริงนะคุณ ผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ เชื่อผมเถอะนะ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ” หยิบกางเกงที่อยู่ใกล้มือมาสวมรวดเร็ว แล้วลุกจากเตียงเพื่อมากอดคนรักของตน แม้นางจะพยายามดิ้นให้หลุดและทุบตีเขาเพื่อระบายความเคียดแค้นก็ตาม