ตอนที่ 18 ชิงชัง
เฉินเฮ่าที่เคียดแค้นชิงชังอย่างยิ่งมองยังเหลียงซีน ในอกเต็มไปด้วยไฟแห่งความ โกรธออกมา ที่เสี้ยววินาทีก็สามารถติดเป็นไฟ ขึ้นได้
“เจ้านี่ช่างเป็นสตรีที่เหี้ยมโหด วันนี้ข้าจะ ต้องระบายความแค้นด้วยการฆ่าเจ้าให้ได้”
เขาโบกมือ ให้บ่าวที่อยู่ด้านหลังเดินเข้า มา ชูแส้ขึ้นสูง ออกแรงอย่างสุดกำลังตีลงไปที่ด้านหลังของเหลียงซีน
ในคืนที่เงียบสงบไร้เสียงนี้ เหลียงซีน รองรับการทรมานที่ถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติ ธรรมดา แต่ว่านางก็กัดฟันพูดกับตนเองว่า ยิ่งอยู่ในเวลาเช่นนี้ นางยิ่งจะตายไม่ได้
นางรู้ว่าชีวิตนั้นเหมือนสิ่งของที่ดูอ่อนแอ ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นางมองเห็นความเป็น ความตายที่จางหายไปแล้ว นางจะต้องมีชีวิต
ต่อไป เพียงมีชีวิตอยู่ ก็จะสามารถแก้แค้นได้
“เพี๊ยะ เพี๊ยะ...” แส้ฟาดลงทีแล้วที่เล่า กระหน่ำลงไปในเนื้อ ผิวหนังเปิดออก
หลังครบสามสิบแส้ ทั่วร่างกายของเหลียงซีนเต็มไปด้วยเลือด บนร่างกายทั้งตัวไม่มี บริเวณที่ดีเลย เหลือเพียงใบหน้าที่งามหยาดเยิ้มเท่านั้น และดวงตาคู่นั้นที่มืดมิดหนาวเย็น ยิ่งกว่านรก
เฉินเฮ่าเดินไปที่นางอย่างช้าๆ ภายในสาย ตาล้วนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เจ้าวางใจ ข้ายังไว้ชีวิตที่ด้อยค่าของเจ้า ทุกวันทรมาน เจ้าหนึ่งครั้ง ให้เจ้าอยู่ก็เหมือนตาย”
หลังเอ่ยจบ เขาก็เหวี่ยงชายเสื้อออกจาก ที่นี่ไป เหลือไว้เพียงไม่กี่ประโยคที่เอ่ยกับบ่าว ที่เฝ้าดูอยู่ที่นี่
ฉินฮั่วและชิวยั่วน้ำตาไหลออกมาอย่าง เงียบเชียบ ฟุบหมอบไปจนถึงที่เท้าของเหลียงซีน เอ่ยอย่างสะอึกสะอื้น “พระชายาท่าน เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
เหลียงซีนที่ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจ กัดฟันแน่น “พวกเจ้าวางใจ ข้าไม่ทำให้ตนเองที่ ยังไม่รับรู้อะไรเช่นนี้แล้วต้องตายไป เรื่องเย็นวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?"
“พระชายา พอท่านออกไปแล้ว พวกเราทั้ง สองคนก็เฝ้าอยู่ที่ประตูข้าง รอท่านกลับมา แต่ว่าคนในเรือนเล่ออินพูดกันว่าพระชายารองกิน อาหารเย็นที่มีพิษเข้าไป
ฝ้ายพูดว่าท่านเป็นคน ทำ ท่านอ๋องจึงโกรธจนอดกลั้นไม่ไหว ทุบตี เฆี่ยนตีพวกเราอย่างหนัก และยังเอ่ยว่าจะเอา ชีวิตท่านอีกด้วย”
“สิ่งนี้ไม่ผิด” เหลียงซีนหัวเราะออกมาเบา
ชิวยั่วไม่เข้าใจ “พระชายา อะไรไม่ผิดเจ้าคะ?"
นางเพียงส่ายหน้า ไม่ยอมพูดให้มาก ความ “พวกเจ้าสองคนกลับไปก่อน ไม่ต้องอยู่ เป็นเพื่อนข้ารับการลงโทษ”
“พระชายาแม้ว่าจะต้องตาย พวกเราก็จะ ตายไปกับท่าน ขอร้องท่าน อย่าให้พวกเรารีบ ไปเลยเจ้าคะ” ฉินฮั่วและชิวยั่วโผเข้ามาคุกเข่า ลงที่พื้นพร้อมกัน เพื่อวิงวอน
มองพวกนางสองคนที่เป็นเช่นนั้นแล้ว เหลี ยงซีนก็ไม่พูดอะไรออกมา ในใจกลับคิดอย่าง เงียบๆ ว่าตนเองควรจะปลีกตัวออกมาอย่างไร หากยังคิดหาทางออกไม่ได้ ตนเองก็คงต้อง หนาวเย็นอยู่ที่นี่แล้ว
แต่ว่า นางจะมีวิธีอะไรกัน
เวลาเที่ยงคืน ฝนเม็ดใหญ่ ซ่า ซ่า ซ่า ตกลงมา ตกกระหน่ำลงมาจนถึงร่างกายของ เหลียงซีน ซึมเข้าไปในบาดแผลของนาง เจ็บจนนางสั่นออกมาไม่หยุด
นางคล้ายกับคิดถึงคืนที่ฝนตกคืนหนึ่งเมื่อ ห้าปีก่อนหน้านี้ขึ้นมา ที่ก็เจ็บปวดเช่นนี้เช่นกัน มีฝนที่เทลงมาปานฟ้ารั่วเช่นกัน นางบนยอด เขาซานพิสูจน์ศพ ศพที่พิสูจน์คือพ่อแม่ของนาง แต่ตอนนั้นมีเพียงในใจที่เจ็บปวด ตอนนี้ กลับมีร่างกายที่เจ็บปวดด้วย
หลังจากนั้นตน อะไรที่เจ็บล้วนไม่อาจ เรียกว่าทำให้เจ็บ อะไรที่บาดเจ็บล้วนเทียบกับ การบาดเจ็บในวันนั้นไม่ได้
วันคืนอันมืดมิดที่ต้องเสียพ่อแม่ไป นาง ล้วนแข็งแรงข้ามผ่านมาได้ บาดเจ็บแค่นี้เรียก ว่าอะไร
สติของนางยิ่งผ่านไปยิ่งเลอะเลือน
โอนเอนไม่มั่นคง แสงสีขาวปรากฏออกมาต่อ หน้าต่อตาของนาง ระหว่างที่ใจลอย ร่างสีดำ หนึ่งก็ปรากฏมาที่ด้านหน้าของนาง
“สตรีผู้นี้ เถรตรงเสียจริง ล้วนพูดแล้วว่า ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ จะต้องลงมือเองให้ได้ สุดท้ายก็ต้องใช้ชีวิตของเจ้าเอง เป็นเช่นนี้คุ้ม ค่าแล้วหรือ”
นี้เป็นเสียงที่แห้งทุ้มต่ำนั้นอีกแล้ว
คนที่ลึกลับผู้นั้นในครั้งก่อนปรากฏตัวออก มาอีกแล้ว
เหลียงซีนลืมตาขึ้นอย่างลำบาก ใช้แรง เฮือกสุดท้ายของตนเอ่ยขึ้น “ความแค้นและ บัญชีเลือดบนร่างกายของเจ้า หากข้าช่วยเจ้าเอา คืนแล้วเจ้าดีใจหรือไม่”
“ช่างเถอะ เจ้าไม่มีวันเข้าใจ...” หลังจาก ที่นางพูดจบ สติทั้งหมดที่มีก็หายไป
คนชุดดำลึกลับจับที่ใบหน้าของนางอย่าง เวทนาสงสาร บ่นพึมพำออกมาเหมือนกับไม่มี อะไร “บังเอิญพบกันคือโชคชะตาอย่างหนึ่งไม่ต้องสนใจว่าเมื่อก่อนรู้จักกันหรือไม่”
เมื่อน้ำเสียงของเขาเพิ่งเอ่ยจบลง ช่วง เวลาที่ฉับพลันนั้น ด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าที่ดู ยุ่งเหยิงดังออกมา เฉินเฮ่าที่สวมชุดที่ขึ้นจาก ผ้าไหมสีน้ำเงิน เห็นได้ชัดเจนว่าเมื่ออยู่ใต้ แสงจันทร์ยิ่งเพิ่มความเยือกเย็นขึ้น
“ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวออกมา อยู่ใน ตำหนักของข้านานเช่นนี้ ต้องการใช้ชีวิตมา ชำระคืน” เฉินเฮ่าเย็นชาเพ่งมองไปยังด้านหน้า ของคนชุดดำ
“ท่านอ๋องเซง เลื่อมใสมานาน ได้ยินมาว่า ท่านคือหนึ่งในยอดนายพล วันนี้นับเป็นวาสนา ที่ได้พบ ตายไปก็ไม่เสียดาย” คนลึกลับนั้นมี กิริยาท่าทางที่สง่าผ่าเผย ยิ้มหวานออกมา
“คำพูดนี้ เจ้าเก็บไว้พูดกับยมบาลเถอะ ทหารจับตัวเขามา ข้าต้องการเห็นว่าผู้ใดช่าง กล้ามาสอดแนมในตำหนักอ๋องเซง”
เฉินเฮ่าเพิ่งเอ่ยจบลง ยอดฝีมือข้างกายทั้งสองคนก็เหาะขึ้นไป ประกบ ซ้ายขวาอยู่ด้านข้างของคนชุดดำเพื่อยับยั้ง
แต่ว่า คนชุดดำวิทยายุทธแกร่งกล้า ทั้ง สองคนล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ประเดี๋ยว เดียวก็ถูกโจมตีจนแทบสลบที่พื้น
เฉินฮ่าวเห็นเหตุการณเป็นเช่นนั้น จึงใช้ วิชาตัวเบาเหาะขึ้นไปทันที ปะทะกับคนชุดดำ ในคืนที่มืดมิด วิทยายุทธกำลังภายในของทั้ง สองคนหนึ่งหยินหนึ่งหยาง ซ้ายขวาวนเวียน สองฝ่ามือสุดท้ายที่ตั้งรับกัน ทำให้ทั้งสองคน ล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส
“วิทยายุทธ์ของคนที่มาจากชายแดนอย่างนั้นหรือ? ดี มหัศจรรย์มาก " เฉินฮ่าวกัดฟัน เพ่งเล็งไปยังเขาที่ปลีกตัวออก ไปตกอยู่ในสายตาของตนฝนตกที่ตกหนักลงก็ปรอย ๆ ค่อย ๆ หยุดลง เสียงอึกทึกครึกโครมเมื่อสักครู่ได้หยุดลงอย่างไร้ร่องรอย
ทั่วทั้งตำหนักอ๋องเซงคล้ายกับถูกความมืดมิดกลืนกินเข้าไปเงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจ
..